การเป็นติ่งฝึกหัด มักจะมากับเสียงบ่นของพ่อแม่ จนบางทีติ่งฝึกหัดอย่างเราก็เหนื่อยใจ ว่าทำไมเราต้องโดนบ่นด้วย สมัยที่อยู่ประถมปลาย เราชอบ Shinee มาก เพลง Replay หรือ Amigo ขึ้นมาแค่ไม่กี่วินาที ตอบถูกทันที แล้วทุกคนเข้าใจใช่ไหมคะว่า พอเราติ่งใครมากๆ เราก็อยากจะไปส่อง ไปค้นข้อมูลของเขา จนบางทีภาพที่พ่อแม่เห็นคือ วันๆ เราอยู่กับศิลปิน และโลกอินเทอร์เน็ต จนช่วงนั้นก็มีเสียงของแม่ขึ้นมาว่า ไม่สนใจการเรียน เพราะมัวแต่ตาม ส่องศิลปิน พอแม่พูดมาก็หงุดหงิดนะ เรารู้สึกว่าก็ตั้งใจเรียน นี่มันช่วงพักนี่นา ขอส่องได้ไหม? ต้องอ่านหนังสือตลอดเวลาเลยเหรอ ? ซึ่งเราก็พูดไปตามที่รู้สึกเลย ปรากฎทะเลาะกับแม่และโดนลงโทษห้ามเล่นอินเตอร์เน็ต 2 สัปดาห์
จากเหตุการณ์นั้นจนมาถึงวันนี้ เราพยายามตกตะกอนกับตนเองว่า ทำอย่างไรให้เราเป็นติ่งแบบไม่โดนบ่น ไม่โดนลงโทษ คำตอบที่เราค้นพบคือ กฎเหล็ก 3 ข้อ
กฎข้อที่ 1 จงทำตารางเวลา การทำการบ้าน การอ่านหนังสือ การส่องศิลปิน และปฏิบัติตามนั้น
กฎข้อนี้สำคัญมาก เพราะว่า พอเวลาผู้ใหญ่บ่น ก็มักจะพูดเรื่องการบ้าน การเรียนเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากเราสามารถออกแบบตารางเวลา และทำตามได้ เวลาที่เขาถาม เราจะตอบได้ว่า “นี้ไง หนูทำตามตารางเวลาแล้ว ทำการบ้าน อ่านหนังสือเสร็จแล้วนะ ถึงค่อยพักผ่อน” นอกจากนี้ขอแนะนำเทคนิคเพิ่มเติมว่า ให้เราพยายามจัดตารางเวลาโดย ให้เรื่องของการบ้าน อ่านหนังสือ หรือธุระอื่นๆ อยู่ในช่วงต้น และให้การส่องศิลปินมาอยู่ท้ายๆ เพราะมันแสดงถึง “ความรับผิดชอบนั้นมาก่อน” และ เราก็จะได้มีเวลาฟิน อย่างที่ไม่ต้องกังวลอะไรด้วยค่ะ เพราะทุกอย่างเราทำเสร็จหมดแล้ว
กฎข้อที่ 2 เวลาตอบคำถาม ห้ามหงุดหงิด
เชื่อว่าตอนที่เรากำลังฟินกับเพลง คอนเสิร์ต หรือซีรีย์มันส์ๆ แต่ต้องมาโดนขัดด้วยคำถามของพ่อแม่ บางทีมันก็หงุดหงิด (มันเหมือนว่า กำลังถึงฉากจบ แต่โดนตัดเข้าโฆษณา) แต่จะไม่ตอบพ่อแม่ก็ไม่ได้อีก เราเลยอาจจะรีบตอบแบบเซ็งๆ และอารมณ์ไม่ดี ผลปรากฎว่า โดนบ่นยาวเลย ดังนั้น เวลาที่พ่อแม่มาถามเรา (ไม่ว่าจะจังหวะไหน) จงมีสติ! อย่าปรี้ดๆ และอาจจะพยายามคิดเข้าว่า “โอเค! เขามาถาม เราก็แค่ตอบเนอะ ไม่เป็นไร ค่อยๆตอบ ค่อยๆอธิบายให้เขาเข้าใจเรา” (ประมาณนี้ หาประโยคที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อควบคุมอารมณ์ค่ะ) ความคิดตรงนี้จะช่วยทำให้เราคุมสติได้ดีมากขึ้น พูดคุยอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
