การศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรเรียนแค่ไหน

Starfish Academy
Starfish Academy 5109 views • 2 ปีที่แล้ว
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรเรียนแค่ไหน

การประชุมทางวิชาการ สภาการศึกษาเสวนา (OEC Forum) ครั้งที่ 3/2565 เรื่อง การศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรเรียนแค่ไหน

ปัจจุบันในโลกยุค VUCA World เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การศึกษาไทยต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ความสำคัญกับกระบวนการคิดของผู้เรียน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นตามแนวทางการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 และการจัดเสวนาสภาการศึกษาในครั้งนี้ เป็นการอภิปรายถึงประเด็นการศึกษาขั้นพื้นฐานควรเรียนแค่ไหน และควรเรียนอย่างไร รวมถึงข้อเสนอเชิงนโยบายในการพัฒนาผู้เรียนในอนาคตต่อไป

ดร.ชัยยศ – เมื่อพูดถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานต่างมีความเชื่อที่ว่าการเรียนขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียน แต่ด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เคยคิดว่าดีอาจไม่ตอบโจทย์ จะเห็นได้จากหลักสูตรขั้นพื้นฐานในปัจจุบันมีทั้งหมด 8 กลุ่มสาระ 16 - 18 วิชา ต้องใช้เวลาเรียนไม่น้อยกว่า 800 - 1000 ชั่วโมง หากเทียบกับการเรียน กศน. ที่ใช้ระยะเวลาในการเรียนน้อยกว่าและจบหลักสูตรที่เร็วกว่า ซึ่งถือว่าเป็นประเด็น เพราะสะท้อนถึงความสามารถในการเรียนของแต่ละคนไม่เท่ากัน เด็กบางคนจำเป็นต้องใช้เวลาเรียนนานในการทำความเข้าใจ แต่เด็กบางคนสามารถเรียนรู้ได้เร็ว แต่ไม่สามารถปล่อยให้เด็กก้าวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ อยากให้ตระหนักถึงปรัชญาพื้นฐานของการศึกษาในแต่ละระดับว่าต้องการอะไร เช่น ระดับประถมศึกษาต้องเตรียมความพร้อมของเด็ก ในเรื่องของการสื่อสาร การอยู่ร่วมกันในสังคม การสร้างตัวเองให้เป็นคนที่เหมาะสมกับสังคม ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นการเตรียมคนที่จะอยู่ในสังคมและการทำงาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นการเตรียมคนให้รู้จักตนเองเพื่อเข้าสู่ความเชี่ยวชาญทางอาชีพ เป็นต้น 

จะเห็นได้ว่า ความจำเป็นในการพัฒนาคนแต่ละวัยแตกต่างกัน ฉะนั้น สิ่งที่ต้องการในการศึกษาขั้นพื้นฐานคือสมรรถนะ ครูต้องอ่านหลักสูตรและใช้หนังสือให้เป็น ขณะเดียวกันต้องมีเนื้อหาบางอย่างที่จำเป็น เช่น เรื่องของภาษาที่จำเป็นในการสื่อสาร แต่ยังมีข้อสังเกตว่ามีบางวิชาที่สำคัญมากแต่ให้ความสำคัญผิดๆ คือ วิชาเคมีและฟิสิกส์ เนื่องจากประเทศไทยมีการสอนที่ยากเกินความจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ทำให้เด็กไม่อยากเรียน ทั้งที่ 2 วิชานี้เป็นพื้นฐานของการสร้างนวัตกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทบทวนว่าเนื้อหาใดมีความจำเป็นและสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตาม หลักสูตรขั้นพื้นฐานตอนนี้ไม่สามารถตอบได้ว่าแค่ไหนถึงจะพอ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือ วิธีการ หรือรูปแบบการสอนของครู หากสามารถก้าวข้ามการสอนแบบ Non-formal หรือ Informal for education สู่การสอนแบบผสมผสาน สิ่งสำคัญคือ โรงเรียนสามารถจัดโอกาส หรือบรรยากาศให้นักเรียนได้เรียนอย่างผสมผสานหรือไม่ ดังนั้น กระบวนการเรียนรู้ คือ หัวใจสำคัญของการศึกษาขั้นพื้นฐาน การเรียนรู้ที่ดีที่สุดไม่ได้เกิดจากการสอนที่ดีที่สุด แต่การเรียนรู้ที่ดีที่สุดเกิดจากการที่ครูวางแผนอย่างดี เพื่อให้เด็กไปเรียนรู้และค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากรูปแบบที่หลากหลาย 

