อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ ชินชากับความรุนแรงในสังคม

Starfish Academy
Starfish Academy 4244 views • 4 ปีที่แล้ว
อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ ชินชากับความรุนแรงในสังคม

ทุกวันนี้เรามักจะเห็นข่าวความรุนแรงจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ หรือภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น เด็ก ๆ ล้อเลียนกลั่นแกล้งด้วยการทำร้ายร่างกายกัน คุณครูไม่พอใจจนใช้ความรุนแรงกับเด็ก เป็นต้น แต่น่าแปลกที่สังคมเรา กลับให้ความสำคัญกับเรื่องความรุนแรงค่อนข้างน้อย รวมทั้งบางคนกลับมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ อาจเพราะสังคมหล่อหลอมให้เราเคยชินกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เช่น ภาพดาราตลกที่ใช้ถาดฟาดศีรษะอีกคน แล้วสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ สิ่งนี้เองค่อย ๆ หยั่งรากลึกให้เราชินชาไปกับความรุนแรง

บี.เอฟ.สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการกระทำ จะทำให้บุคคลหนึ่งแสดงพฤติกรรมเดิมเพิ่มมากขึ้น หรือลดน้อยลงได้ เช่น เมื่อเด็ก ๆ วางรองเท้าให้เป็นระเบียบ แล้วผลลัพธ์ คือ การชมเชย เขาก็จะแสดงพฤติกรรมเดิมมากขึ้น กล่าวคือ เก็บรองเท้าให้เป็นระเบียบอย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง โดยคำชมเชยนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

“การเสริมแรง” (Reinforcement) ซึ่งหมายถึง การสร้างแรงจูงใจให้ทำพฤติกรรมนั้นเพิ่มขึ้นอีก โดยการเสริมแรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcment) คือ การให้สิ่งที่บุคคลนั้นพึงพอใจ มีผลทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมถี่ขึ้น เช่น คำชมเชย หรือการให้รางวัล และการเสริมแรงทางลบ (Negative Reinforcement) มีวัตถุประสงค์เดียวกับตัวเสริมแรงทางบวก แต่ใช้วิธีการต่างกัน เช่น การบ่น คำตำหนิ หรือใช้เสียงดัง

ในที่นี้จะขอพูดถึงการเสริมแรงทางบวกมาอธิบายเรื่องความรุนแรงในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น การกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์ในเชิงบวก หรือตลกขบขัน ถ้าเกิดสิ่งเหล่านี้มาก ๆ คลิป หรือสื่อที่มีความรุนแรง จะยิ่งได้รับความนิยม และได้รับความสนใจมากขึ้น นับเป็นการเสริมแรงทางบวก ให้รู้สึกว่าสื่อ หรือคลิปที่มีความรุนแรงเป็นเรื่องที่ดี หรือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจสร้างผลกระทบให้กับเด็ก และลูกหลานเราโดยไม่รู้ตัว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีที่จะทำให้เด็กไม่ชินชากับความรุนแรงมาฝากพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านกัน

ขอบคุณภาพจาก tirachardz

1. พ่อแม่ไม่ควรเปิดคลิปความรุนแรงให้ลูกเห็น  แน่นอนว่าคุณพ่อ คุณแม่ควรระวังอย่างมากในการเล่นโซเชียลมีเดียระหว่างที่อยู่กับลูก ไม่ควรให้ลูกเห็นคลิปที่มีการกระทำรุนแรง หรือถ้าลูกเห็นแล้วควรจะบอกกับเขาว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ดี และไม่ควรเลียนแบบ เพราะอะไร จะทำให้ลูกเรียนรู้ไปเองว่าถ้าทำแบบนั้นเขาจะกลายเป็นเด็กที่ไม่ดี

2. เมื่อลูกทำผิดให้ตักเตือน มากกว่าการทำร้ายร่างกายด้วยการตบตี  สุภาษิตไทยสอนว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” แต่หารู้ไม่ว่าการตีอาจไม่เกิดประโยชน์เสมอไป ควรตักเตือนด้วยคำพูดที่ดีและมีเหตุผลจะดีกว่าการทำร้ายทางร่างกาย และวาจา เพราะถ้าลูกทำผิดแล้วถูกทุบตีบ่อย ๆ เข้า เขาก็จะมองพฤติกรรมนี้เป็นเรื่องปกติ อาจส่งผลให้โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ก้าวร้าว และแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรงได้ในอนาคต

3.สนใจรายการที่เด็กกำลังดูอยู่ ถ้าคุณพ่อ คุณแม่เห็นว่าลูกกำลังดูโทรทัศน์ที่อาจจะมีฉากใช้กำลัง ทำร้ายร่างกายกัน พ่อแม่ควรบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดี และบอกให้ลูกทราบว่าเราสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นได้ที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรง

4.ปฏิเสธเมื่อลูกขอดูรายการที่มีเนื้อหารุนแรง แน่นอนว่าธรรมชาติของเด็กเล็ก ๆ ยิ่งห้ามก็เหมือนจะยิ่งยุ เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ควรรับมือด้วยการชวนลูกมานั่งคุยกันว่า รายการนี้ละครเรื่องนี้ ไม่ดีอย่างไร หรือปฏิเสธลูกด้วยคำพูดที่ดี และมีเหตุผลรองรับว่าทำไมถึงไม่ควรดู ถ้าดูแล้วจะทำให้เขาเติบโตไปเป็นคนแบบไหน ความรุนแรงส่งผลต่อสังคมเราอย่างไร การพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผล บอกเล่าถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งต่อตัวเอง และสังคม จะช่วยให้ลูกเข้าใจและรับฟังมากขึ้นกว่าการแค่บอกว่าดูรายการนี้แล้วไม่ดีอย่างไรเพียงอย่างเดียว

