4 ทักษะนอกตำรา ไว้สอนลูกช่วงปิดเทอม
ช่วงปิดเทอมนอกจากจะเป็นเวลาที่เด็กๆ ได้พักสมองจากการเรียนแล้ว ช่วงเวลานี้ยังอาจเป็นโอกาสสร้างเสริมประสบการณ์อื่นๆ ที่ไม่มีสอนในโรงเรียนอีกด้วย
พ่อแม่ผู้ปกครองจึงอาจต้องเตรียมพร้อมไม่เพียงการจัดสรรเวลาดูแลลูก แต่ยังอาจหากิจกรรมสนุกๆ แต่ได้ความรู้ เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ ด้วย
การเรียนรู้นอกห้องเรียนสำคัญอย่างไร
การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งกิจกรรมสนุกๆ ในวันหยุด ก็อาจทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ขึ้นได้ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เด็กๆ ได้ลงมือทำ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ก็จะช่วยเสริมทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวันหลายอย่าง ทั้งการคิดวิเคราะห์ การวางแผน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
นอกจากนี้ยังทำให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาไม่ได้จากการอ่านตำราเรียน ยิ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองคอยชี้แนะ เด็ก ๆ อาจนำประสบการณ์ที่ได้ ไปเชื่อมโยงกับการเรียนในห้องเรียน ซึ่งช่วยเพิ่มความเข้าใจบทเรียนอย่างรอบด้านขึ้นด้วย
การทำกิจกรรมที่เสริมทักษะนอกเหนือจากในโรงเรียน ยังช่วยให้เด็กๆ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี มีความยืดหยุ่นทางความคิด สามารถวางแผนชีวิตและยังอาจสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไวอย่างในปัจจุบันด้วย
ทักษะแบบไหนฝึกให้ลูกได้ช่วงปิดเทอม
ลองจินตนาการดูว่ามีทักษะอะไรบ้างที่ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันราบรื่น หรือหากพบเจออุปสรรคคิดว่าทักษะใดที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาไปได้
จริงอยู่ที่สังคมในโรงเรียน หรือการทำกิจกรรมกลุ่มในห้องเรียนอาจทำให้ลูกได้ฝึกทักษะสังคมต่างๆ มากมาย แต่หากพ่อแม่ช่วยส่งเสริมและชี้แนะทักษะเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดก็จะช่วยให้ลูกมีประสบการณ์และเข้าใจความจำเป็นของทักษะเหล่านั้นมากขึ้น
- ทักษะจัดการจัดระเบียบ (Organize Skill)
ชวนลูกเก็บข้าวของภายในบ้านให้เป็นระเบียบ เริ่มจากของใช้ส่วนตัวของลูก ในช่วงปิดเทอม อาจมีหนังสือ รายงาน เสื้อผ้าของใช้ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ในปีถัดไป ชวนลูกคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรกับของที่ไม่ใช้ สิ่งใดควรเก็บ ควรบริจาค หรือควรทิ้ง อาจวางแผนการจัดเก็บข้าวของ โดยตั้งเป้าหมายเป็นรายสัปดาห์ เช่น สัปดาห์แรกเก็บในห้องนอนลูก สัปดาห์ต่อมาในห้องครัว ฯ สอนให้ลูกเข้าใจว่าการเก็บของเป็นระเบียบ ไม่เพียงหยิบใช้สะดวก แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจด้วย อาจชวนลูกดูคลิปวิดีโอเทคนิคการเก็บของเพื่อหาไอเดียสร้างแรงบันดาลใจ
สิ่งที่ได้ : ทักษะการคิดวิเคราะห์ การวางแผน การหาข้อมูล(เช่น เสื้อผ้าควรทิ้งอย่างไร หรือหนังสือบริจาคที่ไหน) ทักษะการเก็บของและงานบ้าน
- ทักษะการทำอาหาร (Cooking Skill)
หากลูกยังไม่เคยเข้าครัวช่วยทำอาหาร นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะสอนให้เด็กๆ รู้จักวิธีปรุงอาหารเบื้องต้นทั้งการหุงข้าว ต้ม ผัด ทอด อาจเริ่มง่ายๆ จากเมนูไข่ ที่ทำได้ทั้งทอด ผัดกับข้าว หรือจะเป็นไข่ต้ม ไข่ตุ๋น รับรองว่าเพียงแค่ปรุงอาหารจากไข่ได้ ลูกก็ไม่อดตายแน่นอน นอกจากนี้ ชวนลูกไปตลาดสอนเลือกวัตถุดิบ เปรียบเทียบราคา อ่านฉลากโภชนาการ นอกจากนี้ การทำอาหารยังทำให้เด็กๆ ได้ฝึกใช้เครื่องครัวต่างๆ ทั้งมีด ที่มีหลากหลายแบบ ครก เตาอบ หม้อหลากชนิด ฯลฯ เพียงแค่หนึ่งกิจกรรมเด็กๆ ก็ได้เรียนรู้ทักษะรอบตัวเลยทีเดียว