คุณโยโกะ – คำว่า “พื้นฐาน” มีเพื่ออะไร เพื่อเตรียมตัวให้ผู้เรียนได้ค้นพบตัวเองหรือไม่ หรือเตรียมตัวพื้นฐาน เพื่อให้เด็กพร้อมทำอาชีพใหม่หรือไม่ ถ้าพื้นฐานในวันนี้กับพื้นฐานเดิมต่างกัน ทำไมเรายังจัดการศึกษาแบบเดิม ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พื้นฐานมีความสำคัญเพื่อให้เด็กมีเครื่องมือในการเรียนรู้ ฉะนั้น การศึกษาขั้นพื้นฐานจึงมีความจำเป็นต้องให้เด็กอ่านออก เขียนได้ มีความเข้าใจในคณิตศาสตร์ เรียนรู้ที่จะทำงาน มีทักษะการคิด การทำงาน การแก้ปัญหา มีทักษะทางด้านอารมณ์และทักษะสังคมที่ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลกอนาคต 

เนื่องจากเด็กในปัจจุบันพบกับการ Disruption อาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ซึ่งไม่มีอยู่ในหนังสือเรียน แต่เกิดขึ้นแล้วในโลกยุคใหม่ อาชีพเก่าบางอาชีพกำลังจะหายไป ฉะนั้น ยังสามารถจัดการเรียนรู้รูปแบบเดิมได้หรือไม่ และจะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่ออะไร ประเด็นที่หนึ่ง เราควรจะจัดความพร้อมให้เด็กอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น คณิตศาสตร์พื้นฐานที่ควรมีทั้งหมด และให้เขาใช้เครื่องมือเหล่านั้นในการหาความรู้ที่มีอยู่รอบตัว ระดับต่อไปของการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องตอบโจทย์ว่า เรากำลังจะเป็นพื้นฐานให้กับเด็กค้นพบตัวเอง ค้นพบศักยภาพที่เด็กอยากมี ค้นพบความถนัด ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะสมรรถนะที่สำคัญเพื่อการเตรียมพื้นฐาน รวมไปถึงการจัดการเรียนการสอนควรเป็นเรื่องของ Active Learning เพื่อให้เด็กได้ศึกษาสิ่งที่สนใจ หาสิ่งที่มีคุณค่า มีความหมายกับชีวิต สังคม และชุมชน ครูต้องสร้างให้เด็กมีการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อค้นหาตัวเองและสร้างประโยชน์อย่างมีคุณค่า

นายณชพล - ประเด็นปัญหาของการศึกษาขั้นพื้นฐานที่พบเจอ คือ เด็กไทยส่วนใหญ่ประสบปัญหาในด้านภาษา ทักษะการใช้ชีวิต และยังไม่รู้ตนเอง การจัดการเรียนการสอนของครูในแต่ละระดับชั้นมีความแตกต่างกัน ครูสอนตามเนื้อหาในหนังสือให้เด็กผ่านได้เกรดดีๆ เพื่อให้ได้งานที่ดี แต่ใช่จริงหรือในเมื่อเราใช้เกณฑ์เดียวในการวัดเด็กที่มีความหลากหลาย ซึ่งการศึกษาในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ ทั้งที่ความจริงสิ่งที่ต้องการคือ เด็กต้องรู้จักตนเอง และมีสมรรถนะในการทำงาน อีกทั้งกระทรวงฯ สื่อสารไม่ถึงครู ทำให้แนวทางในการดำเนินงาน หรือเป้าหมายไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

นายทัฬหวิชญ์ - การศึกษาขั้นพื้นฐานควรเรียนแค่ไหน ถ้าไม่ปรับการสอน เรียนแค่ไหนก็ไม่พอ ประเด็นที่หนึ่ง เด็กไทยใช้เวลาเรียนเยอะแต่ได้ผลน้อย จากผลงานวิจัยของ PISA 2015 พบว่า เด็กอายุ 12 ปี ใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละ 55 ชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถใช้ความรู้แก้ปัญหาอย่างง่ายในชีวิตประจำวันได้ 

ประเด็นที่สอง ความรู้มีหมดอายุ ถ้าสอนเนื้อหาเก่า ไม่ตอบโจทย์อนาคต จากหนังสือ The Half-Life of facts ทำการศึกษาความรู้ที่เรียนหมดอายุในกี่ปี คิดเทียบเป็นร้อยละ 50 พบว่า ฟิสิกส์ใช้เวลา 13 ปี คณิต/เศรษฐศาสตร์ 10 ปี และประวัติศาสตร์ 8 ปี จะเห็นได้ว่า โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ความรู้ย่อมหมดอายุลงหรือเปลี่ยนแปลงตาม เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัย ความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี เป็นต้น นอกจากนี้หลักสูตรปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ นักเรียนไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ประเด็นที่สาม โควิด-19 ตั้งคำถามกับสุขภาพระบบการศึกษาไทย พบว่ายังเป็นปัญหา เนื่องจากนักเรียนต้องเรียนในรูปแบบออนไลน์ ทำให้การเรียนรู้ไม่เต็มที่และไม่ต่อเนื่อง 

