วPA กับการประเมินฐานสมรรถนะ ตอนที่ 2
สมรรถนะผู้เรียนเป็นคุณลักษณะของผู้เรียนที่ประกอบด้วยความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจที่มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกันจนผลักดันให้ผลการปฏิบัติงานสำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย หรือเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนด สามารถเขียนเป็นสมการเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจดังนี้ K + A + P + M & Successful = Competency
จาก OLE Model ถ้าหากครูเราสามารถสอนผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐาน / ตัวชี้วัด (KAP) แล้ว เรามีสมมติฐานที่ว่า ผู้เรียนจะเกิดสมรรถนะเหมือนที่เขียนไว้ในสมการ โดยมีขั้นตอนการเรียนการสอนดังนี้
จาก OLE Model ปกติครูเรามักจะประเมินถึงขั้นตอน Output เท่านั้น ไม่ได้ประเมินไปถึงขั้นตอน Outcome ส่งผลให้กระบวนการประเมินสมรรถนะของผู้เรียนตามหลักสูตรปี 2551 ยังไม่ถูกต้องเท่าที่ควร
แล้วเราจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง ถูกต้องอย่างเดียวยังไม่พอ ถูกต้องแล้วยังสามารถรองรับการประเมินวิทยฐานะตามเกณฑ์ ว.9 ได้อีกด้วย (ยิงปืนนัดเดียวได้นกมากกว่าสองตัว)
จากขั้นตอน OLE Model ในส่วนของ Evaluation ให้ครูมองการประเมินเป็น 2 ระยะ คือ
1. การประเมิน Output ในส่วนนี้จะเป็นการประเมินระยะแรก คือ การประเมินตามมาตรฐาน / ตัวชี้วัด (KAP) ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ว่าผู้เรียนบรรลุมาตรฐาน / ตัวชี้วัดหรือไม่? อย่างไร?
ข้อควรระวังของการประเมินระยะแรกคือ การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับ K A P ตัวอย่าง เช่น
ตัวชี้วัดที่เป็นความรู้ (K) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการทดสอบ
ตัวชี้วัดที่เป็นทัศนคติ (A) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการสังเกตพฤติกรรม
ตัวชี้วัดที่เป็นทักษะ (P) ควรเลือกใช้เครื่องมือประเภทการประเมินภาคปฎิบัติ
ประเด็นการเลือกใช้เครื่องมือนี้ ครูต้องวิเคราะห์หา keyword หรือพฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกมาในตัวชี้วัดแต่ละตัวให้ได้ว่า ตัวชี้วัดมุ่งหวังให้นักเรียนมีพฤติกรรมปลายทางลักษณะใด เช่น เปรียบเทียบ อภิปราย หรือเรียงลำดับ เพราะ keyword ในส่วนนี้จะช่วยให้ครูเรา focus ได้ชัดเจนลงไปว่า ครูเราจะเลือกใช้เครื่องมือชนิดใดในการประเมินนักเรียนในแต่ละตัวชี้วัด เช่น ตัวชี้วัดมี keyword ว่า อ่านออกเสียง ตรงนี้ครูเราก็ต้องใช้แบบประเมินภาคปฏิบัติ หรือ ตัวชี้วัดมี keyword ว่า จับใจความสำคัญ ตรงนี้ครูเราก็สามารถเลือกใช้แบบทดสอบได้ หรือ ตัวชี้วัดมี keyword ว่า มีมารยาทในการอ่าน ตรงนี้ครูเราก็ต้องใช้แบบสังเกตพฤติกรรม
จุดแตกหัก ของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับชั้นเรียนควรเริ่มจากการวิเคราะห์หา keyword ของผลลัพธ์การเรียนรู้ เพื่อจะได้เชื่อมโยงไปสู่การออกแบบการจัดการเรียนการสอน และการออกแบบการวัดผลในชั้นเรียน
หากครูเราเลือกใช้ประเภทของเครื่องมือให้สอดคล้องกับธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้และธรรมชาติของมาตรฐาน / ตัวชี้วัด ก็พอจะเชื่อได้ในระดับหนึ่งว่า ผลการประเมินมีความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของผู้เรียนในแต่ละคน ถ้าพบว่ามาตรฐาน / ตัวชี้วัด ด้านใดด้านหนึ่งไม่ผ่านการประเมิน ครูก็ดำเนินการสอนซ่อมเสริมเพื่อให้ผู้เรียนคนนั้นมีผลการประเมินที่ผ่านเกณฑ์ต่อไป (Assessment For Learning)
สุดท้ายผู้เรียนที่เรารับผิดชอบทุกคนก็ควรมีผลการประเมินตามมาตรฐาน / ตัวชี้วัดในแต่ละระดับชั้น ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ผ่านทุกตัว
ย้อนกลับไปที่นิยามและสมการของสมรรถนะของผู้เรียนที่บอกว่า สมรรถนะผู้เรียนเป็นผลจากการหลอมรวมระหว่าง ความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจถ้าผลการประเมินระยะแรก (output) ผ่าน กอปรกับครูเรามีการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนด้วยแล้ว เราก็พอจะเชื่อได้ว่านักเรียนเกิดสมรรถนะ แต่จะเกิดมากน้อยเพียงใดนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของการประเมินระยะที่ 2
2. การประเมิน Outcome คือ การประเมินสมรรถนะของผู้เรียน ซึ่งสมรรถนะนั้นถือว่าเป็นผลที่ได้จากการหลอมรวมระหว่าง ความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจ
การประเมินสมรรถนะจึงไม่สามารถแยกการประเมินเป็นด้าน ๆ เหมือนระยะแรกได้ แต่ต้องเป็น การประเมินแบบองค์รวมทั้งเรื่องความรู้ ทักษะกระบวนการ บุคลิกภาพส่วนตัว และแรงจูงใจ ซึ่งเราเชื่อว่าการประเมินสมรรถนะนั้นต้องประเมินโดยผ่านสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน
ความเชื่อเรื่องการประเมินสมรรถนะ มีส่วนที่สอดคล้องกับความหมายส่วนหนึ่งในนิยามคำว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนคือ ...ซึ่งสามารถพิจารณาได้จาก “ผลงาน” (Product) หรือ “ผลการปฏิบัติงาน” (Performance) ของผู้เรียนที่ปรากฏภายหลังการเรียนรู้
