6 ความร่วมมือ ที่ครูยุคใหม่ต้องช่วยสร้าง เพื่อห้องเรียนปลอดบูลลี่
รู้หรือไม่? จากรายงานของ UNDP ประเทศไทยดูเหมือนจะเป็นประเทศที่เปิดกว้างเรื่อง LGBTQ+ แต่กลับพบว่า 53% ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ต้องทนกับคำดูถูกจากผู้คนรอบข้าง และอีก 42% ต้องแกล้งเป็นเพศกำเนิดของตนเอง ทั้งในโรงเรียน ที่ทำงาน และที่บ้าน
นอกจากนี้ รายงานของ aidsdatahub อธิบายเพิ่มเติมว่า 25% ของเด็กๆ ที่ไม่แสดงตัวว่าเป็น LGBTQ+ แต่ถูกเพื่อนสงสัยจากกิริยาอาการว่าน่าจะเป็นเพศทางเลือก ก็มักถูกรังแกด้วยคำพูดในเชิงล้อเลียนบ่อยๆ ด้วยความคะนองปาก
‘Pride Month’ จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับคุณครู ที่จะชวนเด็กๆ ทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศ นอกจากจะจัดบอร์ดให้ความรู้ ประดับธงสีรุ้งที่ใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อแสดงออกว่าเราสนับสนุนให้เพศทางเลือก มีสิทธิเสรีภาพไม่ต่างจากชายและหญิง
Starfish Labz คิดว่าแค่นั้นอาจยังไม่เพียงพอ คุณครูจะต้องสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่ความเห็นอกเห็นใจในผู้อื่น จึงจะสามารถลบความเชื่อผิดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบูลลี่ขึ้นในโรงเรียน
ผลร้ายของการบูลลี่
บูลลี่ (Bully) หรือ ภาษาไทยเรียกว่า ‘การรังแก’ หรือ ‘การกลั่นแกล้ง’ จากคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะทำร้ายทางร่างกายหรือว่าจิตใจ เช่น โดนล้อว่าเป็น ตุ๊ดหรือทอม มักใช้คำพูดในเชิงดูถูก ไม่เชื่อว่าหญิงจะรักหญิงได้ และอาจเกิดความระแวงเพื่อนที่ชอบเพศเดียวกันเกินเหตุว่าจะมาลวนลามตน
จึงอาจเกิดการใช้คำพูดล้อเลียน กรีดแทง แสดงออกด้วยท่าทีรังเกียจ หรือถึงขั้นทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย รวมไปถึงความแตกต่างเรื่องสีผิวและรูปร่างหน้าตาที่ผิดแผกจากเพื่อนในชั้นเรียนด้วย
ผลักให้ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งมีบุคลิกภาพแบบเก็บตัว หวาดกลัวคนหมู่มาก และไม่อยากออกไปไหนมาไหนเท่าใดนัก ซึ่งทิ้งรอยแผลทางใจติดตัวไปจนโต ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะทางสังคม ความมั่นใจที่หล่นหาย สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เนื่องจากพวกเขาไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อน
6 ความร่วมมือที่ครูยุคใหม่ต้องช่วยสร้างเพื่อห้องเรียนปลอดบูลลี่
1. สอนให้เด็กเข้าใจความต่าง
บอกเด็กๆ ให้รับรู้ว่าเราทุกคนล้วนแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น เพศ ศาสนา ความคิดความเชื่อ พื้นเพ ประสบการณ์ ที่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าใครจะต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้นถึงจะถูกต้องหรือสูงส่งที่สุด
ทุกคนควรได้มีความสุขในที่ทางของตนเอง ถ้าไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใครก็ควรมีสิทธิ์เป็นตัวของตัวเอง
ในโลกกว้างยังมีอะไรให้เด็กๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ผู้คนใหม่ๆ ไม่รู้จบ จะเป็นการดีกว่าถ้าเราเห็นเพื่อนมนุษย์ทุกคนเท่ากัน และแม้เราจะต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข
2. สอนให้เด็กเคารพกัน
สอนเด็กๆ ให้เคารพเพื่อนมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย และสิ่งที่เขาเลือกจะเป็น
เช่น เพื่อนในห้องเป็น LGBTQ+ เขามั่นใจ กล้าแสดงออก แต่ต้องถูกกลั่นแกล้ง จากเพื่อนกลุ่มอื่น ครูจะต้องคอยสอดส่องด้วยความใส่ใจ
หากลวิธีสอนให้เพื่อนๆ คิดถึงใจเขา ไม่ตัดสินเขาด้วยการมองอะไรด้านเดียว ไม่ประเมินสถานการณ์เพียงแค่จากประสบการณ์ชีวิตของเราเอง เช่น
ครูอาจสอนนักเรียนผ่านการเล่านิทานให้ฟัง เลือกเนื้อเรื่องที่มีตัวละครต่างสายพันธ์ุกัน ให้เด็กๆ ลองอธิบายตามความเข้าใจหลังครูเล่าจบ แล้วลองมาถกถามกันในประเด็นที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในเรื่อง หรือให้เด็กๆ ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา แล้วไม่ลืมที่จะเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตจริงของเด็กๆ ด้วย เป็นต้น
3.ทำข้อตกลงเรื่องกฎการอยู่ร่วมกัน
