6 พลังฮีโร่ ปลุกพลเมืองดี รู้หน้าที่รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

คำว่า ‘พลเมือง’ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความหมายไว้ คือคนที่มีสิทธิและหน้าที่ในฐานะประชาชนของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือประชาชนที่อยู่ภายใต้ผู้ปกครองเดียวกัน มักมีวัฒนธรรมเดียวกัน อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ส่วน ‘พลเมืองดี’ นั้นก็เป็นกันได้ไม่ยากอย่างที่คิด พี่ๆ Starfish Labz จะขอเล่าผ่านเหล่าฮีโร่ทั้งจากฝั่งเอเชียและตะวันตก เอ้า! ถ้าพร้อมแล้วมาปลุกพลังวิเศษทั้ง 6 พลังนี้ในตัวเองกันเลย

1. เอาชนะใจตนเองอย่าง ‘เจ้าหญิงเอลซ่า’ | พลังแห่งการสร้างวินัยในตนเอง

จากภาพยนต์แอนิเมชัน ‘ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ’ หรือ ‘Frozen II Sing-Along’ (2019) หลังจาก ‘เจ้าหญิงเอลซ่า’ ค้นพบพลังน้ำแข็งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เธอจำต้องคอยฝึกฝนร่างกายและจิตใจของตัวเองให้แกร่งขึ้น เพื่อจะคุมพลังวิเศษในขณะร่ายมนตร์ได้อยู่มือ ไม่ให้พลาดไปสร้างความเสียหายและส่งผลร้ายต่อผู้คนที่เธอรักได้ ยิ่งมีสมาธิและวินัยฝึกฝน ก็ยิ่งทำให้เจ้าหญิงใช้พลังได้อย่างแม่นยำขึ้น จนสามารถช่วยเหลือน้องสาวและชาวเมืองเวลาตกอยู่ในภัยอันตรายได้  

ถึงน้องๆ จะไม่มีเวทมนตร์มหัศจรรย์แต่ก็เอาอย่างเจ้าหญิงเอลซ่าได้ ในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจจริง 

ข้อมูลจากวารสาร Sciendirect อธิบายถึงความเชื่อมโยงของเป้าหมายกับวินัยไว้ว่า วินัยที่ดีคือรากฐานที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก ขอแค่เริ่มสะสมความสำเร็จเล็กๆ เก็บทุกความท้าทายเป็นพลังอึด ไม่ย่อท้อถอดใจง่ายๆ ค่อยๆ ต่อจุดแล้วถอยมามองภาพใหญ่ และมองไปให้ไกลว่าสิ่งที่เรามี

ตอนนี้เราเพียงรู้หน้าที่ของตัวเอง และรู้ว่ากำลังก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าเส้นชัยจะอยู่ที่ไหน อีกครึ่งทางที่เหลือเมื่อเราโตพอจะตัดสินใจเองได้ ก็ยังมีเวลามองหาทางเลือกใหม่ๆ แม้จะช้าหรืออ้อมกว่าคนอื่นเขาหน่อย แต่วันนั้นจะเป็นวันของเราจริงๆ

2. เชื่อใจได้แบบ ‘โดราเอมอน’ | พลังแห่งการรักษาคำพูด

จากซีรีส์แอนิเมชันญี่ปุ่น ‘โดราเอมอน’ (Doraemon) เหลนของโนบิตะส่งเจ้าแมวหุ่นยนต์สีฟ้าไร้หูจากโลกอนาคต เพื่อมาช่วยเหลือโนบิตะให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ ในชีวิต 

โดราเอมอนก็รักษาสัญญาและทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี คอยเอาใจใส่ และหยิบของวิเศษออกจากกระเป๋าหน้าท้อง ซึ่งมาพร้อมกับบทเรียนชีวิตให้โนบิตะได้ลองผิดลองถูก ทดลองใช้ชีวิต และเรียนรู้ด้วยตนเอง 

โดราเอมอนก็พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างเขาเสมอ เพื่อเอาใจช่วยให้โนบิตะหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้คลี่คลายลงได้ ทำให้มิตรภาพระหว่างโนบิตะกับโดราเอมอนสร้างความประทับใจจนครองใจคนดูไปทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 จนถึงปัจจุบัน

คนที่ทำได้อย่างที่พูด คนรอบข้างก็จะรู้สึกอุ่นใจ แต่หากเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ทุกคนก็จะไม่รู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ใกล้ชิด