ขอบคุณภาพจาก tirachardz

5.จำกัดเวลาใช้โซเชียลมีเดีย เนื่องจากทุกวันนี้ถ้าเลื่อนเฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ดูจะเห็นว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ควรจำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดียของลูกโดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ให้เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นโซเชียลมีเดียทั้งวัน แต่ควรหากิจกรรมอื่น ๆ มาทำกับลูกบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เล่นของเล่น ทำอาหาร เพื่อที่ลูกจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับโลกออนไลน์มากจนเกินไป

6.พ่อแม่ไม่ควรทะเลาะกัน หรือใช้ความรุนแรงให้ลูกเห็น พ่อแม่คือตัวอย่างของลูก ดังนั้นเมื่อคุณไม่อยากให้ลูกชินชากับความรุนแรง หรือใช้ความรุนแรงกับคนอื่น ผู้ปกครองก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกด้วยการไม่ใช่คำพูดรุนแรงเวลาทะเลาะกัน หรือทำร้ายร่างกายกันให้ลูกเห็น เพราะถ้าลูกเห็นบ่อย ๆ เขาจะคิดว่าทีพ่อแม่ยังทำได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้ จะกลายเป็นความชินชาจนลูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ อาจทำให้เขาไปใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นได้นั่นเอง

7.สอนลูกให้รู้จักความรุนแรงหลายรูปแบบ ความรุนแรงไม่ได้มีแค่การทำร้ายร่างกายเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่จึงควรสอนให้ลูกรู้จักกับความรุนแรงรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ความรุนแรงด้านวาจา อย่างการด่าทอด้วยคำหยาบคาย คำดูถูกเหยียดหยาม การข่มขู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย และเจ็บช้ำน้ำใจได้ หรือความรุนแรงทางเพศ เช่น การข่มขืน การทำอนาจาร เป็นต้น เมื่อรู้แล้วว่ามีความรุนแรงรูปแบบไหนบ้าง เด็ก ๆ จะได้ไม่กดไลค์ กดแชร์โพสต์เหล่านั้นนั่นเอง 

พ่อแม่ควรใส่ใจการดูโทรทัศน์ หรือเล่นโซเชียลมีเดียของลูกอยู่เสมอ หากเห็นว่าเขาดูอะไรที่ไม่เหมาะสมควรจะชี้แจงว่าไม่ดีอย่างไร และที่สำคัญเลยคือพ่อแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกด้วย เพื่อที่เขาโตไปจะได้เป็นเด็กที่ไม่ชินชาต่อความรุนแรง เมตตาผู้อื่นอยู่เสมอ และคิดเสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/child/06182014-1805

https://mgronline.com/https://www.hoboctn.ru/2016/08/11/b-f-skinner/qol/detail/9600000010407

https://www.thaichildrights.org/articles/violence01/

https://ams.kku.ac.th/aalearn/resource/edoc/tech/3learntheory.pdf

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

Related Courses

การเลี้ยงลูกที่มีความต้องการพิเศษ
การรู้จักตนเอง การบริหารจัดการตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้

Starfish Academy
Starfish Academy
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
Starfish Academy

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

Starfish Academy
1394 ผู้เรียน
พัฒนาการเด็ก
การรู้จักตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย

บทเรียนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ความสำคัญของพัฒนาการ สมรรถนะตามวัย กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ เน้นการทำกิจกรร ...

Starfish Academy
Starfish Academy
พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย
Starfish Academy

พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย

Starfish Academy
13213 ผู้เรียน
การเลี้ยงลูกที่มีความต้องการพิเศษ
ด้านความสัมพันธ์ การรู้จักตนเอง การบริหารจัดการตนเอง การรู้จักสังคม
basic
2:00 ชั่วโมง

ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก

ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...

Starfish Academy
Starfish Academy
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
Starfish Academy

ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก

Starfish Academy
3082 ผู้เรียน
เครื่องมือผู้ปกครอง
ด้านความสัมพันธ์
basic
2:00 ชั่วโมง

เลี้ยงลูกอย่างไรในยุค Thailand 4.0

บทเรียนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ว่าThailand 4.0คืออะไร แนวคิดในการเลี้ยงลูกยุค4.0 เทคนิคการเลี้ยงลูกยุค 4.0 รวมถึงการเรี ...

Starfish Academy
Starfish Academy
เลี้ยงลูกอย่างไรในยุค Thailand 4.0
Starfish Academy

เลี้ยงลูกอย่างไรในยุค Thailand 4.0

Starfish Academy
1698 ผู้เรียน

Related Videos

โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)
04:30
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)

สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
48 views • 3 ปีที่แล้ว
โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)
สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
08:32
Starfish Academy

สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง

Starfish Academy
365 views • 2 ปีที่แล้ว
สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก
41:00
Starfish Academy

Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก

Starfish Academy
175 views • 2 ปีที่แล้ว
Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก
ตอนที่ 2 ก้าวแรก   เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ
16:40
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

ตอนที่ 2 ก้าวแรก เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ

สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
605 views • 4 ปีที่แล้ว
ตอนที่ 2 ก้าวแรก เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