Unlock ศักยภาพของลูก กุญแจสำคัญที่พ่อแม่ต้องมีคืออะไร
“จะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกมีความถนัดด้านใด”
พ่อแม่เปรียบเสมือนครูและเพื่อนคนแรกของลูก คงไม่ใช่คำเปรียบที่เกินจริง เพราะในการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ต้องคอยดูแล เอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนการวางแผนเส้นทางชีวิตในอนาคต ทำให้บางครั้งอาจมองข้ามสิ่งที่ลูกถนัดหรือต้องการ จนกลายเป็นว่าทางเลือกของลูกถูกกำหนดให้แคบลงจากสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งที่จริงแล้วการส่งเสริมลูกให้ถูกทาง ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกมีความสุชแต่ยังเป็นแรงผลักดันให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ดีต่อไปได้ วันนี้ Starfish Labz จะมาพูดคุยกับ คุณผไท วงศ์อนุตรโรจน์ หรือ คุณพ่อจิว ผู้ส่งเสริมความถนัดของลูก เจ้าของเพจ See Foon บ้านเรียนเปื้อนฝุ่น
จุดเริ่มต้นของเพจ See Foon บ้านเรียนเปื้อนฝุ่น
เริ่มจากการทำโฮมสคูลให้ลูกคนเล็ก “น้องสีฝุ่น” และอยากแชร์ประสบการณ์ถึงขั้นตอนในการทำโฮมสคูลมีรายละเอียดอย่างไร ปัญหาอย่างไร การบันทึกร่องรอยการเรียนรู้ของลูกแบบไหน มีการวางแผนการศึกษาอย่างไร และทำการแบ่งปันข้อมูลสำหรับคนที่สนใจทำโฮมสคูล อีกทั้งยังเป็นการแสดงผลงานทางด้านศิลปะของน้องสีฝุ่นด้วย
คุณพ่อมีความคิด หรือความเชื่อในการทำโฮมสคูลอย่างไร
เหตุผลหลักที่ตัดสินใจในการทำโฮมสคูล คือ ปัญหาด้านสุขภาพและแนวคิด เนื่องจากว่าเด็กเล็กที่อยู่รวมกันในห้อง เราสังเกตว่าจะติดหวัดได้ง่าย และน้องแพ้แป้งสาลี ไม่สามารถกินขนมปัง ขนมเค้กได้ เลยมีความกังวล อีกทั้งตัวเองสนใจเรื่องการเรียนรู้ และรู้สึกว่าประสบการณ์การเรียนในระบบที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่าเสียเวลา เป็นการเรียนเพื่อสอบเพื่อเข้าศึกษาในคณะที่ดีแล้วค่อยหางานทำ แต่ไม่ได้สอนวิธีเพื่อให้สามารถเลี้ยงชีพได้ ก็เลยไม่อยากให้ลูกเสียเวลาตรงจุดนั้น และเรื่องอำนาจของครูกับนักเรียนในห้องเรียน จึงเริ่มมีความคิดทำโฮมสคูลตั้งแต่นั้นมา
คุณพ่อทราบถึงความสามารถของน้องในด้านศิลปะได้อย่างไร
ตามหลักแล้วเป็นไปตามธรรมชาติของเด็ก และเนื่องจากคุณแม่เรียนทางด้านศิลปะ กิจกรรมหลักที่ทำกับลูกก็คืองานศิลปะ ทำเป็นประจำมาเรื่อยๆและคุณพ่อเองสังเกตว่า ลูกสามารถทำงานศิลปะได้เป็นเวลานาน และรู้สึกสนุกกับงานศิลปะ
พฤติกรรมของเด็กแบบไหนที่บ่งบอกถึงความชอบศิลปะ
อาจจะมาจากหลายองค์ประกอบรวมกัน ระหว่างความชอบของเด็กและความชื่นชมของผู้ปกครอง ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นด้านศิลปะ หรือถ้าเด็กชอบทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน มีความสุข แสดงว่าเขามีแนวโน้มในความชอบต่อสิ่งนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากธรรมชาติในการเลี้ยงดู ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกิดมาจากตัวเด็กเองหรือตัวผู้ปกครอง ประกอบกับการได้รับคำชื่นชม การให้ความสำคัญ และการให้กำลังใจ การสนับสนุนและแรงเสริมจากผู้ปกครอง จึงทำให้เด็กมีความรู้สึกอยากทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้นและทำต่อไปเรื่อยๆ
คุณพ่อมีการต่อยอดพัฒนาศักยภาพความถนัดของลูกอย่างไร
การจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย เพิ่มระดับความหลากหลายของกิจกรรมและพัฒนาการใช้เทคนิคต่างๆ โดยเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและเด็ก จากนั้นเริ่มคิดต่อยอดจากความชอบไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เริ่มแรก คือ การขายงานปรินส์ลายเสื้อ ปรินส์กรอบรูปติดผนังบ้าน หลังจากนั้น ได้นำงานไปเสนอแกลอรี่ที่เชียงใหม่ ที่เปิดรับศิลปินหน้าใหม่ ทำให้ลูกได้นำผลงานไปจัดนิทรรศการครั้งแรกที่นั้น ซึ่งพอนำรูปไปวางก็ขายได้บ้าง ทั้งนี้ ในการจัดนิทรรศการเดี่ยว