ถ้าอยากทำให้ใครๆ ก็เชื่อมั่นในตัวเรา น้องๆ ก็ต้องรับผิดชอบตามที่ตกลงกันไว้ เช่น เวลาทำรายงานกลุ่ม ช่วยเพื่อนคิด และให้ความร่วมมือเต็มที่ ทำงานส่วนของเราเป็นอย่างดี เพื่อนๆ ก็จะต้องอยากได้ตัวเราเข้ากลุ่มทำงานด้วยในครั้งหน้า 

หรือเมื่อน้องๆ รักษาคำพูดกับพ่อแม่ว่าจะทำการบ้านประจำวันให้เสร็จ ก่อนค่อยดูซีรี่ส์ หรือเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อน พวกท่านก็จะจดจำภาพน้องในทางที่ดี จึงไว้ใจว่าน้องๆ จะรู้จักแบ่งเวลาเป็น และรับผิดชอบต่อตนเองได้โดยไม่ทำให้ท่านต้องคอยเป็นกังวล

‘Psychology Today’ นิตยสารด้านจิตวิทยาบอกไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ใครคนใดคนหนึ่งทำผิดสัญญาที่ลั่นวาจาไว้ จะหมดความไว้วางใจลงทันที หรือถูกจดจำว่าเป็นคนที่พึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ 

แล้วตอนจะกอบกู้มิตรภาพ หรือทำให้อีกฝ่ายอภัยให้เราน่ะก็เป็นเรื่องยาก เพราะเมื่อเสียเครดิตไปแล้ว เราอาจต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะสร้างความเชื่อใจกันใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะหาทางเอาชนะใจคนๆ หนึ่งได้อีกครั้ง เมื่อเขามีอคติกับเราไปเสียแล้ว

3. ห่วงใยทุกคนแบบ‘สไปเดอร์แมน’ | พลังแห่งการเคารพตนเอง 

“พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” คำพูดของลุงเบนจากภาพยนตร์ ‘สไปเดอร์แมน’ (2002) ที่กลายมาเป็นอุดมการณ์ของ ‘ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์’ ฮีโร่ของเราคนนี้

แม้เขาจะต้องสูญเสียคนที่รักและชีวิตส่วนตัวไป แต่เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าตัวเอง เขาไม่อยากให้ใครต้องมาพบโศกนาฏกรรมแบบที่เขาเจอ จึงกลายเป็นอุดมการณ์ที่ผลักดันให้เขารับผิดชอบต่อพลังวิเศษที่ได้รับมา จึงอุทิศตนช่วยเหลือผู้คน คอยขัดขวางเหล่าวายร้ายที่ใช้พลังเหนือมนุษย์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน

น้องๆ เองก็เลือกจะเคารพกฎกติกาเพื่อส่วนรวมได้เหมือนสไปเดอร์แมนเพียงแค่ใส่ใจความรู้สึกของผู้คนรอบตัว สังคมแวดล้อมก็จะน่าอยู่ขึ้น 

หรือมีส่วนสร้างสังคมดีๆ ได้ เพียงแค่เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว เช่น ทิ้งขยะลงถัง ท่อน้ำก็จะไม่อุดตันง่าย น้ำไม่ท่วม ผู้คนในชุมชนไม่เดือดร้อน 

แยกขยะเพื่อลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน รักษาแหล่งน้ำให้ใสสะอาดไม่เน่าเสีย อนุรักษ์สัตว์น้ำ และสัตว์ที่อยู่ในเมืองก็มีแหล่งน้ำไว้ดื่มกินได้ เป็นต้น

4. ยิ่งให้ใจยิ่งฟูเหมือน ‘มู่หลาน’ | พลังแห่งจิตอาสา

จากภาพยนต์แอนิเมชัน ‘มู่หลาน’ (2020) สาวน้อยตระกูลฮัวยอมตัดผม ปลอมตัวเป็นชายไปออกรบแทนพ่อผู้แก่ชรามากแล้ว และเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัวไม่ให้เสียชื่อบรรพชน

ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงแต่มู่หลานก็ยอมเสี่ยงอันตรายและทรมานร่างกายอย่างมากเพื่อจะพิสูจน์ตนเองว่าเก่งไม่แพ้ผู้ชาย

ระหว่างฝึกซ้อมมู่หลานได้ค้นพบว่าตัวเองหลงใหลในเพลงดาบ และรู้สึกมั่นใจเวลาได้ขี่ม้า เธอใช้จุดเด่นในเรื่องความพลิ้วไหว ความฉลาดไหวพริบดี และความอัธยาศัยดีทำให้เพื่อนๆ รัก 

เธอพร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องเพื่อนๆ ช่วยชีวิตทุกคนไว้และปลุกใจให้ทหารมือใหม่ขจัดความกลัว แม้พวกเขาจะมีฝีมือแค่ระดับทหารชั้นประทวนก็สามารถเก่งขึ้นได้เมื่อมีใจสู้

