สิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้เมื่อมีลูก LGBTQ+
ในยุคที่เปิดกว้าง และยอมรับเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากมีเยาวชน ที่ค้นพบตัวตนเร็วขึ้นกว่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แต่ถึงแม้ว่าสังคมจะเปิดกว้างสังแค่ไหน แต่สำหรับพ่อแม่ การที่ลูกเดินมาบอกว่าพวกเขาเป็น LGBTQ+ ก็มักอดเป็นห่วงไม่ได้ บทความนี้ชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศ เพื่อสร้างความเข้าใจและยืนหยัดเคียงข้างลูกไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพศใดก็ตาม
LGBTQ+ คืออะไร?
คำว่า LGBTQ+ คือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้แก่
- L ย่อมาจาก Lesbian
- G ย่อมาจาก Gay
- B ย่อมาจาก Bisexual
- T ย่อมาจาก Transgender คือ กลุ่มคนข้ามเพศ จากเพศชายเป็นเพศหญิง หรือเพศหญิงเป็นเพศชาย เป็นผู้ที่รับรู้ว่าตนเองมีเพศภาวะไม่สอดคล้องกับเพศสรีระ ตามรูปแบบที่สังคมกำหนด
- Q ย่อมาจาก Queer คือ กลุ่มคนที่พึงพอใจต่อเพศใดเพศหนึ่งแล้วแต่ความชอบ ไม่ได้จำกัดในเรื่องเพศและความรัก รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์
สำหรับเครื่องหมายบวก หรือพลัส ที่ต่อท้ายคำว่า LGBTQ ได้มีการเพิ่มขึ้นภายหลัง เพื่อรวมถึงกลุ่มผู้ที่มีการแสดงออกทางเพศอื่นๆ ที่อาจต่างไปจากแบบที่เราเคยรู้จัก
คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจสงสัยว่า เพราะเหตุใดกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศจึงเพิ่มมากขึ้น เป็นเพราะกระแสนิยม หรือแค่เป็นเรื่องตามเทรนด์ หากย้อนไปในประวัติศาสตร์ จะพบว่าความหลากหลายทางเพศอยู่กับมนุษย์มานานแล้ว อีกทั้งยังพบพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความหลากหลายทางเพศ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เรื่องความหลากหลายทางเพศจึงเป็นเรื่องธรรมชาติ และการแพทย์สมัยใหม่ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดปกติ แต่เป็นเรื่องของรสนิยมที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
เมื่อลูกเปิดใจ พ่อแม่ต้องเข้าใจ
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องตามธรรมชาติ แม้ว่าทางการแพทย์จะพยายามหาคำตอบที่แน่ชัดของความหลากหลายทางเพศนี้ แต่ก็ยังไม่อาจระบุสาเหตุได้ สิ่งหนึ่งที่งานวิจัยค้นพบคือ DNA ก็อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำหนดเพศสภาพของบุคคล และเรื่องเพศของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกิดกว่าจะหาคำตอบที่แน่ชัดได้ ดังนั้น หากลูกเดินมาบอกว่าเขาคือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรทำ คือ ไม่ด่วนตัดสิน เพราะลูกไม่ได้เลือกที่จะเป็น พ่อแม่ควรรับฟังอย่างเปิดใจ เพราะเมื่อลูกเลือกที่จะบอกเรา นั่นหมายความว่าลูกต้องการกำลังใจ และการยอมรับจากพ่อแม่
แน่นอนว่าคุณอาจจะช็อกกับสิ่งที่ลูกกำลังบอก หากนึกอะไรไม่ออก การเงียบและฟัง อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด หลังจากที่ลูกพูดจบแล้ว จึงค่อยกล่าวขอบคุณที่ลูกเลือกแสดงตัวตนที่แท้จริงกับพ่อแม่ สิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือ ทำเป็นนิ่งเฉย ไม่สนใจ
(เพราะไม่รู้ควรตอบสนองอย่างไร) หรือเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะอาจทำให้ลูกเข้าใจว่า พ่อแม่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับตัวตนของพวกเขา
ข้อมูลจากสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย โดยพญ.พิชญา พจนโพธา ระบุว่า ในช่วงวัยรุ่น ลูกอาจสับสน ต้องการเวลาและกำลังใจในการทำความเข้าใจตนเอง ทั้งเรื่องเพศและเรื่องอื่นๆในชีวิต พ่อแม่ช่วยได้โดยการเป็นผู้ฟังที่ดี การรับฟังโดยไม่ตัดสินผิดถูกจะช่วยให้เข้าใจลูกมากขึ้น สิ่งที่วัยรุ่นต้องการมากที่สุด คือการยอมรับ ทั้งจากครอบครัวและเพื่อนๆ เรื่องเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ควรนำมาพูดคุยในเชิงล้อเลียน ถ้าบ้านเป็นสถานที่ปลอดภัยที่ลูกรู้สึกสบายใจ ก็จะช่วยให้ลูกค้นหาตัวตนของเขาได้เต็มที่ มีความมั่นใจ
