10 วิธีแก้เกมลูกแอบรูดบัตรเครดิต แบบพ่อแม่มืออาชีพ
เรื่องการถูกแฮกเงินจากบัตรเครดิตหรือบัญชีไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อมีวิธีป้องกัน มิจฉาชีพก็คิดหาหนทางใหม่ๆในการแฮกเงินเราได้เรื่อยๆ แต่ถ้าการที่เงินของคุณหายจากบัญชี หรือเป็นหนี้บัตรเครดิตจากคนใกล้ตัว จะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร? เราจะมาหาคำตอบกันค่ะ
ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้
เว็บไซต์ของกองบังคับการกองปราบปราม แนะนำวิธีป้องกันบัตรเครดิตพื้นฐานเอาไว้ 10 ข้อด้วยกันค่ะ เป็นวิธีพื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็แฮกเข้าบัตรเครดิตของเราได้ยากขึ้นค่ะ
1. อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตา
เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลบนบัตร หรือถูกนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าอื่นๆ จึงควรสังเกตบัตรของตนเองอยู่เสมอเวลายื่นให้พนักงานตอนจ่ายเงิน มีหลายเคสที่พนักงานแอบถ่ายหรือจดเลขหน้า - หลังบัตรของเราไว้จึงไม่ควรปล่อยให้บัตรคลาดสายตาค่ะ
2. ตั้งรหัสให้เดายาก
รหัสบัตรเครดิตนั้นสามารถเปลี่ยนได้ และเราควรเปลี่ยนทุก 3 เดือนด้วย และต้องเก็บรหัสไว้ให้เป็นความลับ ไม่จดรหัสไว้หลังบัตรหรือช่องใส่บัตร รวมถึงห้ามบอกคนอื่นโดยเด็ดขาด แนะนำว่าไม่ควรตั้งรหัสเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 1111 หรือเลขเรียงกัน เช่น 1234, 6789 หรือเป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจนคนร้ายเดาได้ง่าย เช่น เลขวันเกิด หรือบัตรประชาชน เป็นต้น
3. ใช้บัตรกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
การซื้อของผ่านบัตรสิ่งสำคัญเลยคือ ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือมากกว่าปกติ เพราะมีโอกาสถูกโกงได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นการซื้อของออนไลน์ยิ่งควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้เท่านั้น หรือเป็นร้านที่มีหน้าร้านชัดเจนก็จะปลอดภัยมากกว่า
4. เปิดใช้งานแจ้งเตือนผ่าน SMS
เพื่อให้เรารู้ถึงความเคลื่อนไหวเมื่อมีการใช้บัตร และจะทำให้เรารู้ด้วยหากมีคนแอบนำบัตรของเราไปใช้ ถ้าสามารถตั้งค่าได้ ก็ควรจะตั้งค่าไว้ต่ำสุดเลย เพื่อจับตาดูการใช้งานที่อาจจะใช้การตัดเงินหลักสิบหลักร้อย แต่จำนวนครั้งที่มากผิกปกติจากการซื้อไอเทมในเกมหรือเติมเงิน
5. ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ
เดียวนี้บัตรเครดิตต่างๆ มีบริการผ่าน Application แล้วค่ะ ไม่ต้องรอการสรุปยอดเป็นรายเดือนอีกแล้ว ดังนั้นเราสามารถเช็กการใช้จ่ายอยู่เสมอว่าตรงกับราคาสินค้าที่เราจ่ายไปจริง ๆ ไหม ทั้งก่อนเซ็นเซลล์สลิป และหลังจากใช้จ่ายไปแล้วในใบแจ้งบัญชีประจำเดือน
6. ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVV ไว้
รหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ ก็ได้เช่นกัน
7. ใช้กระเป๋าป้องกัน RFID
ลองสังเกตบัตรเดบิต-บัตรเครดิตของตัวเองดูดี ๆ ว่าเป็นบัตรประเภท Visa Paywave ที่ใช้แตะจ่ายผ่านเครื่องได้หรือเปล่า เพราะหากเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีโอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะนำเครื่องที่ชื่อว่า RFID Scanners แอบมาแตะบัตรของเราเพื่อขโมยข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันได้ด้วยการหาซื้อกระเป๋าป้องกัน RFID มาใช้งาน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับกระเป๋าสตางค์ทั่ว ๆ ไปเลย มีขายในราคาไม่แพง และกระเป๋าสตางค์บางแบรนด์ก็มีฟังก์ชันนี้แทรกไว้ในกระเป๋าด้วย
8. หากพบความผิดปกติติดต่อธนาคารทันที
หากบัตรของเราสูญหาย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ การแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรทันทีเพื่อทำการอายัดบัตร หลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที
9 . สมัคร Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secure
เป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้เราใช้งานบัตร ด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรของเราไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายได้เพราะเราจะได้รับการแจ้งเตือนก่อน
10. อย่าบอกข้อมูลบัตรกับคนอื่น
ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วย อย่างที่กล่าวไปว่าเราควรกรอกข้อมูลบัตรเฉพาะในเว็บที่น่าเชื่อถือเท่านั้น และไม่เก็บข้อมูลบัตรของเรา เพราะยิ่งใช้งานง่ายเท่าไหร่ ก็เสี่ยงต่อการที่เงินจะหายง่ายเท่านั้น และคนใกล้ตัวบางครั้งก็ร้ายที่สุดค่ะโดยเฉพาะกับลูก หากลูกต้องการทำรายการผ่านบัตรเครดิต คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นคนที่ทำให้
เพราะหากลูกแอบบัตรเครดิตไปใช้โดนพ่อแม่ไม่รู้ตัวกรณีนี้อยู่นอกเหนือการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงยุติธรรม เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้อนุญาตให้เด็กใช้โทรศัพท์ และยอมให้หักเงินจากบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต เพราะลำพังเด็กไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ปกครองได้หากไม่ได้รับอนุญาต
ดังนั้น หากจะเป็นการป้องกันก็ควรทำตามวิธีนี้เพื่อปกป้งบัตรเครดิตของตัวคุณเอง แต่อย่าลืมว่านี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะหากคุณรู้เรื่องแล้วว่าลูกแอบนำเอาบัตรเครดิตไปใช้ เราอาจจะต้องเริ่มที่การพูดคุยและแก้ปัญหาที่ถูกจุด เพราะการที่ลูกแอบบัตรเครดิตไปใช้โดยที่คุณไม่รู้ตัวอาจจะเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่นๆเช่น การติดเกม หรือติดพนันออนไลน์ ก็เป็นได้
Related Courses
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...
ฝึกเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยในชีวิตประจำวัน
ภัยในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กๆ ของเรา ดังนั้นผู้ปกครองหรือคุณครูควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กมี ...
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้