อัปสกิลยอดมนุษย์ยุค AI ด้วยชุดทักษะเสริมแกร่ง ให้เด็กเก่งกล้าอนาคตไกล
มีความเป็นไปได้ว่าภายในปี 2030 เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้น อาจเข้าสู่สายงานที่ยังไม่เคยมีปรากฏในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นสร้างรถยนต์บินได้ หรือเดินทางข้ามจักรวาลได้ แต่อย่างน้อยๆ ในโลกที่หมุนไว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่บางอาชีพที่เคยรู้จักในวันนี้อาจหายไป และอาจมีอาชีพใหม่ที่เราไม่คิดฝันเข้ามาแทนที่
สิ่งสำคัญก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคตต่อไปของลูกๆ แต่หากใครยังนึกไม่ออก บทความนี้ Starfish Labz มีข้อมูลเกี่ยวกับ 5 ทักษะ ที่เชื่อว่าจะช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในโลกแห่งอนาคตได้ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามมาฝากกันค่ะ
แนวโน้มอาชีพในอนาคตมีอะไรบ้าง
แม้ว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะระบุให้ชัดเจนว่า อาชีพในอนาคตจะมีลักษณะรูปแบบเป็นอย่างไร แต่จากแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ก็อาจพอให้เราคาดเดาได้ลางๆ ถึงตำแหน่งงานใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอีก 10-20 ปีข้างหน้าหรือเร็วกว่านั้น ลองมาดูกันว่างานในอนาคตจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง
- ผู้ควบคุมการจราจรโดรน เนื่องจากความนิยมใช้โดรนอย่างแพร่หลาย ไม่แน่ว่าเราอาจต้องมีผู้ควบคุมการขับเคลื่อนโดรน กำหนดเส้นทาง ที่จำเป็นต้องมีทักษะด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีทักษะด้านการบริหารจัดการ ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี และมีใบอนุญาตขับโดรน
- Robot Consultants ที่ปรึกษาผู้ให้คำแนะนำแก่ลูกค้า เกี่ยวกับการเลือกซื้อหุ่นยนต์และโปรแกรมที่เหมาะสม เพื่อทำให้ชีวิตประจำวันทั้งในบ้านและที่ทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นโดยมีหุ่นยนต์เป็นผู้ช่วย โดยตำแหน่งงานนี้จำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง AI ปัญญาประดิษฐ์, มีทักษะการสื่อสาร มนุษยสัมพันธ์ดี ทำงานเป็นทีมได้
- Garbage Designer นักออกแบบที่เปลี่ยนขยะเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการออกแบบผลิตภัณฑ์
- ช่างซ่อมรถไร้คนขับ รถไร้คนขับอาจเข้ามาแทนที่รถที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นนอกจากความรู้ด้านเครื่องยนต์แล้ว ช่างซ่อมรถไร้คนขับในอนาคตยังต้องมีความรู้เรื่อง AI มีความเข้าใจเรื่องหุ่นยนต์ และมีทักษะเรื่องการวิเคราะห์แบบพยากรณ์ (predictive analytics) สามารถนำ Big Data มาประยุกต์ใช้งานได้จริง
- แพทย์วิทยาการข้อมูล (Data Physician) แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยใช้ชีวประวัติและข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยแต่ละคนในการรักษา มากกว่าแค่การรักษาแค่อาการล่าสุดที่พบเห็นได้ โดยนอกจากความรู้ทางการแพทย์แล้ว อาชีพนี้ยังจำเป็นต้องมีทักษะด้านคณิตศาสตร์ สถิติ และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย
5 วิธีเตรียมลูกให้พร้อมสู่อาชีพในอนาคต
เมื่อเราพอจะคาดเดาได้แล้วว่า อาชีพในอนาคตจะมีหน้าตาประมาณไหน พ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจช่วยลูกเตรียมตัวได้ระดับหนึ่ง ซึ่ง Soft Skil หรือทักษะทางอารมณ์ และสังคมมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าความชำนาญเฉพาะทางต่างๆ