การยอมรับคือสิ่งสำคัญ
สำหรับลูกๆ ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รู้ว่าพวกเขาเป็นที่ยอมรับของพ่อแม่ ไม่เฉพาะกับเด็กๆ ที่มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น แต่ลูก “ทุกคน” ต้องการให้พ่อแม่ยอมรับตัวตน และความสามารถของพวกเขา เพราะเด็กแต่ละคนเกิดมาแตกต่างกัน พ่อแม่ควรยอมรับในตัวลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพื่อให้ลูกรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง โดยเฉพาะเด็กที่มีความหลากหลายทางเพศ ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง จะช่วยให้ลูกฝ่าฝันแรงปะทะต่างๆ จากสังคมและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
ช่วยให้ลูกยืนหยัดอย่างสง่างาม
แม้ว่าสังคมจะเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการบูลลี่ หรือรังแกเด็กที่มีความหลากหลายทางเพศ ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมีคนบางกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจว่าความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นรสนิยม ไม่ใช่ความผิดปกติ ถึงแม้เด็ก LGBTQ+ จะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่และครอบครัว แต่เมื่อออกสู่สังคม ก็อาจตกเป็นเป้าของการบูลลี่ได้
ข้อมูลจาก Government Equalities Office (GEO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องความเท่าเทียมทางสังคมแห่งอังกฤษได้ ทำสำรวจเมื่อปี 2017 พบว่า ร้อยละ 19 ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยถูกล่วงละเมิดทางวาจา ถูกดูหมิ่น หรือถูกวิจารณ์ทางโลกออนไลน์อย่างรุนแรงในช่วงปีที่ผ่านมาเพียงเพราะว่าพวกเขาเป็น LGBT ซึ่งผลกระทบของการถูกบูลลี่อาจทำให้เด็กๆ ขาดเรียนบ่อย กระทบความสำเร็จทางด้านการศึกษา ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสภาพอารมณ์ที่ดี
พ่อแม่ช่วยให้ลูกที่มีความหลากหลายทางเพศยืนหยัดอย่างสง่างามในสังคมได้ ด้วยการยอมรับ เป็นกำลังใจและสนับสนุนเมื่อลูกทำสิ่งที่ถูกต้อง ปกป้องลูกจากการถูกรังแก นอกจากนี้ ควรสอนให้ลูกรู้จักรับมือกับการถูกกลั่นแกล้ง เช่น ทำเป็นไม่สนใจ ไม่ให้ค่ากับคนที่กลั่นแกล้ง เมื่อคนพวกนี้ไม่ได้รับความสนใจก็อาจหยุดแกล้งไปเอง แต่หากมีแนวโน้มว่าอาจถูกกลั่นแกล้งมากขึ้น ควรรีบออกจากบริเวณนั้นและขอความช่วยเหลือ บอกให้ลูกแจ้งให้พ่อแม่ และคุณครูทราบทุกครั้งที่ถูกรังแก เก็บหลักฐานการถูกกลั่นแกล้งไว้ หากเป็นข้อความออนไลน์ก็ควรแคปหน้าจอเก็บไว้
สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ ควรอธิบายให้ลูกฟังว่า ถึงแม้สังคมจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งไม่ได้เป็นความผิดของลูก แต่เป็นปัญหาของพวกเขาเองต่างหากที่ไม่ยอมเปิดใจ หากลูกหลีกเลี่ยงคนกลุ่มนี้ได้ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะความปลอดภัยสำคัญที่สุด หากลูกรู้สึกท้อแท้ เสียใจกับการถูกรังแก ควรให้กำลังใจ และทำให้ลูกรับรู้ว่าคุณยอมรับตัวตนของเขาเสมอไม่ว่าจะอย่างไร เพราะแรงสนับสนุนของพ่อแม่คือรากฐานที่มั่นคงที่สุดสำหรับลูก LGBTQ+
Related Courses
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้
How to Play : กลเม็ดพิชิตใจเด็ก
“เล่นให้เด็กติดใจ”จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปถ้าหากเรารู้เคล็ดลับบทเรียนนี้จะช่วยให้คุณ “เป็นคนที่ เล่นอย่างสนุก”“เข้าใจวิธีการเ ...
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...