กฎข้อที่ 3 อย่าดูซีรีย์ หรือ ทำอะไร โดยไม่หลับไม่นอน
จริงๆ กฎข้อนี้ คิดขึ้นมาเพิ่ม ช่วงกำลังเข้าใกล้เลข 3 ตอนนั้นเราจำได้ว่า กระแสปรมาจารย์ลัทธิมารดังมาก เราเลยตามไปดูค่ะ ว่ามันสนุกไหม พอเราไปดูแค่ตอนสองตอนแรก ก็โดนเซียวจ้านและหวังอี้ป๋อตกไปค่ะ เราดูหนังลากยาวไม่หลับไม่นอน จนไปถึงเกือบตีสาม ตีสี่เลย (ก็วันหยุดไง เราจะนอนตอนไหนก็ได้ บวกกับมันมีหลายสิบตอนแล้ว เราต้องรีบดูเดี๋ยวตามไม่ทัน) หลังจากที่เราตื่นมาหกลายเป็นวันทรมานมากเลย ขนาดตื่นสายมากนะ แต่ก็ปวดหัว เหมือนนอนไม่พอ อายุเราก็ใกล้เลข 3 เข้าไปทุกที มันก็เสียสุขภาพแหล่ะ จากเหตุการณ์นี้ เราเรียนรู้ว่า อย่าทำอะไรจนเสียสุขภาพเลย เอาแบบพอดีๆ ดีกว่า
เราคิดว่า หากปฏิบัติตามกฎ 3 ข้อนี้ได้ เราจะกลายเป็น “ติ่งฝึกหัด” ที่มีความสุข และสุขภาพดี ค่ะ
สุดท้ายนี้ ใครอยากเชคระดับความติ่งของตนเอง ไม่ว่าจะสายไหนก็ตาม ลองมาทำแบบเช็คระดับความติ่ง กัน ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ forms.gle/hbgs7hrwB5SUw3389
Related Courses
ทำสิ่งที่ชอบ สร้างอาชีพที่ใช่
เชื่อว่าหลายๆ คนอยากสร้างอาชีพจากสิ่งที่ชอบและถนัด และนำสิ่งที่เรียนมาต่อยอดเป็นอาชีพที่ใช่สำหรับตัวเอง แต่ปัญหาของแต่ละคนอยู่ ...



AI เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร
เมื่อเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยี และ ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องศึกษา เพื่อนำ AI หรือปัญ ...



อยากขายของออนไลน์เริ่มขายที่ไหนดี?
ขายของออนไลน์เป็นอาชีพที่เริ่มไม่ยากทำเป็นอาชีพเสริมได้ หลายคนประสบความสำเร็จจนสามารถลาออกจากงานประจำ เพราะเห็นข้อ ...



ตำหนิอย่างไรไม่ให้เสียความเชื่อมั่นในตนเอง
การตำหนิผู้อื่น การวิพากษ์ วิจารณ์ หาข้อตำหนิผู้อื่นเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป “คงไม่มีใครที่ ไม่เคยถูกตำหนิ และไม่มีใคร ไม่ตำหนิผู้อื่น” ...



Related Videos


TSQP Kick Off แนวคิดห้องเรียนแห่งความสุข


ปรับพฤติกรรมอย่างไร เมื่อลูกฉันกลายเป็นเด็กเกเร


แนวโน้มอาชีพเด็กไทยในอนาคต

