เปลี่ยนการเล่นให้เป็นการเรียนรู้: เคล็ดลับการเรียนรู้ผ่านการเล่นสำหรับผู้ปกครอง

ในบทความนี้ Starfish Labz จะพาคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกคนมาทำความเข้าใจถึงเจ้าเคล็ดลับการเรียนรู้นี้และแนวทางง่าย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงกัน การเรียนรู้ผ่านการเล่นคืออะไร? สำคัญหรือมีประโยชน์แค่ไหน ตามมาดูกันเลย
การเรียนรู้ผ่านการเล่นคืออะไร?
การเรียนรู้ผ่านการเล่น หมายถึง การที่เด็กได้พัฒนาทักษะ ความรู้ และความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมการเล่นที่ดูเหมือนไม่ซับซ้อน แต่กลับแฝงไปด้วยองค์ประกอบที่กระตุ้นการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา
การเล่นอาจเป็นการเล่นของเล่น การทำกิจกรรมศิลปะ การเล่นบทบาทสมมติ หรือการเล่นกลางแจ้ง เช่น การสร้างบ้านด้วยบล็อกไม้ การปั้นดินน้ำมัน หรือการวิ่งเล่นในสวน ตัวอย่างเหล่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่เด็กจะได้เรียนรู้โดยธรรมชาติ ซึ่งต่างจากการเรียนในห้องเรียนที่มีโครงสร้างแน่นอน
ตัวอย่างเช่น การเล่นเกมปริศนาหรือการแก้ปัญหาในเกมกระดาน เด็กจะได้ฝึกทักษะการคิดเชิงตรรกะ และการแก้ปัญหา ในขณะเดียวกันการเล่นบทบาทสมมติ เช่น การเล่นเป็นพ่อครัว หมอ หรือครูก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจนั่นเอง
ประโยชน์ของการเรียนรู้ผ่านการเล่น
1. ส่งเสริมการพัฒนาทักษะชีวิตพื้นฐานสำหรับเด็ก
การเล่นช่วยสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับชีวิตประจำวัน เช่น การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกัน และการจัดการอารมณ์ ตัวอย่างเช่น การเล่นเกมกลุ่มเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้การแบ่งปัน การรอคอย และการจัดการความผิดหวังเมื่อแพ้หรือทำผิดพลาด ซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดีในอนาคต
2. เสริมสร้างทักษะนอกห้องเรียน
ในขณะที่ห้องเรียนมักมุ่งเน้นการเรียนรู้เชิงวิชาการ การเล่นยังสามารถช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะนอกห้องเรียนอย่างการคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ประสบการณ์ที่ได้จากการเล่นช่วยเติมเต็มสิ่งที่การเรียนในห้องเรียนอาจไม่สามารถมอบให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังช่วยเตรียมความพร้อมพวกเขาสำหรับโลกภายนอกและการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตจริงที่นอกเหนือจากบริบทในห้องเรียน
3. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กใช้จินตนาการ เช่น การวาดภาพ การสร้างโมเดล หรือการเล่นบทบาทสมมติ เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และมุมมองใหม่ ๆ การเล่นเหล่านี้ไม่ได้เพียงสร้างความสนุกสนาน แต่ยังเป็นรากฐานของการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและการคิดอย่างอิสระ ช่วยกระตุ้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นได้ไม่ง่ายในห้องเรียนที่อาจมีกฎเกณฑ์หรือรูปแบบที่จำกัด
4. สนับสนุนพัฒนาการทางร่างกาย
การเล่นที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น การปั่นจักรยาน การปีนป่าย หรือการวิ่งเล่น ช่วยพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทรงตัว และความคล่องตัว ตลอดจนส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของเด็ก งานวิจัยจาก American Heart Association ระบุว่า เด็กที่มีกิจกรรมเคลื่อนไหวอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน จะมีแนวโน้มพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวถึง 40% ดังนั้นแล้ว นอกเหนือจากการเรียนรู้และความสนุกสนาน สิ่งที่พวกเขาจะได้รับเพิ่มเติมก็คือคุณประโยชน์ทางด้านสุขภาพอย่างมากมายเลยทีเดียว
5. กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น