Soft Skill ที่ดีถือเป็นพื้นฐานจำเป็นที่ไม่ว่าจะประกอบอาชีพไหน ตำแหน่งอะไร ผู้ที่มีทักษะปรับตัวได้สูง มีความยืดหยุ่น เก่งทักษะการเข้าสังคม และมีความคิดอ่านเป็นผู้นำ ฯลฯ มักมีโอกาสพบความสำเร็จในอาชีพได้ง่ายกว่า
Starfish Labz ขอแนะนำ 5 วิธีที่พ่อแม่จะช่วยลูกเตรียมความพร้อมเพิ่มทักษะทั้ง Soft Skill และ Hard Skill เพื่อจะเพิ่มโอกาสให้ลูกสามารถเลือกเส้นทางในอนาคตได้ตามต้องการ
1. สนับสนุนให้ลูกขวนขวายเรียนรู้ ช่างสังเกต ขี้สงสัย และกล้าลงมือค้นหาคำตอบ
บทเรียนมีค่าที่เราควรปลูกฝังให้ลูกก็คือ แนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ว่าเรื่องใดที่ลูกอยากรู้ เรื่องใดที่สงสัย สนับสนุนให้ลูกหาคำตอบผ่านกระบวนการต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้ลูกมีความช่างสงสัย และช่วยให้ลูกมีความสุขกับการสำรวจโลกรอบตัว อย่าจำกัดลูกอยู่ใน กรอบแคบๆ เมื่อพ่อแม่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ การเรียนรู้ของลูกก็จะไม่มีขีดจำกัด
2. กระตุ้นทักษะความคิดสร้างสรรค์เพื่อการแก้ปัญหา
แม้ว่าหุ่นยนต์อาจกลายเป็นดาวเด่นในโลกการทำงานในอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่หุ่นยนต์ไม่อาจทำได้เหมือนมนุษย์ คือ ความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น พ่อแม่ควรบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ชวนลูกค้นหาคำตอบของสิ่งที่สงสัยหลายๆ วิธี ชวนลูกคิดนอกกรอบ เพื่อทำให้เด็กๆ เห็นว่าแม้จะมีคำตอบเดียว แต่วิธีที่จะไปถึงคำตอบนั้นมีด้วยกันหลายวิธี และไม่แน่ว่าวิธีที่ลูกค้นพบจะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เป็นได้
3. สร้างกระบวนการคิดยืดหยุ่นไปข้างหน้า
ความฉลาดทางปัญญาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกแล้วในโลกยุคใหม่ เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวันจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับเด็กๆ พวกเขาจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้ทั้งกว้างและลึก หากชุดความรู้เก่าใช้ไม่ได้ในยุคนี้ก็จะหาทางนำเสนอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า เพื่อเกิดการปลี่ยนแปลงให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
การรู้ตัวเองและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยไม่ยึดติดขนบและระเบียบแบบแผนเดิมๆ ที่ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปนั้น จะช่วยให้ลูกเราคิดหาทางไปต่อได้แม้ไร้กระบวนท่า เพราะไม่รู้ว่าอนาคตเรื่องไม่คาดฝันอะไรจะเกิดขึ้นอีกบ้าง จึงต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอที่จะรับมือกับปัญหา และโจทย์ยากๆ นี่เองที่อาจสร้างอาชีพใหม่ให้พวกเขาได้ในอนาคต
4. มีทักษะทางดิจิทัล ใช้งานและควบคุม AI ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นได้
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราทุกคน เด็กๆ อาจต้องเข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ หรืออย่างน้อยๆ ต้องทำความเข้าใจหลักการใช้งานคำสั่งต่างๆ เข้าใจรูปแบบการทำงานในโลกดิจิทัลมากขึ้น
รวมถึงอาจจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ที่ใช้เทคโนโลยีให้ดีขึ้นด้วย เพราะไม่เพียงแต่เเราใช้ AI ช่วยงานได้แล้ว แต่ยังสามารถสอน AI ให้ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ดีขึ้นด้วย