ประมาณว่า เมื่อผู้เรียนได้รับโจทย์ที่เป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานแล้ว นักเรียนต้องมีแรงจูงใจในการแก้ปัญหาโจทย์นั้นให้ประสบผลสำเร็จให้ได้ โดยอาศัยการบูรณาการทั้งเรื่องความรู้ ทักษะกระบวนการ และบุคลิกภาพส่วนตัวของผู้เรียนประกอบเข้าด้วยกัน (K + A + P + M & Successful)
สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสมรรถนะของผู้เรียน
แต่การเลือกสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน มาให้ผู้เรียนได้ทำนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอคือ สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน นั้นต้องสอดคล้องกับเนื้อหาของกลุ่มสาระ ต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัดของสมรรถนะที่ครูเราใช้ประเมิน และต้องสอดคล้องกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้สึกในการประเมินที่ ท้าทาย มากกว่า ท้อแท้ เช่น หากต้องการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการสื่อสาร ครูเราอาจจะเลือกการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการสื่อสาร โดยไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ไว้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้น ป.4 (ก็ได้)
เพราะฉะนั้น สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน อาจจะเป็น “ให้นักเรียนเขียนสรุปเพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากการอ่านนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า” (เพราะแค่ ป.4) หรือ หากต้องการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ครูเราอาจจะเลือกการประเมินสมรรถนะด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดยไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ไว้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้ กอท. ระดับชั้น ม.1 (ก็ได้)
เพราะฉะนั้น สถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน อาจจะเป็น “ให้นักเรียนนำเสนอจำนวนคนที่ติดเชื้อ Covid 19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเดือนกันยายน 2564 โดยเลือกใช้วิธีการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีได้อย่างสร้างสรรค์และมีคุณธรรม” (เพราะแค่ ม.1) เป็นต้น
แนวทางสำหรับการประเมินสมรรถนะของผู้เรียนมี 3 แนวทาง คือ
1. ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ประเมินทั้ง 5 สมรรถนะ (โรงเรียนพร้อมมาก)
2. พิจารณาว่าสมรรถนะด้านนี้ ควรไปกำหนดเป็นสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงานในกลุ่มสาระการเรียนรู้ใดดี? (คล้ายตัวอย่าง)
3. ทำเครื่องมือประเมินสมรรถนะกลาง ๆ ขึ้นมา เพื่อใช้ประเมินร่วมกันทั้งโรงเรียน
ไม่มีแนวทางไหนเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ขึ้นกับบริบทของโรงเรียนเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่ควรคำนึงเสมอคือ ร่องรอย / หลักฐานที่ใช้ในการประเมินสมรรถนะของผู้เรียน (ที่มาของคะแนน)
ร่องรอย / หลักฐานก็คือสถานการณ์ / ภาระงาน / ชิ้นงาน ที่สอดคล้องกับสมรรถนะที่ครูเราใช้ประเมินนั่นเอง
ผมขออนุญาตปิดท้ายบทความด้วยบทสรุปง่าย ๆ ของคำว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนี้
1. ภายหลังที่ครูออกแบบการเรียนรู้แล้ว สมรรถนะของผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนา แต่สมรรถนะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ครูเราไม่สามารถตอบได้ เราจึงต้องหาตัวแทนของสมรรถนะ นั่นก็คือ “ผลงาน” (Product) หรือ “ผลการปฏิบัติงาน” (Performance)
คำถาม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสมรรถนะของผู้เรียนได้รับการพัฒนา?
คำตอบ เราต้องทำการวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ
2. เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ ว.9 จะพบว่า สิ่งที่จะพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนได้ ก็คือ ข้อตกลงในการพัฒนางาน
ผมสรุปเป็นสมการสั้น ๆ ได้ว่า ตัวแปรต้น คือ ข้อตกลงในการพัฒนางาน ส่วนตัวแปรตาม คือ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โปรดติดตามมุมมองของผมในบทความฉบับหน้าครับ
Related Courses
เจาะลึกการทำข้อตกลงพัฒนางาน (วPA) ฉบับคุณครู
ทำความรู้จักข้อตกลงการพัฒนางาน (วPA) แบบเจาะลึก เพื่อสร้างความเข้าใจการทำข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตราฐานตำแหน่ง ...
เจาะลึกการทำข้อตกลงพัฒนางาน (วPA) ฉบับคุณครู
ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว
เรียนรู้ไอเดียการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย ฉบับโรงเรียนบ้านปลาดาว ทำความเข้าใจลักษณะห้ ...
การสอนคณิตศาสตร์แบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA)
การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อพัฒนาเทคนิคการสอนคณิตศาสตร์ และเพื่อเป็นแนวทางในการประเมินวิทยฐานะ (PA)
การสอนคณิตศาสตร์แบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA)
การประเมินเพื่อขอ เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู”
เรียนรู้ ทำความเข้าใจภาพรวมของการประเมินเพื่อขอมี / เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู” (วPA)