ครูอาจให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเล่นเกม ทำความตกลงกันก่อนว่าทุกคนจะเคารพกติกา เมื่อมีใครทำผิดกฎ ครูก็ไม่ปล่อยผ่าน จะต้องตักเตือน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในทันที แล้วเด็กๆ จะรู้จักเคารพกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน
หรือทุกครั้งที่จับกลุ่มทำงาน นักเรียนต้องเปลี่ยนกลุ่มทุกครั้ง และไม่เลือกแต่คนเดิมๆ อยู่ในกลุ่ม เพื่อจะได้หัดร่วมงานและผูกมิตรกับคนที่ตนไม่สนิทได้
และควรสอนให้ทุกคนทำตามหน้าที่โดยไม่ใช้เพศเป็นตัวกำหนด เช่น หน้าที่ยกของหนัก ขอให้ผู้ชายทำ ส่วนหน้าที่ตกแต่ง ระบายสี ขอให้ผู้หญิงทำ อันที่จริงครูควรคัดเลือกจากความสามารถและความถนัดของแต่ละคน หรือให้สลับสับเปลี่ยนเวรกันอย่างเท่าเทียม
สำคัญที่สุด จะต้องหาทางป้องกันการกลั่นแกล้งตั้งแต่เนิ่นๆ ครูต้องรู้ว่าใครคือผู้มีอิทธิพลกับเพื่อนๆ ในห้อง ใครคือคนที่มีโอกาสถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด จะต้องคอยสอดส่องสังเกตการณ์ ฟังน้ำเสียง คำพูด การกระทำ ปฏิกิริยาของกลุ่มเพื่อนนักเรียน และจับอารมณ์โดยรวมของเด็กในห้องเรียนนั้นเป็นอย่างไร
และหากมีใครมีท่าทางไม่สู้ดี ถูกทำร้ายทางจิตใจ ก็ควรจะหาทางค่อยๆ เคลียร์ใจกัน และทำข้อตกลงเพื่อจะอยู่ร่วมกันด้วยดี ไม่ลุกลามปานปลายไปสู่การทำร้ายร่างกายกัน หรือรวมหัวกลั่นแกล้งเพื่อนเพื่อความสนุกและสะใจ
4. ครูต้องเป็น safe zone
เด็กที่เป็น LGBTQ+ ส่วนมาก ไม่กล้าเปิดเผยความในใจ แนะนำให้คุณครูแสดงตัวว่า “ฉันพร้อมจะยืนอยู่ข้างพวกเธอนะ”
ถ้าต้องการสำรวจว่ามีใครกลั้นแกล้งกันบ้างในห้องเรียน กรณีนี้หากถามเด็กทุกคนผ่านหน้าชั้นเรียน คุณครูอาจไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน จึงควรจัดรอบให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว (one on one) เพื่อเด็กๆ จะได้กล้าเล่าปัญหาที่พวกเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจได้อย่างเต็มที่
5. หลอมรวมวัฒนธรรรมเพศหลากหลายอยู่ในทุกกิจกรรมของห้องเรียน
เปิดชั่วโมงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิด เน้นให้ทุกคนได้ร่วมวงเสวนากันในห้องเรียน หรือระหว่างห้องเรียนอื่น สร้างบรรยากาศ safe zone ให้ทุกคนได้เชื่อมโยงกันจริงๆ หรือเรียกกระบวนการนี้ว่า ’การฟังอย่างลึกซึ้ง’ (deep listening) รับฟังผู้พูดโดยไม่ปล่อยให้ความคิดเราเผลอไปตัดสินเขา และพยายามเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา
ส่วน ‘การเสวนาดิ่งลึก’ (deep talk) มักจะถามคู่สนทนาด้วยคำถามปลายเปิด เช่น เธอรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ และต้องไม่ลืมแลกเปลี่ยนเรื่องราวของตัวเราด้วย โดยทุกคนในวงสนทนาจะต้องเคารพจุดยืนของเพื่อน ถามเพื่อเข้าใจไม่ใช่เพื่อโต้แย้งกัน ซึ่งจะแตกต่างกับการโต้วาที แล้วเด็กๆ ถึงจะกล้าแสดงความหลากหลายออกมา รวมถึงได้ฟังมุมมองใหม่ๆ จากเพื่อนมากกว่าที่เคยรู้จัก
6. สร้างบทเรียน LGBTQ+ ในชั้นเรียน
สร้างความเข้าใจแก่เด็กๆ ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ 2 เพศ ตามเพศกำเนิดเสมอไป และ LGBTQ+ ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น ก็เพียงแค่เรามีความชอบไม่เหมือนกัน และเราทุกคนต่างก็มีคุณค่าในแบบฉบับของตนเอง
ยุคสมัยนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เราใจกว้างขึ้น และยอมรับความหลากหลายได้มากขึ้น เราจึงควรจะเปลี่ยนคำจำกัดความต่างๆ เสียใหม่ ให้เป็นไปตามบทบาทที่แต่ละคนเลือกจะเป็นมากกว่า
เมื่อทุกคนเข้าใจความแตกต่างในสังคม โอกาสจะเกิดการบูลลี่ก็จะลดน้อยลงกว่าเดิม จากที่เด็กๆ มองว่าความแตกต่างเป็นเรื่องผิดปกติ จะกลายเป็นเราแตกต่างกันน่ะเป็นเรื่องธรรมชาตินั่นเอง
แหล่งอ้างอิง (Sources):
Making Schools Safe for LGBTQ+ Community | Stomp out bullying
Best practices for serving LGBTQ students | Learning for justice
LGBTQ-inclusive education: everything you need to know | Stonewall
Mindfulness for trainers: the practice of deep listening | Trainingzone
Related Courses
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...
เป็นครูยุคใหม่ทักษะอะไรบ้างที่ต้องมี
มาเตรียมความพร้อมกับการเป็นครูในยุคใหม่ ทั้งผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นสายอาชีพครู หรือผู้ที่เป็นครูอยู่แล้วมาร่วมอัปเดตทักษะที่ครูยุคใหม่จะ ...