ทั้งยังควรเท่าทันข้อมูล คิดเชิงคำนวณทางสถิติ และนำมาวิเคราะห์แยกแยะคาดการณ์อนาคตได้ เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ต่างๆ ไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ให้แก่มนุษย์เรา ซึ่งไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ควรต้องมีตรรกะพื้นฐานความคิดที่เป็นระบบ และมีความพร้อมรับมือปัญหาด้วยเทคโนโลยีเพื่อจะเร่งแก้ไขได้แม่นยำและฉับไวขึ้นนั่นเอง
5. เสริมพลังใจด้วยความฉลาดทางอารมณ์และสังคม
แม้ว่างานส่วนหนึ่งอาจถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ แต่สิ่งที่เทคโนโลยีไม่อาจมีทดแทนให้ได้ คือความเข้าใจมนุษย์ ความเห็นอกเห็นใจ ความร่วมมือทำงานเป็นทีม และทักษะการสื่อสารที่ดี ซึ่งรวมๆ แล้วเราเรียกว่า ทักษะทางอารมณ์และสังคม ซึ่งจะช่วยให้การทำงานราบรื่นได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่น งานด้านการแพทย์ที่คุณหมอต้องพูดคุยกับคนไข้แบบตัวต่อตัว เพื่อให้ทราบถึงปัญหาสุขภาพ รวมถึงให้กำลังใจคนไข้แบบเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันซึ่งปัญญาประดิษฐ์ทดแทนไม่ได้
พ่อแม่เพียงลงทุนด้วยความรัก เวลา และกระบวนสะท้อนคิด คอยสร้างความเชื่อมั่นในตัวลูก ทำให้ลูกเกิดความรัก และภาคภูมิใจในตนเอง อยากมีส่วนสร้างสรรค์สังคม เข้าใจความจริง เห็นโลกที่แตกต่างหลากหลายนั้นช่างกว้างใหญ่ เมื่อไหร่ที่เขาสามารถเชื่อมโยงตนเองเข้ากับโลกนี้ได้อย่างอบอุ่น เขาจะเห็นบทบาทและความหมายของชีวิต การทำงานของเขาก็จะมีพลังมากขึ้น และยังรู้จักสร้างความสุขให้ตัวเองและเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นด้วย
สุดท้ายแล้ว แม้อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่หากเราในฐานะพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็คงต้อง เตรียมลูกให้พร้อมอย่างสุดความสามารถ เพื่อจะวางใจได้ในระดับหนึ่งว่า ไม่ว่าในอนาคตลูกจะอยู่ในสายงานใด ก็จะมีความสุขกับการทำงานและประสบความสำเร็จได้ในแบบฉบับของตัวเขาเอง
แหล่งอ้างอิง (Sources):
5 Ways to Prepare your Child for Jobs that Don’t Exist Yet
Future Skills You’ll Need In Your Career By 2030
บทความใกล้เคียง
5 ทักษะจำเป็น ฝึกลูกให้เก่งตั้งแต่วันนี้ อยู่ที่ไหนก็ก้าวหน้าแน่ ใช้ได้ทุกสายอาชีพในอนาคต
5 คอร์สออนไลน์ยอดฮิต เรียนฟรี แสนคุ้มค่า จาก Starfish Labz
สร้างครูไทยหัวใจฮีโร่ Active Learning กับกระบวนการพัฒนา 8 ตัวชี้วัด
Related Courses
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
เจาะลึกทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เด็กรุ่นใหม่ต้องมีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และต้องมีทักษะอะไรบ้างเพื่อรองรับกับอ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
หากคุณเป็นคนชอบวาดรูป ชอบการขีดเขียน หรือการจดบันทึก อยากลองทำ Visual Note แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาอย่างไรดี คอร์สเ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
ต้องใช้ 100 เหรียญ
เรียนรู้ศิลปะดิจิทัล Google Art & Culture Metaverse
Google Arts & Culture แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลงานศิลปะและวัฒนธรรมจากพิพิธภัณฑ์และสถา ...
เรียนรู้ศิลปะดิจิทัล Google Art & Culture Metaverse
ต้องใช้ 100 เหรียญ