บทความจาก ‘UCL University’ อธิบายว่า ‘การเสียสละ’ ทำให้เรามีความสุข รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ใครๆ ก็จะเคารพรักเรา และถ้าเรายึดถือคุณค่าเดียวกัน เวลาเอ่ยปากชวนใคร ทุกคนก็พร้อมจะกระโจนลงมาเข้าร่วม พร้อมช่วยเหลือ และให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี

มู่หลานพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าจิตใจที่เด็ดเดี่ยวของเธอนั้นช่างงดงาม และการยืนหยัดที่จะเป็นตัวเองนี่แหละ ทรงพลังและน่านับถือสุดหัวใจ 

ถึงน้องๆ จะไม่รู้ว่าอนาคตเราอยากเป็นอะไร หรือทำอาชีพอะไรดี หาแรงจูงใจให้หมั่นทบทวนบทเรียนไม่เจอ ปล่อยให้เหตุการณ์พาไป ก็ขอแค่พอเอาตัวรอดได้ในวิชาที่อ่อน แล้วมุ่งเน้นวิชาสำคัญๆ ที่เรามีความถนัด

ถึงจะไม่มีความชอบอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีแพชชันอย่างคนอื่นเขา ก็ไม่แปลกอะไร แต่อยากให้ลองหาเวลาไปเป็นอาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมในโรงเรียน หรือนอกรั้วโรงเรียน เพื่อค้นพบความสามารถพิเศษใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยรู้ตัวว่าเก่ง หรือแค่ลองดูเพื่อจะไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังที่ไม่ได้ทำ

คลิกทำ Portfolio แบบสำเร็จรูปกับ Starfish Labz ง่ายๆ ที่นี่ (bit.ly/3RJO84n)

ไม่ใช่แค่เราจะได้สะสมผลงาน เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้ยื่นคัดตัวเข้ามหาวิทยาลัยในฝันเท่านั้น แต่เพื่อเราจะได้เปิดโลกกว้างกว่ารั้วบ้านและรั้วโรงเรียนของเราเอง ได้ลองออกไปผจญภัย ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างน้อยๆ ก็จะได้ทักษะชีวิตติดตัวกลับมา และได้รู้จักเพื่อนที่มาตามหาแรงฮึดไปด้วยกัน บางทีงานที่เราอยากทำจริงๆ อาจจะกำลังเกิดขึ้นเป็นอาชีพใหม่รอเราอยู่ในอนาคตก็ได้

5. ไปด้วยกันไปได้ไกลกับ ‘บัซ ไลต์เยียร์’ | พลังแห่งทีมเวิร์ก

จากภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘Lightyear’ (2022) เล่าถึงกัปตันอวกาศนามว่า ‘บัซ ไลต์เยียร์’ เขาชอบปฏิบัติภารกิจด้วยตัวคนเดียว จะเกิดเหตุอะไรฉันขอลุยเดี่ยวไว้ก่อน เพื่อเป้าหมายสูงสุดของภารกิจ อยากเป็นฮีโร่ผู้ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติไว้ได้

แต่ว่าหากเราลืมปกป้องความสุขของคนอื่นๆ ในทีม ถึงได้ชัยชนะมา แต่หากไม่เหลือใครให้ร่วมฉลองความสำเร็จ

หลังจากได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ เขาจึงยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นดูบ้าง ปล่อยให้ทุกคนได้ทำงานด้วยความสนุกยืดหยุ่นตามสไตล์ของตัวเอง และคอยดึงความสามารถที่โดดเด่นของแต่ละคนในทีมออกมารวมพลังเป็นหนึ่ง เขาจึงค้นพบว่าคุณค่าของประสบการณ์ระหว่างทางและมิตรภาพต่างหากที่สำคัญจริงๆ

หากน้องๆ อยากเข้าใจความสำคัญของคำว่า ‘ทีมเวิร์ก’ พี่ๆ ขอแนะนำให้ลองสมัครเข้าร่วมชมรมต่างๆ ที่เราสนใจ เช่น เข้าทีมเต้น วงดนตรี หรือลงเล่นกีฬาประเภททีมดู

บทความจาก University of Birmingham ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการทำงานเป็นทีมว่า จะช่วยฝึกเราให้มีทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะการสื่อสาร ทักษะประสานงาน ทักษะการบริหารจัดการบริหารคน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งในโลกการทำงาน องค์กรไหนๆ ก็ต้องการคนที่มีคุณสมบัติเหล่านี้