การเล่นที่กระตุ้นความสนใจ เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ การสำรวจธรรมชาติ หรือการเล่นเกมสร้างสรรค์ ช่วยเปิดโลกของเด็กให้กว้างขึ้นและปลูกฝังความอยากรู้อยากเห็น การสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กยังสามารถช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นคนที่มีความสนใจใฝ่รู้และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดชีวิต หรือมีแนวโน้มที่จะรักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Lifelong Learning) นั่นเอง
บทบาทของผู้ปกครองในกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่น
ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการเล่น โดยการให้โอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม เด็กจะสามารถเติบโตและพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนี้:
กระตุ้นความสนใจ: พูดคุยกับลูกเพื่อค้นหาว่าสิ่งใดที่พวกเขาสนใจและพยายามรวมสิ่งเหล่านั้นในการเล่น
- สร้างความมั่นใจ: ให้กำลังใจเด็กเมื่อพวกเขาเผชิญกับความยากลำบาก และช่วยให้พวกเขามองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้
- เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลอง: ให้เด็กมีอิสระในการเล่นและทดลองวิธีการใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความผิดพลาด
เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครอง เปลี่ยนการเล่นให้เป็นการเรียนรู้
1. เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก
กิจกรรมการเล่นควรสอดคล้องกับความสามารถ และความสนใจของเด็กในแต่ละช่วงวัย เด็กเล็กอาจสนุกกับการเล่นของเล่นพื้นฐาน เช่น ตัวต่อ บล็อกไม้ หรือเกมจับคู่สี ในขณะที่เด็กโตอาจสนใจเกมที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การแก้ปริศนา การต่อเลโก้ หรือกิจกรรมทดลองวิทยาศาสตร์
2. เล่นร่วมกับลูก
การเล่นร่วมกับลูกเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ และสื่อสารกับลูก ผู้ปกครองสามารถใช้เวลาเหล่านี้เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ เช่น การถามคำถามที่กระตุ้นการคิด หรือชี้แนะสิ่งใหม่ ๆ เพื่อขยายมุมมองเด็ก ๆ
3. เน้นการเล่นแบบมีเป้าหมาย
แม้ว่าการเล่นอิสระจะมีประโยชน์ แต่การตั้งเป้าหมายในการเล่นสามารถช่วยพัฒนาทักษะเฉพาะด้านได้ ตัวอย่างเช่น การตั้งโจทย์ให้ลูกสร้างสะพานจากบล็อกไม้ที่รับน้ำหนักได้ หรือการทำกิจกรรมศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้เรื่องสีและรูปร่าง
4. สนับสนุนการเล่นกลางแจ้ง
การเล่นกลางแจ้งช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย และได้สัมผัสกับธรรมชาติ เช่น การเล่นทราย การวิ่งเล่นในสนาม หรือการสำรวจพืชและสัตว์รอบตัว นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะการสังเกตและการแก้ปัญหาในชีวิตจริง
5. ใช้เครื่องมือดิจิทัลอย่างเหมาะสม
ในยุคดิจิทัล มีเครื่องมือที่สามารถช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการเล่นได้ เช่น แพลตฟอร์ม Starfish Labz ที่มีคอร์สและความรู้ด้านกิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ มากมาย โดยผู้ปกครองสามารถเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับลูก และใช้เป็นตัวช่วยในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกสนานในรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ ใช้เป็นทางเลือกเพื่อการศึกษา วิชาใดวิชาหนึ่งเพิ่มเติมในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างคอร์สออนไลน์ที่มีภาพตื่นตาตื่นใจและน่ารัก เสริมสร้างความรู้ในรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากห้องเรียน
ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการเล่น
1. สร้างโมเดลบ้านด้วยตัวต่อ
ลองหาของเล่นตัวต่อหรือบล็อกมาช่วยกันต่อเป็นบ้าน หรือจะให้ลูกออกแบบเองตามจินตนาการก็ได้ กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่สนุก แต่ยังช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา เช่น ถ้าต่อตัวต่อแล้วพัง ลูกก็จะได้ลองคิดวิธีใหม่ ๆ ในการทำให้บ้านแข็งแรงขึ้น แถมยังได้ฝึกการวางแผนอีกด้วย ถ้าเล่นกันเป็นกลุ่ม เช่น กับเพื่อนหรือครอบครัว เด็กยังได้เรียนรู้เรื่องการแบ่งปันและทำงานร่วมกับคนอื่นด้วย
