ทักษะชีวิตนี้ที่แม่สอน

Starfish Academy 1690 views • 2 ปีที่แล้ว

เข้าสู่เดือนสิงหาคม ซึ่งมีวันสำคัญคือวันแม่แห่งชาติ นอกจาก แม่จะเป็นผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดูเอาใจใส่ สร้างสายสัมพันธ์ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งแล้ว แม่ ยังเปรียบเป็นครูคนแรกในชีวิตของลูก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในชีวิตของคนเรา หลายๆ อย่างเราเรียนรู้มาจากแม่ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม และเนื่องในโอกาสวันแม่ที่กำลังจะมาถึง StarfishLabz ชวนคุณแม่ ค้นหาทักษะในชีวิตสำคัญ ที่มีเพียงแม่เท่านั้นจะถ่ายทอดให้ลูกได้อย่างดีที่สุด ทักษะต่างๆ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

“แม่” คนสำคัญในชีวิต

ใครๆ ก็รู้ว่าแม่คือคนสำคัญในชีวิตของลูก แต่นอกจากการเป็นคนสำคัญแล้ว สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่กับลูก ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจสำหรับลูก

การวิจัยในประเทศสหรัฐฯ โดยโครงการวิจัย Columbia-Bassett แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหานครนิวยอร์ก พบว่า นอกจากสายสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่-ลูก จะช่วยลดความเสี่ยงพฤติกรรมเชิงลบของลูก เช่น การใช้สารเสพติด หรือใช้ความรุนแรง งานวิจัยชิ้นนี้ยังพบว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่-ลูก ยังเกี่ยวข้องกับความเจริญก้าวหน้าของเด็กอีกด้วย

โดยงานวิจัยชิ้นนี้ ทำการสำรวจวัยรุ่นอายุระหว่าง 11-13 ปี กว่า 37,000 คน ทั่วโลก พบว่าเด็กวัยรุ่นทุกคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อแม่ ล้วนประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งการสำรวจข้อมูลพบว่าเด็กที่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวอย่างเหนียวแน่น มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตมากกว่าเด็กที่ห่างเหินกับพ่อแม่ถึง 49%

ทั้งนี้การสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับลูก ควรเริ่มต้นทันทีหลังคลอด และหมั่นสร้างสายสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ลูกรู้สึกปลอดภัย เป็นที่ยอมรับ และมีคนรับฟัง บทบาทของแม่จึงไม่ได้เป็นเพียงผู้ดูแลให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย แต่สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูก ยังส่งผลถึงความมั่นคงในอนาคตของลูกอีกด้วย

นอกจากนี้ แม่ยังเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตให้ลูก เพราะเด็กๆ เรียนรู้ได้ดีจากการเฝ้ามองผู้ใหญ่ ดังนั้น รูปแบบการใช้ชีวิตของแม่ก็ยังเป็นบทเรียนชีวิตให้กับลูก โดยที่แม่ไม่รู้ตัว

ทักษะนี้ แม่สอนได้

ทักษะชีวิตบางอย่าง เด็กๆ อาจเรียนรู้จากเพื่อน จากคุณครู หรือจากโรงเรียน แต่ทักษะชีวิตบางเรื่อง หากได้เรียนรู้จากแม่ ก็จะช่วยให้วัยรุ่น มีความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ลองมาดูกันว่ามีทักษะชีวิตใดบ้าง ที่แม่สอนให้ลูกได้

ทักษะการทำอาหาร

ทุกคนย่อมเห็นตรงกันว่าอาหารรสมือแม่อร่อยที่สุด แต่บ่อยครั้งสิ่งที่ใกล้ตัวเราก็มักหลงลืมที่จะให้ความสำคัญ แม่อาจสอนลูกเรื่องต่างๆ มากมาย แต่ทักษะที่เปรียบเป็นเหมือนอาวุธคู่กายแม่ กลับลืมถ่ายทอดให้ลูกเสียได้ ว่าแล้ว ลองหยิบทักษะทำอาหารมาสอนลูก เพื่อที่ว่าไม่ว่าลูกจะไปอยู่ที่ไหน การทำอาหารเป็นก็ช่วยการันตีได้ว่า ลูกจะไม่อดตายแน่นอน ทักษะการทำอาหารที่ควรถ่ายทอดให้ลูก คือ

ทักษะการจ่ายตลาด เลือกซื้อของ วิธีการดูของสด รวมถึงแหล่งวัตถุดิบต่างๆ
ทักษะการใช้เครื่องครัว การใช้มีด เตาแก๊ส เตาอบ ไมโครเวฟ หม้ออบลมร้อน รู้ว่าอาหารประเภทไหนเหมาะกับเครื่องครัวอะไร และเลือกใช้เครื่องครัวอย่างเหมาะสม เช่น ไม่ใช้เขียงหั่นเนื้อสัตว์มาหั่นผักผลไม้ เป็นต้น
ทักษะการทำอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ สอนให้ลูกทำเมนูง่ายๆ แต่มีประโยชน์ เช่น ผัดผัก แกงจืดใส่ผักต่างๆ เพราะหากรู้พื้นฐานของการทำสองเมนูนี้ก็ประยุกต์ทำอาหารได้หลากหลาย
ทักษะการเก็บอาหาร เด็กๆ ควรรู้ว่าอาหารแต่ละประเภทควรเก็บอย่างไร เช่น เนื้อสัตว์ ผักสด ของสด และอาหารที่ปรุงสุกแล้ว
ทักษะการอ่านฉลากอาหาร และการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์

ทักษะการแต่งกาย

แม้ว่าลูกวัยรุ่นจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่อย่างน้อยๆ แม่ก็ควรสอนทักษะการแต่งกายที่ถูกกาลเทศะ และพื้นฐานการเลือกเสื้อผ้าเบื้องต้นให้กับลูก ทักษะที่ควรรู้ ได้แก่

การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับร่างกายตนเอง
เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับกาลเทศะ
ทักษะการซ่อมแซมเสื้อผ้า เช่น การเย็บ ปะ ซ่อมซิปและกระดุม เป็นต้น
การรีดผ้า และการแยกประเภทว่าผ้าชนิดใดจำเป็นต้องรีด ผ้าแบบใดไม่ต้องรีด
การซักผ้า และการแยกประเภทว่าเสื้อผ้าแบบใดต้องซักมือ และผ้าแบบใดใส่เครื่องซักผ้าได้ รวมถึงการแยกผ้าสีและผ้าขาว
เป็นตัวอย่างที่ดี และหาโอกาสสอนลูกว่าการแต่งตัวบ่งบอกถึงตัวตนของเราอย่างไร และในบางสถานการณ์การแต่งตัวช่วยให้เราได้รับความเคารพและน่าเชื่อถือได้ อย่างเช่น การสัมภาษณ์งาน

ทักษะงานบ้านต่างๆ

ลูกอาจไม่ต้องเก่งเหมือนมาริเอะ คนโดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบในบ้าน แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรมีทักษะงานบ้านที่จำเป็น ทักษะที่แม่ถ่ายทอดเพื่อให้ลูกพร้อมช่วยเหลือตัวเองในอนาคตได้ คือ

การดูแลความสะอาดภายในบ้าน เช่น การดูดฝุ่น วิธีการทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ภายในบ้าน การเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่ต่างกัน
การซ่อมแซมเบื้องต้น เช่น รู้วิธีรับมือเมื่อท่อตัน รู้ตำแหน่งตู้เบรกเกอร์ไฟภายในบ้าน ตำแหน่งวาวล์น้ำ และการเปลี่ยนหลอดไฟ เป็นต้น

ทักษะการสื่อสาร

การสื่อสารดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ เพียงแค่พูดและฟัง แต่จริงๆ แล้วการสื่อสารเป็นมากกว่านั้น และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมักช่วยให้หลายๆ อย่างในชีวิตง่ายขึ้น แม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดี และสอนทักษะการสื่อสารให้ลูกได้ ดังนี้

เป็นผู้ฟังที่ดีเมื่อสื่อสาร โดยเฉพาะเมื่อสื่อสารกับลูกและคนในครอบครัว เพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงการพูดเท่านั้น แต่การฟังก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
สอนให้ลูกเข้าใจว่าแต่ละคนมีพื้นฐานอารมณ์ต่างกัน ดังนั้นการสื่อสารกับแต่ละคนก็อาจต้องใช้วิธีที่ต่างกันด้วย ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน ลูกจะค่อยๆ เรียนรู้ผ่านการเข้าสังคมพบเจอผู้คนที่หลากหลาย
ทักษะการต่อรองเพื่อให้เกิด win-win situation หรือสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน
ทักษะการสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ อย่างเหมาะสม เช่น การใช้อีเมล์ การส่งข้อความ การแชท และการโทรศัพท์

ทักษะด้านความสัมพันธ์

ทักษะด้านความสัมพันธ์ในชีวิตของคนเรานั้น “แม่” คือผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมาก ในการกำหนดว่าลูกเติบโตขึ้นมา มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ ได้หรือไม่ กล่าวคือ หากแม่ลูก มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวแข็งแรง ลูกก็จะมีแบบอย่างให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่ดีควรเป็นอย่างไร และสามารถนำไปใช้สานสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตเมื่อพวกเขาเติบโตได้ ทักษะความสัมพันธ์ที่แม่สอนลูกได้ คือ

การยอมรับความผิดพลาด และรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
การเป็นผู้ให้และผู้รับ ในความสัมพันธ์ที่ดีควรมีการแบ่งปันอย่างเหมาะสม แต่ละฝ่ายควรเป็นทั้งผู้ให้ และผู้รับขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ สอนลูกว่า หากลูกเป็นผู้ให้ หรือ ผู้รับฝ่ายเดียว ความสัมพันธ์นั้นอาจไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีนัก
การเข้าใจอารมณ์ตนเองและผู้อื่น ความสัมพันธ์จะแข็งแรงได้ ก็ต่อเมื่อผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นเท่าทันอารมณ์ของตนเอง และรู้วิธีรับมือกับอารมณ์เชิงลบอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นๆ ด้วย
การให้เกียรติซึ่งกันและกัน นอกจากความเคารพที่มีให้กับผู้อาวุโสกว่าแล้ว การให้เกียรติคนรอบตัวไม่ว่าคนๆ นั้นจะอายุเท่ากัน หรืออายุน้อยกว่า มีพื้นเพอย่างไร เราก็ควรให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ยิ่งหากเป็นคนสนิท ก็ต้องยิ่งต้องดูแลความรู้สึกและรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน

สุดท้ายแล้ว โลกใบนี้อาจสอนบทเรียนต่างๆ ให้กับลูกได้มากมาย แต่เชื่อเถอะว่า บทเรียนต่างๆ เหล่านั้นไม่มีบทเรียนใดจะสอนลูกได้ดีเท่ากับบทเรียนที่ถ่ายทอดจากแม่ เพราะแม่คือผู้ที่อยู่ใกล้ตัวและรู้จักลูกดีที่สุด ดังนั้นแม่จึงเลือกวิธีถ่ายทอดที่เหมาะสมกับลูกได้ ว่าแล้ว หากมีโอกาสอย่าลืมสอนทักษะชีวิตที่จำเป็นให้ลูก เพื่อให้เขาพร้อมออกไปใช้ชีวิต ในโลกใบใหญ่ได้อย่างมั่นใจ

แหล่งอ้างอิง (Sources):