หมดปัญหา เรียนมาไม่ตรงสาย แค่เข้าใจความถนัดลูก
พูดถึงเรื่อง “ความถนัด” สมัยก่อนคุณพ่อคุณแม่คงคุ้นกับคำว่า “พรสวรรค์” ใช่ไหมคะ และสิ่งนี้เองที่ถ้าพัฒนาอย่างถูกทาง ก็จะทำให้ลูกได้มองเห็นอนาคต มองเห็นหนทางของชีวิตได้ไวและเร็วกว่า
วันนี้เราจึงมีไอเดียง่าย ๆ มาช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้หา “ความถนัด” ให้กับลูก เพื่อให้เค้าได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบหรือใกล้เคียง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุก และสร้างแนวทางอาชีพในอนาคตได้มาฝากกันค่ะ
ก่อนจะหาความถนัด เราต้องให้ลูก “รู้จักตัวเอง” เสียก่อน ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่การมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต รู้ว่าตนมีความถนัด ความชอบ และความสามารถในด้านใด รู้วิธีเฉพาะตัวที่ถนัดในการเรียนรู้ของตนเองว่าทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ หรือรู้จุดอ่อนของตัวเองทำให้สามารถหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
- พ่อแม่ต้องเป็นกระจก
เด็กก็คือเด็กค่ะ บางครั้งความถนัดของเขาเกิดจากความชอบ ความหมกมุ่นอย่างหนัก หรือความตั้งใจในบางเรื่อง คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นกระะจกสะท้อนพฤติกรรมของเขา ว่าสิ่งนั้นเหมาะหรือไม่ “ความเหมาะสม” นั้นขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละบ้านค่ะ เราขอเสนอว่าหากเป็นความชอบที่ไม่ทำร้ายลูก และผู้อื่นแล้ว ก็ปล่อยให้ลูกได้ลองดูได้ค่ะ
อย่าลืมว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็น “กระจก” นั่นหมายถึงตัวกระจกเอง มันมีหน้าที่สะท้อนภาพเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินอะไร อย่าพยายามคิด และตัดสินใจแทนลูก แต่เปลี่ยนมาสร้างบทบาทการฟังลูกให้มาก ฟังอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้รู้ว่าลูกคิดอย่างไร อยากทำอะไร โดยพ่อแม่ทำหน้าที่เป็นโค้ชหรือผู้แนะนำ
- ความถนัดเริ่มจากอิสระ
ความอิสระในการคิดและทำ สร้างความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าค่ะ การที่จะลองแหกกฎดูเพื่อคิดอะไรนอกกรอบดูบ้าง อาจจะได้สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ อิสระในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการกระทำเท่านั้น แต่ยังหมายถึงคำพูด และความคิดด้วย อย่าลืมว่าถ้าจะให้ลูกได้หาความถนัดของตนเองแล้วล่ะก็ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ปิดกั้นในทุกทาง แม้ว่าบางครั้งอาจจะขัดกับความเชื่อเดิม ๆ ของเรามาตลอด ขอให้อย่าลืมว่าอนาคต คือพื้นที่ชีวิตของลูก ไม่ใช่เรา ต้องเข้าใจยอมรับ และเคารพในตัวลูกด้วย
- ส่งเสริมให้ลูกได้ลอง
การได้ลงมือทำคือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าลูกจริงจังกับสิ่งนั้นหรือไม่ แต่ก่อนจะลองเราอยากให้วางแผนเป้าหมายกันก่อน ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เป้าหมายควรมีความพอดี เพื่อไม่ให้ลูกต้องผิดหวังมากเผื่อว่าไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก ๆ การได้เริ่มลงมือทำนี่ล่ะค่ะ อาจจะทำให้สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดเป็นจริงได้ หรือจะล้มเหลวไม่เป็นท่าก็ได้
นี่คือหนึ่งบทเรียนที่เขาจะได้เรียนรู้ว่าชีวิตจริงนั้น มันไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ มีประสบความสำเร็จ ก็ต้องมีล้มเหลว ไม่มีใครจะชนะ หรือแพ้แต่เพียงอย่างเดียวไปตลอดถ้ามีความพยายามพอ เรามีสิทธิทำผิดพลาดได้ทุกคน อยู่ที่ว่าสามารถจัดการมันได้หรือไม่อย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในทางใด สิ่งที่ลูกจะได้รับแน่ ๆ นั่นก็คือ “ประสบการณ์” นั่นเอง
- เชื่อมั่นและไว้ใจ
คุณพ่อคุณแม่ คือกำลังใจที่ดีที่สุดของลูกค่ะ ทุกครั้งที่เขาจะเริ่มลงมือทำ ให้เลื่อนขึ้นในลำดับขั้นที่สูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน หรือการประกวด นอกจากจะส่งเสริมแล้ว การเป็นกำลังใจให้เขา จะเป็นแรงผลักดันให้ลูกได้ก้าวหน้า และหาสิ่งที่ถนัดเจอได้ไวกว่าเดิม ที่สำคัญต้องไว้ใจ ปล่อยให้เขาเผชิญชีวิตบนความรับผิดชอบของตัวเองด้วย
- ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
อย่างที่บอกไปว่าอนาคต คือพื้นที่ชีวิตของลูก การยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตเขาค่ะ เพราะการยอมรับไม่ได้เพียงแต่ส่งเสริมให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูแห่งความสามรถที่เขาไม่กล้าแสดงให้เปิดออกมาอีกด้วย
โดยเฉพาะลูกวัยรุ่น ที่ต้องการเป็นที่ยอมรับ ชื่นชม ต้องการความเข้าใจ กำลังใจ และความเห็นใจจากพ่อแม่ ครู และผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด ความรัก ความเข้าใจจากการยอมรับนี้เอง จะเป็นจุดเริ่มต้นของคุณพ่อแม่ในการผลักดันให้เขาก้าวสู่ความถนัดที่ต้องการต่อไปค่ะ
Related Courses
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Collaborative classroom design
เรียนรู้ทักษะความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) หลักการออกแบบกิ ...
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...