เรื่องร้ายแรง อย่าปล่อยให้ตัวเองนึกเสียใจ หรือเสียดายอนาคต
ข่าวดังทุกวันนี้หนีไม่พ้นการทำร้ายร่างกายของเหล่าวัยรุ่น เพราะความคิดที่ว่า“ไม่เจ็บไม่จบ” แต่บางครั้งเจ็บแล้วแต่ไม่จบก็มีเหมือนกัน เราจะมานำเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายแบบเข้าใจง่าย เตือนใจเหล่าวัยรุ่น ก่อนจบปัญหาด้วยความรุนแรง พร้อมวิธีจัดการกับความโกรธ เพื่อลดปัญหาความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
ตี ต่อย ตบ ไม่ได้จบแค่ค่าปรับ
เกิดเป็นคนไทย ยังไงเราก็ต้องเข้าใจกฎหมาย หลายคนยังคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายว่าแค่จ่ายก็จบ เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งเราขอบอกเลยว่าไม่ใช่ทั้งหมด
ถ้าหากทะเลาะวิวาท ตบตีธรรมดาโดยเป็นแผลรอยถลอก ขีดข่วน รอยช้ำบวม แดง “ไม่เป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ก็อาจเป็นความผิดลหุโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ ก็อาจจะต้องนอนคุกร่วมกับการเสียค่าปรับได้
แต่ถ้าหากการตบตีถึงขั้นเลือดตกยางออก แผลแตก ถือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนาจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ กรณีนี้ประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดต่อร่างกาย หมวด ๒ ความผิดต่อร่างกาย มาตรา 295 ที่ก็ถือว่ากระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ที่ร้ายไปกว่านั้น หากการทำร้ายร่างกายนั้นรุนแรงจนถึงขั้นสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โทษก็จะรุนแรงขึ้นอีก เป็นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาทถึง 200,000 บาท โดยการทำร้ายร่างกายจนสาหัสนั้น ทางกฎหมายก็มีบัญญัติไว้ชัดเจน นั่นคือ
- ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท (ประสาทที่รับรู้กลิ่น)
- เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
- เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
- หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
- แท้งลูก
- จิตพิการอย่างติดตัว
- ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
- ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน
สอนวัยรุ่นอย่างไร ให้จบปัญหาได้มากกว่าความรุนแรง
เราอาจจะคิดว่าธรรมชาติของวัยรุ่นที่มีความมุทะลุ คึกคะนอง ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา เป็นพัฒนาการช่วงวัยรุ่นที่ใครๆก็เป็นกัน นั่นก็จริงส่วนหนึ่ง แต่การเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมนั้นช่วยให้วัยรุ่นหาทางแก้ปัญหาในรูปแบบอื่นได้ ทำให้เขามีทางเลือกในการแก้ปัญหาที่จะใช้สติปัญญามากกว่าความรุนแรง
- เริ่มจากที่บ้าน ลูกปูก็เดินตามพ่อปูแม่ปู ลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น พ่อแม่ต้องไม่แก้ปัญหาด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงต่อลูก เพราะเด็กจะเรียนรู้และเลียนแบบวิธีแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงเช่นกัน เวลาเด็กทำผิด มีวิธีจัดการอย่างจริงจัง แต่ไม่ก้าวร้าวรุนแรง ไม่ลงโทษด้วยอารมณ์
- ฝึกจัดการกับความโกรธ เพราะความโกรธคือสาเหตุของการทำร้ายร่างกายมากกว่าครึ่ง ดังนั้นการฝึกจัดการความโกรธ จะช่วยยืดระยะเวลาในการแก้ปัญหาให้ลูกไม่ไปลงกับการใช้ความรุนแรง เรามีเทคนิคจัดการความโกรธ 4 ข้อมาบอกกัน ดังนี้
- คิดว่าเรื่องที่โกรธอยู่นี้สำคัญมากน้อยแค่ไหน
- ให้ถามตัวเองว่า ถ้าเราตอบโต้อะไรลงไปทันทีตามความโกรธ จะเกิดอะไรขึ้น
- ให้ลองถามตัวเองว่า เราได้เคยทำแบบนี้กับคนอื่นไหม?
- ลองถามตัวเองว่า เพราะทำไมคนอื่น จึงทำเช่นนี้กับเรา ให้ลองคิดแบบมีเหตุมีผลว่าเขาอาจมีความจำเป็นจึงทำเช่นนั้น
- การถามตัวเอง จะช่วยประวิงเวลา ทบทวนตัวเอง ทำให้ใจเย็นลง ตั้งสติได้
เพราะการ “ทำร้ายร่างกาย” ไม่ได้จบแค่ค่าปรับ แต่อาจจะทำให้ต้องโทษที่ทำให้วัยรุ่นคนหนึ่งต้องเสียอนาคตได้ การตั้งสติและเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยสติ ด้วยการใช้เหตุผลเท่านั้นจึงจะผ่านไปได้
Related Courses
สร้าง Portfolio ให้โดนใจใช่เลย
เครื่องมือช่วยในการออกแบบทำ Portfolio จะต้องจัดวางอย่างไรให้สวย ต้องมีหัวข้ออะไรบ้าง จะแนบรูปภาพ ผลงาน กิจกรรมแล ...
Applications เพื่อสร้างงานกราฟิกอย่างง่าย
ตัวช่วยดี ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังสนใจในการทำอาชีพบนโลกออนไลน์ และต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับผลงานของตัวเอง เพื่อเพิ่ม ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
หากคุณเป็นคนชอบวาดรูป ชอบการขีดเขียน หรือการจดบันทึก อยากลองทำ Visual Note แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาอย่างไรดี คอร์สเ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
ต้องใช้ 50 เหรียญ
ทักษะการเขียน Resume ให้ปัง
สำหรับนักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาหรือผู้ที่กำลังมองหางานใหม่ เมื่อพูดถึงการเขียน Resume นั้น หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า ประสบก ...