สิ่งที่ได้: ทักษะการวางแผน ทักษะการชั่งตวงวัด ทักษะการคำนวณ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ การอ่านฉลากโภชนาการ การเลือกซื้อของที่มีคุณภาพ
- ทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น (First Aid Skill)
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การที่เด็กๆ รู้จักวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นการเสริมทักษะการดูแลตัวเอง ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคงปลอดภัย แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อเขาดูแลตัวเองหรือช่วยดูแลผู้อื่นที่ได้รับบาดเจ็บได้ สิ่งที่พ่อแม่สอนลูกได้ คือ รู้ว่าเมื่อไรควรประคบร้อน เมื่อไรควรประคบเย็น การล้างแผลถลอกจากการลื่นล้ม การห้ามเลือดเบื้องต้น ดูแลตนเองเมื่อเผชิญอุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟ เช่น หากเสื้อผ้าติดไฟควรล้มตัวลงนอนกลิ้งกับพื้นแข็งเพื่อดับไฟ แต่ห้ามนอนบนพรมหรือวัสดุที่ติดไฟ หรือการปฐมพยาบาลเมื่อผิวหนังถูกควรร้อนควรทำอย่างไร
สิ่งที่ได้: ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รู้จักร่างกายตนเอง ทักษะการป้องกันอุบัติเหตุทักษะการตัดสินใจ
- ทักษะการเงิน
หากเด็กๆ บ้านไหนยังไม่เคยเปิดบัญชีที่ธนาคาร ปิดเทอมนี้น่าเป็นโอกาสอันดีที่พ่อแม่ชวนลูกไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ด้วยกัน เพื่อสอนลูกรู้จักการออมเงิน รวมทั้งเรียนรู้เรื่องรายรับรายจ่าย ซึ่งเป็นทักษะการเงินที่สำคัญในอนาคต สิ่งที่พ่อแม่สอนลูกได้ เช่น ชนิดของบัญชีประเภทต่างๆ แตกต่างกันอย่างไร การทำบันทึกรายรับ รายจ่าย ตั้งเป้าหมายออมเงิน โดยอาจตั้งเป้าหมายแต่ละเทอม เช่น พ่อแม่เปิดบัญชีให้ 1 พันบาท เมื่อจบเทอมถัดไป หากลูกออมเงินเพิ่มได้อีก 1 พัน พ่อแม่จะสบทบให้อีกเป็นรางวัล หรืออาจให้ค่าขนมเป็นรายเดือนในบัญชี แล้วให้ลูกวางแผนใช้เอง ดูว่าแต่ละเดือนสามารถออมได้เท่าไร ก็ช่วยฝึกเรื่องการวางแผนได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ได้: ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการวางแผน ทักษะการบันทึกรายรับรายจ่ายทักษะการออม
สอนทักษะให้ลูกด้วย STEAM Design Process
STEAM Design Process จากหนังสือ ‘หนังสือสร้างทักษะแห่งอนาคต ด้วย Makerspace STEAM Design Process’ แนะนำวิธีที่พ่อแม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้สอนทักษะนอกตำราต่างๆ ข้างต้น ดังนี้
- ASK ถาม (ระบุปัญหาที่เผชิญ) : เช่น ครอบครัวช่วยกันระดมความคิดว่าอะไรคือปัญหาในครอบครัว เช่น ข้าวของรกทำให้หาของไม่เจอ หรือ เมื่อแม่กลับบ้านช้าทำให้ไม่มีอะไรกิน
- ขั้น IMAGINE จินตนาการ (ระดมความคิดว่าจะทำอย่างไร) : คุณพ่อคุณแม่ และลูกช่วยกันระดมวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกันให้ได้มากที่สุด
- ขั้น PLAN วางแผน (ลำดับการทำ เครื่องมือ ความรู้ เวลา และข้อจำกัด) : คุณพ่อคุณแม่ และลูก ได้สรุปเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม
- ขั้น CREATE ลงมือปฏิบัติแบบจำลอง / แผนงาน / โมเดล / รณรงค์ : ทุกคนในครอบครัวได้ทดลอง และลงมือหาทางแก้ไขปัญหา เช่น ให้เด็กๆ ฝึกทำอาหารง่ายๆ ด้วยตัวเอง
- ขั้น Reflect & Redesign : นำเสนอผลงาน สะท้อนการดำเนินงานรับ Feedback เพื่อพัฒนางานอีกครั้ง
หวังว่าปิดเทอมนี้เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะนอกห้องเรียนอย่างสนุกสนานไปพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่นะคะ
Related Courses
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...