6. แอคทีฟกับ ‘ผู้ว่าฯ ชะช่าของเด็กๆ’ | พลังบวกส่งต่อแรงบันดาลใจ

‘อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ’ หรือที่เด็กๆ เรียกกันติดปากใน Tiktok ว่า ‘ผู้ว่าฯ ชะช่า’ ท่านลงมือ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ตามคติประจำใจให้ดูเป็นแบบอย่างเสมอ

เมื่อพวกเราเห็นต้นแบบดีๆ ก็มีแรงบันดาลใจด้านบวกให้ลุกขึ้นมาทำบ้าง นับว่าผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้สังคมไทย ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ แต่ส่งแรงกระเพื่อมไปถึงคนทั่วประเทศ 

ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงานของอาจารย์ ประชาชน และชาวต่างชาติ ท่านก็เอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอ ด้วยบุคลิกที่รับฟัง พร้อมปรับปรุง และติดตามแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลาไม่เว้นวันหยุดราชการ ทำให้ได้ใจผู้คน และทำให้ใครหลายคนเริ่มอยากแอคทีฟตามท่านผู้ว่าฯ บ้าง

ตั้งแต่เรื่องตื่นแต่เช้ามืดมาวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ หรือซิตี้รัน (City Run) รอบเมืองก็มีคนตื่นมาร่วมวิ่งด้วย จากจุดเริ่มต้นแค่ 3-4 คน ก็กลายเป็น 30-50 คน ซึ่งการหมั่นดูแลสุขภาพนั้นก็เพื่อจะได้มีกำลังทำงานไปนานๆ 

อาจารย์ชัชชาติไม่หยุดเอ๊ะและช่างสังเกต ช่างตั้งคำถาม ท่านสามารถพลิกมุมบวก มองเห็นโอกาส และมองปัญหามีไว้แก้ไขไม่ใช่เจ็บปวด เพื่อเราจะได้ทำงานสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขของประชาชน ซึ่งมีความหมายต่อตัวท่านเองด้วย เพราะแค่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้คน และเห็นผลในสิ่งที่ทำก็ยิ่งมีแรงใจให้อยากทำงานต่อไป

สำหรับน้องๆ เอง หากอยากเอาอย่างท่านดูบ้าง ก็ลองตั้งเป้าหมายเรื่องที่อยากทำให้สำเร็จสักปีละเรื่อง และต้องไม่ลืมออกแบบตารางชีวิต แบ่งเวลาให้ดี และมีวินัยทำอย่างจริงจังสม่ำเสมอ

ยิ่งโตขึ้น น้องๆ จะรู้ว่าเวลาว่างในวัยผู้ใหญ่จะน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รีบฝึกตัวเองจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตอนยังเด็ก ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตได้อย่างที่ใจเราต้องการ

พัฒนาตนเองในด้านไหนก็ได้นอกเวลาเรียน เพื่อฝึกทักษะใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เราโดดเด่น แล้วเมื่อไหร่ที่เราชำนาญดี เราจะเริ่มสนุกและไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเหมือนกับอาจารย์ชัชชาติ

Starfish Labz เชื่อว่าใครๆ ก็ลุกขึ้นมาเป็นฮีโร่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ แค่ทุกๆ คนรู้หน้าที่และมีความรับผิดชอบ เมื่อไหร่ที่เราคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภายหลัง ทั้งต่อตัวเองและคนอื่นๆ เราจะมีสติยับยั้งชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรไม่ดีลงไป 

พี่ๆ ว่าเท่านี้น้องๆ ก็กำลังสร้างโลกที่ดีขึ้นทุกวันแล้วล่ะครับ

แหล่งอ้างอิง (Sources): 

ถกเรื่องความเป็น ‘พลเมืองโลก’ ความหวังและอุปสรรคของการไปสู่โลกไร้พรมแดน | Techsauce

Spider-Man แรงบันดาลใจแด่คนที่เจอปัญหา จงฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้น! | Missiontothemoon

ความเป็นพลเมืองในวิถีระบอบประชาธิปไตย | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 

ภาพตัวแทนผู้หญิงในการ์ตูน Disney Princess | TU e-thesis 

วันนี้ผู้ว่า ทำอะไร กลยุทธ์สร้างความเชื่อใจ พูดน้อย ทำมาก และเน้นสร้างความร่วมมือของ ทีมสื่อสารชัชชาติ สิทธิพุนธุ์

Lightyear | Disney

Self-discipline as a key indicator to improve learning outcomes in e- learning environment | Sciencedirect

Why keeping your promise is good for you | Psychology today

Why work in groups | University of birmingham

10 benefits of helping others | UCL