อาการแบบนี้ บ่งบอกบอกว่าฉันเครียดเกินไปในการเลี้ยงลูก
แน่นอนว่าการเป็นพ่อแม่คนไม่ใช่เรื่องง่าย การทำหน้าที่พ่อแม่ คือ งานที่ว่ากันว่ามีความสุขที่สุด แต่ก็เหนื่อยที่สุดงานหนึ่งในโลก เป็นงานที่ต้องสร้างชีวิตของเด็กตัวน้อยๆ ให้พร้อมก้าวสู่โลกที่กว้างใหญ่ ได้อย่างมั่นคงแข็งแรง และมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่ อาจเกิดอาการเหนื่อยล้าหรือเครียด มากจนเกินไปจากการที่ต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจในการดูแลลูก
พ่อแม่ที่จมอยู่กับความเหนื่อยล้า ความกลัว ความเครียด ความวิตกกังวล และระดับพลังงานต่ำ ส่วนใหญ่ อาจไม่แสดงความรู้สึกของตัวเองให้ใครได้รู้ เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิว่าเป็นพ่อแม่ที่ไร้ความสามารถ หรือ "ไม่ดีพอ" ยิ่งในช่วงของการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา แน่นอนว่า อาจมีผู้ปกครองจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะเครียดเกินไปในการเลี้ยงลูก
เมื่อพ่อแม่หมดแรง ทุกคนในครอบครัวก็เป็นทุกข์ ในการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิจัยพบว่าอาการเหนื่อยหน่าย และเครียดเกินไปของผู้ปกครอง สามารถนำไปสู่ “พฤติกรรมที่ละเลยต่อลูกๆ ของตัวเอง”จากการศึกษาพบว่า พ่อแม่ที่ทุกข์ทรมาน จากภาวะหมดไฟหรือเครียดจนเกินไป มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงทางวาจา จิตใจ และแม้กระทั่งร่างกายเมื่อสื่อสารกับลูกๆ ของพวกเขา และมีแนวโน้มที่จะเพ้อฝันมากขึ้นเกี่ยวกับการเลิกเป็นพ่อแม่
สัญญาณเตือนทั่วไป ของอาการเครียดเกินไปในพ่อแม่ผู้ปกครอง ได้แก่
- อ่อนล้า ซึมเศร้า
- ความนับถือตนเองต่ำลง
- มีความเชื่อว่าลูกตัวเองดีสู้เด็กคนอื่นไม่ได้
- สูญเสียความสุขในการเลี้ยงดู
- เว้นระยะห่างทางอารมณ์กับลูก
- รู้สึกสิ้นหวัง คิดวนเวียนถึงความล้มเหลวในการทำหน้าที่พ่อแม่
- หงุดหงิดง่าย สูญเสียความอดทน ทัศนคติติดลบ
ความเครียดที่มากเกินไปเหล่านี้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาการเครียดของผู้ปกครอง จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อตัวเอง แต่ยังส่งผลต่อการทำหน้าที่แม่หรือพ่อด้วย ความเครียดเรื้อรัง จะบ่อนทำลายระบบภูมิคุ้มกันของพ่อแม่ และทำให้เสี่ยงต่อความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ
เมื่อการทำหน้าที่ในการเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองลดลง เด็กๆ จะไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม เกิดข้อจำกัดในการสนับสนุนที่มีคุณภาพตามที่ลูกต้องการ และคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ก็จะลดลงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้เด็กๆ เกิดปัญหาทางสุขภาพร่างกาย อารมณ์ และพฤติกรรมมากขึ้น ซึ่งในกรณีที่แย่ที่สุดอาจมีการแสดงพฤติกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การใช้สารเสพติด หรือความคิดและพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
5 เหตุผล ที่ทำให้พ่อแม่เกิดความเครียดในการเลี้ยงลูก
1.คอยประกบลูกอยู่เสมอ
การอยู่ใกล้ๆ คอยประกบลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็ตามไปทุกที่ ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคุณ และก็แย่สำหรับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่จะทำให้เหนื่อยล้าเร็วขึ้น ยังเป็นการปิดโอกาสบุตรหลานที่จะได้เรียนรู้ทักษะที่สำคัญ เช่น อิสระ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และทักษะการตัดสินใจ ยิ่งบุตรหลานของคุณรู้ว่าพวกเขาสามารถพึ่งพาคุณในทุกสิ่งได้มากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งพยายามทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองน้อยลงเท่านั้น การเชื่อว่าคุณต้องอยู่ด้วยเสมอจะเป็นการเพิ่มภาระงานของคุณ
สิ่งที่ต้องทำ : แทนที่จะพร้อมเสมอสำหรับลูกๆ ของคุณ ให้ปล่อยวางบางอย่างลงบ้าง เลือกสิ่งที่คุณรู้ว่าพวกเขาสามารถทำได้ และปล่อยให้พวกเขาทำด้วยตัวเอง มอบหมายงานบ้านเบาๆ ที่พวกเขาสามารถช่วยคุณได้ และให้พวกเขาเริ่มช่วยเหลือและรับผิดชอบภาระงานนั้นๆ แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณเชื่อว่าพวกเขาสามารถทำได้
2.เชื่อในบรรทัดฐาน และค่านิยมมากเกิน