2. การทดลองวิทยาศาสตร์อย่างง่าย
การทำภูเขาไฟจำลองจากเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ ตื่นเต้นแน่นอน ลองให้ลูกช่วยผสมส่วนผสมเอง แล้วดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์แบบง่าย ๆ อย่างการทำงานของกรดและด่าง หรือถ้าอยากเพิ่มความสนุก ก็ลองชวนลูกตั้งคำถาม เช่น "ถ้าเปลี่ยนสีหรือใส่ส่วนผสมอื่น ผลลัพธ์จะเป็นยังไงนะ?" แบบนี้เด็กจะได้ฝึกความคิดวิเคราะห์และความอยากรู้อยากเห็นไปพร้อมกัน
3. การทำอาหารร่วมกัน
การเข้าครัวกับลูกไม่เพียงแต่ช่วยเสริมทักษะชีวิตพื้นฐาน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และช่วงเวลาที่ดีในครอบครัว ลองให้ลูกช่วยงานง่าย ๆ อย่างชั่งตวงส่วนผสมหรือจัดจานอาหาร การทำอาหารช่วยให้เด็กเรียนรู้การทำงานตามขั้นตอน และยังได้ฝึกสมาธิ ถ้าอาหารไม่ออกมาตรงตามแผนที่คิดไว้ ก็ไม่ต้องซีเรียส ใช้โอกาสนี้ในการสอนลูกเรื่องการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และอย่าลืมชื่นชมผลงานหรือความสำเร็จของพวกเขาหลังทำเสร็จ
4. เกมคำนวณและการเล่นคำ
เกมง่าย ๆ อย่างบิงโกตัวเลขหรือจับคู่คำศัพท์ เหมาะมากสำหรับการเล่นในครอบครัว เด็ก ๆ จะได้สนุกกับการทายตัวเลขหรือค้นหาคำที่ตรงกันไปพร้อมกับการฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์และภาษา เกมเช่นนี้ช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิและเรียนรู้การคิดวิเคราะห์ ถ้าเล่นกันเป็นทีมก็จะยิ่งได้ฝึกทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับคนอื่น หากมีหลายคน ยังสามารถลองจัดการแข่งขันเล็ก ๆ ในบ้านเพื่อเพิ่มความสนุกสนานก็ได้
5. การเล่นกีฬา
กีฬาเป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยเสริมทั้งสุขภาพกายและใจของเด็ก เช่น ฟุตบอลหรือแบดมินตัน เด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย และพัฒนากล้ามเนื้อ เรียนรู้การเป็นทีม และยังเป็นโอกาสที่ดีในสอนการจัดการเรื่องอารมณ์และความอดทน แถมยังช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงและรู้จักที่จะดูแลตัวเองในระยะยาวอีกด้วย
สรุป (Key Takeaway)
การเรียนรู้ผ่านการเล่น ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กสนุกสนาน แต่ยังเป็นวิธีที่ทรงพลังในการเสริมสร้างพัฒนาการและความสามารถในด้านต่าง ๆ ผู้ปกครองสามารถนำเคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างโอกาสที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเติบโตไปอย่างสมบูรณ์และสร้างสรรค์ มาร่วมกันเปลี่ยนการเล่นให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความสนุกและสร้างสรรค์ทั้งสำหรับเด็ก ๆ และผู้ปกครองกันนะคะ
Related Courses
การดูแลสุขภาพใจเด็กประถมศึกษา
ในคอร์สนี้เป็นการดูแลสุขภาพใจของเด็ก เพราะการมีสุขภาพใจที่ดีนั้นส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ทำให้อารมณ์ดี สามารถจัดการภาวะอาร ...



ฝึกเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยในชีวิตประจำวัน
ภัยในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กๆ ของเรา ดังนั้นผู้ปกครองหรือคุณครูควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กมี ...



ฝึกเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยในชีวิตประจำวัน
How to เรียนรู้ รักให้เป็น
คอร์สเรียน How to เรียนรู้ รักให้เป็นนี้ จะเป็นคู่มือความรักสำหรับคนที่มีหัวใจ ให้ทุกคนได้เข้าใจความหมายของการรักที่ใช้ 'หัว' ...



How to เรียนรู้ รักให้เป็น
ต้องใช้ 100 เหรียญ
บทบาทสมมติกระตุ้นพัฒนาการได้อย่างไร
การจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเป็นการสอนที่สร้างสถานการณ์ให้คล้ายกับความเป็นจริง โดยให้ผู้เรียนแสดงตามความรู้ ...



Related Videos


เลี้ยงลูกแบบไหน ไม่ทำให้พี่น้องทะเลาะกัน


Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก


การเดินทางของแม่ เมื่อฉันเป็น “พื้นที่ปลอดภัยของบ้าน”