สำหรับข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุงระบบการศึกษาไทย เริ่มจากขั้นตอนดังนี้

1. การเสวนาเพื่อปรับหลักสูตรตามเป้าหมาย ในเรื่องหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งมิติเนื้อหาและมิติสมรรถนะ อะไรคือความจำเป็นที่คนในอนาคตจะต้องเรียนในแต่ละช่วงวัย เน้นสมรรถนะผู้เรียน ปรับกระบวนจัดการศึกษาในโรงเรียน เพื่อพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน และลดอำนาจการควบคุมจากส่วนกลางลง ให้โรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก

2. เน้นทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ผ่านกระบวนการ Active Learning เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย ค้นพบคุณค่าในตัวเอง

3. ข้อเสนอเชิงนโยบาย หรือที่เรียกว่า กระดุม 6 เม็ด ให้ระบบการศึกษาตอบโจทย์อนาคต ดังนี้

  • 1) ปรับหลักสูตรใหม่ มุ่งสร้างสมรรถนะ 
  • 2) เร่งพัฒนาบุคลากร (ผลิต/อบรม) รองรับหลักสูตร 
  • 3) ปรับระบบการบริหารบุคลากร 
  • 4) ปรับระบบงบประมาณโรงเรียนให้ยืดหยุ่น 
  • 5) ปรับการวัดและประเมินผล (ประเมิน/รายงาน/เทียบโอน) 
  • 6) ปรับระบบประกันคุณภาพให้สอดคล้อง

จะเห็นได้ว่า การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคน จึงมีความจำเป็นที่การศึกษาจะต้องปรับเปลี่ยน เพื่อสร้างผู้เรียนให้มีทักษะและสมรรถนะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนสามารถปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันและอนาคตต่อไป ทั้งนี้ สามารถรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ fb.watch/e3ErtXrOZN/

ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ อดีตรองเลขาธิการสภาการศึกษา

นางสาวโยโกะ เตรูย่า

ผู้แทนบริษัท สตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น โซเซียล เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

นายทัฬหวิชญ์ ฐิติรัตน์สกุล 

นักวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

นายณชพล จึงสำราญ นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

Related Courses

การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา
basic
2:00 ชั่วโมง

ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว

เรียนรู้ไอเดียการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย ฉบับโรงเรียนบ้านปลาดาว ทำความเข้าใจลักษณะห้ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว
Starfish Academy

ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว

Starfish Academy
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา
basic
2:00 ชั่วโมง

ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)

หลักสูตรฐานสมรรถนะ เป็นหลักสูตรที่เน้นการวัดผลแบบสมรรถนะแทนการท่องจำเนื้อหาเพียงเพื่อนำมาสอบ หลักสูตรฐานสมรรถนะยังเป็ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)
Starfish Academy

ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)

Starfish Academy
1358 ผู้เรียน
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
basic
2:00 ชั่วโมง

Micro Learning การเรียนรู้แบบพอดีคำ

ฉีกกฏการเรียนการสอนแบบเดิมด้วยเทรนด์การเรียนรู้แนวใหม่แบบสั้น ง่าย ได้ความรู้ กับเทคนิคการสอนแบบพอดีคำ เพื่อลดภาระและ ...

Starfish Future Labz
Starfish Future Labz
Micro Learning การเรียนรู้แบบพอดีคำ
Starfish Future Labz

Micro Learning การเรียนรู้แบบพอดีคำ

Starfish Future Labz
การเรียนแบบบูรณาการ
ด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
basic
1:30 ชั่วโมง

คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว

คงจะดีถ้าการอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นวัตกรรม3R โรงเรียนบ้านปลาดาว ได้ออกแบบชุดการสอนที่ง่ายและเกิดผล ...

Starfish Academy
Starfish Academy
คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว
Starfish Academy

คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว

Starfish Academy
7138 ผู้เรียน

Related Videos

Starfish Future Labz – Craft Your Future
05:27
Starfish Academy

Starfish Future Labz – Craft Your Future

Starfish Academy
211 views • 2 ปีที่แล้ว
Starfish Future Labz – Craft Your Future
Starfish Country Home School Foundation [ENG]
03:43
Starfish Academy

Starfish Country Home School Foundation [ENG]

Starfish Academy
88 views • 3 ปีที่แล้ว
Starfish Country Home School Foundation [ENG]
MetamorCBE ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฐานสมรรถนะผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางความคิด
24:56
Starfish Academy

MetamorCBE ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฐานสมรรถนะผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางความคิด

Starfish Academy
165 views • 2 ปีที่แล้ว
MetamorCBE ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฐานสมรรถนะผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางความคิด
Makerspace Day #2
04:27
Starfish Academy

Makerspace Day #2

Starfish Academy
296 views • 2 ปีที่แล้ว
Makerspace Day #2