การเลี้ยงดูลูกควรเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับพ่อแม่ แต่มีโลกแห่งความแตกต่างระหว่างทฤษฎี และการปฏิบัติสำหรับผู้ปกครองหลายคน การเป็นพ่อแม่นั้นยอดเยี่ยม แต่ก็เหนื่อยล้า ทั้งทางอารมณ์และทางร่างกาย เช่นกัน ปัญหาคือพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ ได้รับการสอนมาโดยตลอดให้เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเป็นทุกอย่างสำหรับลูก และเมื่อพวกเขา "ขาดตกบกพร่อง" ก็มักตำหนิตัวเองว่าไม่ดีพอ รู้สึกผิดที่ใช้เวลากับตัวเอง พวกเขารู้สึกผิดที่คนอื่นจะมองพวกเขาไม่ดี และรู้สึกผิดเพราะคิดว่าพวกเขาล้มเหลวในการเป็น “แม่ในอุดมคติ”
สิ่งที่ต้องทำ : การยอมรับว่าคุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ เป็นขั้นตอนสำคัญหากคุณต้องการหลีกเลี่ยงความเหนื่อยหน่าย และความเครียด การให้ความสำคัญกับด้านที่
"น่ารัก" ของการเป็นพ่อแม่เพียงอย่างเดียว อาจนำไปสู่ความผิดหวัง ความคับข้องใจ และแม้กระทั่งความละอายใจ ให้นิยามแนวคิดเรื่องการเลี้ยงลูกของคุณเอง การปล่อยวางความเชื่อผิดๆ จะช่วยให้คุณรู้ว่าการเลี้ยงลูกมีทั้งด้านสูงและต่ำ
3.ไม่แบ่งเวลาส่วนตัวให้ตัวเอง
ความหงุดหงิด และขี้โมโหจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เมื่อคุณเหนื่อย เครียด หรือหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณในเวลาใดก็ตาม เมื่อต้องรับมือกับลูกของคุณ คุณมักจะตัดสินพฤติกรรมบางอย่างของลูกว่าไม่เหมาะสม หรือตะโกน และตอบสนองในแบบที่คุณไม่อยากทำ แต่ความจริงก็คือคุณจะไม่สามารถดูแลผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ เมื่อคุณมีความเหนื่อยล้าทางกายและใจ
สิ่งที่ต้องทำ : การจัดลำดับความสำคัญของเวลาสำหรับตัวคุณเอง จะช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมากในชีวิตของคุณ การได้ชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต จะทำให้เส้นทางการเป็นพ่อแม่ของคุณง่ายขึ้น เริ่มต้นด้วยการแบ่งเวลาส่วนตัวให้ตัวเองทุกวัน ในระหว่างที่คุณทำสิ่งพิเศษด้วยตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาส่วนตัวที่มากพอ ให้เริ่มทำอย่างน้อยหนึ่งอย่าง สำหรับตัวคุณเองในแต่ละสัปดาห์ วันละ 5 - 10 นาที ก็ถือเป็นความคิดที่ดี
4.ขาดการสนับสนุน
สำหรับพ่อแม่ที่การเลี้ยงลูกเป็นงานหนัก สิ่งที่ยิ่งยากเย็นยิ่งขึ้นคือ เมื่อคุณต้องทำงานนั้นคนเดียว หรือเมื่อลูกของคุณมีความต้องการพิเศษ การขาดการสนับสนุนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ปกครองจำนวนมากหมดแรง การต้องทำหน้าที่รับภาระเลี้ยงดูลูกโดยไม่ได้รับการสนับสนุน หมายถึงคุณต้องทำทุกอย่างคนเดียว ซึ่งง่ายมากที่จะทำให้เกิดความเครียดในระดับสูง
สิ่งที่ต้องทำ : หากคุณมีคู่ครอง ให้พูดคุยกับเขาหรือเธอเกี่ยวกับความต้องการความช่วยเหลือของคุณ จำไว้ว่าการสนับสนุนอาจอยู่ในรูปแบบของการหาพี่เลี้ยงเด็กหรือ พาลูกของคุณไปที่ศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งสามารถให้เวลาคุณหายใจได้สองสามชั่วโมง หากคุณเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้พูดคุยกับครอบครัวของคุณเพื่อดูว่าพวกเขาเต็มใจที่จะรับเลี้ยงเด็กเป็นครั้งคราวหรือบ่อยกว่านั้น การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญสามารถให้การสนับสนุนที่คุณต้องการได้ ผู้เชี่ยวชาญจะรับฟัง และให้คำแนะนำในการลดความเหนื่อยล้าของคุณ
5.แสวงหาความสมบูรณ์แบบมากเกินไป
อาการเหนื่อยหน่ายของผู้ปกครองมักเป็นสัญญาณว่าคุณเครียด และทำหน้าที่หนักเกินไป คำถามสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ คุณจะแบ่งเบาภาระหน้าที่ได้อย่างไรกับทุกสิ่งที่คุณทำในหนึ่งวัน/สัปดาห์ ให้ลองถามตัวเองว่า:
- ฉันจะขีดฆ่าอะไรได้บ้าง
- ฉันสามารถแบ่งเบาอะไรได้บ้าง
- ฉันควรเริ่มปฏิเสธเมื่อใด
หากคุณรู้สึกเหนื่อยและท้อใจ โปรดจำไว้ว่าการเลี้ยงลูกเป็นงานหนักสำหรับทุกคนและทำทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องทำเพื่อกลับมาอยู่ในเส้นทางเดิม หายใจเข้าลึก ๆ พรุ่งนี้สิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น
ที่มา :
https://www.smartparents.sg/parenting/lifestyle/parental-burnout-7-warning-signs-and-how-cope
https://www.parentmap.com/article/causes-parental-burnout-tips-combat-stress
Related Courses
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...
สอนคุณธรรมให้ลูก พ่อแม่ก็ทำได้
คุณธรรมเป็นพื้นฐานทางจิตใจ นำไปสู่การกระทำที่ดีและถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างให้เด็กพร้อมที่จะเผชิญโลก และสังคมปัจจุ ...