ถือได้ว่าเป็นหน้าที่หรือกระบวนการของศิลปิน ทำให้น้องเริ่มต้นในการเป็นศิลปินและสามารถหารายได้ที่เลี้ยงดูตนเองได้เร็วกว่านักศึกษาที่เรียนจบ และต้องใช้เวลานานกว่าจะสร้างผลงานให้เป็นที่รู้จัก และจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของวงการ NFT ซึ่งเป็นการขายงานศิลปะแบบดิจิทัล และคุณพ่อก็เริ่มศึกษาตลาด Cryptocurrency เลยต่อยอดจากงานศิลปะของลูกไปทำ NFT และเริ่มขายในแพลตฟอร์มของเขา ซึ่งรายได้ที่ได้จากการขายงานจะอยู่ในลักษณะเหรียญ Crypto (1 ETH = 100,000 บาท) ซึ่งตอนนี้ศิลปินในไทยเริ่มทำกันเยอะ ทำให้ทุกคนสามารถปลดล็อคศักยภาพ สร้างรายได้จากงานศิลปะได้มากขึ้น
ผลงานของน้องมีส่วนช่วยเหลือสังคมอย่างไร
พองานน้องเริ่มขายได้ ก็จะนำงานบางงานทำการขาย หรือการระดมทุนโดยการประมูลภาพ เพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือสังคมในส่วนของการสร้างโรงพยาบาล ช่วยเหลือสภาลมหายใจที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการในการแก้ปัญหาวิกฤติหมอกควัน ซึ่งทำให้เขาเห็นว่า เราไม่ได้รับอย่างเดียว แต่เราแบ่งกลับให้สังคมด้วย
ข้อดีของเด็กที่ได้ทำงานศิลปะคืออะไร และได้พัฒนาทักษะทางด้านไหน
เนื่องด้วยที่บ้านเป็นโรงเรียนสอนศิลปะด้วย และจากการสังเกตุกระบวนการในห้องเรียนที่คุณแม่เป็นครูสอน เห็นว่า งานศิลปะเป็นสิ่งกระตุ้น เปิดกว้างจินตนาการ ทำให้เด็กรู้จักการวางองค์ประกอบต่อยอดในอาชีพที่สนใจทางด้านการออกแบบ และด้านกระบวนการทำงาน การวางแผน การจัดลำดับก่อน-หลัง เป็นการฝึกการใช้ความคิด รวมไปถึงฝึกการแก้ปัญหาอีกด้วย
วิธีการส่งเสริมให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ทำอย่างไร
การเคารพความคิดซึ่งกันและกัน กรณีที่ไม่เห็นด้วยหรือมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ควรมีวิธีการบอก ใช้การพูดคุย หรือถ้าเป็นเรื่องของการแสดงออก เราต้องปล่อยให้เขามีอิสระในการแสดงออกอย่างเต็มที่ ไม่ตัดสินถูก-ผิด แต่ใช้เหตุผลในการชี้แนะให้คำแนะนำ การให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่าการห้ามให้เด็กทำ น่าจะเป็นส่วนช่วยในการเติบโตทางความคิดได้
ฝากแนวคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ กรณีที่ลูกยังค้นหาตัวเองไม่เจอ
ส่วนตัวแล้วมองว่าศาสตร์แต่ละศาสตร์ไม่เหมือนกัน เด็กแต่ละคน วิชาความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมันมีเวลาของตัวเอง เด็กบางคนอาจจะไม่ชัดเจนในสิ่งชอบ ซึ่งผมเองคิดว่า พ่อแม่น่าจะวางใจในตัวเอง เราทำดีที่สุดในแต่ละวัน พยายามเข้าใจลูกแล้ว ให้ถือว่าตรงนั้นคือการประสบความสำเร็จแล้ว ถ้าเราดูแลลูกให้มีความสุขในทุกวัน ถึงเวลาเขาก็จะหาแนวทางของเขาเอง เราควรวางใจว่าเราเลี้ยงเขามาดีแล้ว อนาคตเขาก็น่าจะดี มีกระบวนการที่ดีแล้ว ก็ “ให้เด็กเติบโตในแบบที่เขาเป็น”
สุดท้ายนี้ บางทีพ่อแม่ก็มุ่งหวังอยากให้ลูกได้เรียนในที่ดี ต้องได้คะแนนดี บางทีการให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นบริบทของครอบครัว เราต้องเริ่มจากการมีความสุขก่อน ในเมื่อพ่อแม่มั่นใจว่าได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกแล้ว เชื่อเหลือเกินว่า ลูกก็จะเติบโตเป็นเด็กที่ดี เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า และที่สำคัญ อย่าลืมเปิดโอกาส รับฟังเสียงของลูกบ้าง และถ้าหากลูกทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้กำลังใจ ชื่นชมเขา ให้ความมั่นใจ และเป็นแรงผลักดันให้เขาทำสิ่งที่ดีต่อไป สามารถรับชม ย้อนหลัง ได้ที่ fb.watch/8jtqWUo22z/
Related Courses
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
เติบโตได้ไม่รู้จบ ด้วย Growth Mindset
ฝึกฝนและพัฒนา เป็นกุญแจสำคัญมากกว่าพรสวรรค์ใดๆ เมื่อรู้สึกว่าน้ำในแก้วเริ่มเต็ม ควรเปลี่ยนแก้วใบใหม่ เพื่อรับน้ำที่มากขึ้นและจงเป็ ...
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...