เมื่อลูกไม่สบความสำเร็จเรื่องการเรียน พ่อแม่จะรับมืออย่างไร

พ่อแม่ทุกคนก็หวังเล็กๆ ว่าลูกของเรานั้นจะต้องเป็นเด็กที่สมบูรณ์และเพรียบพร้อมในทุกๆ สิ่ง ทั้งสุขภาพร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงการเรียน ซึ่งถ้าพูดถึงการเรียนเชื่อเลยว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็หวังมากๆ ที่จะให้เขากลายเป็นเด็กที่เรียนเก่ง และประสบความสำเร็จด้านการเรียนกว่าใครๆ

เพราะด้วยความเชื่อที่ว่า “เด็กที่เรียนเก่ง” มักจะประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน แถมยังเป็นหน้าเป็นตาให้กับพ่อแม่อย่างเราๆ อีกด้วย

แต่จริงๆ แล้วการที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นเด็กที่เรียนเก่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะใครก็อยากให้ลูกเรียนเก่งกันทั้งนั้น แต่การที่ลูกเรียนไม่เก่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน เพราะเด็กเรียนเก่งบางเรื่องเขาอาจจะไม่เก่งในด้านอื่นๆ ก็ได้ และก็ไม่ใช่ว่าเด็กเก่งจะประสบความสำเร็จเสมอไปเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่นอกเหนือจากสติปัญญาของเด็ก เช่น ปัญหาทางด้านร่างกาย ปัญหาทางด้านอารมณ์ แรงจูงใจต่างๆ การขาดสมาธิหรือสมาธิสั้น สภาพแวดล้อม เป็นต้น

การเลี้ยงลูกให้เป็นคนเก่งนั้นจริงๆ อาจจะไม่ใช่เก่งด้านการเรียนอย่างเดียวนะคะ คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเริ่มต้นจากการเลี้ยงลูกโดยให้เขาชอบในสิ่งนั้นก่อน ให้เขาได้ลองมีโอกาสสัมผัสและสนุกกับสิ่นที่เรียน ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเรียน ให้เขาลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ก็จะทำให้เด็กๆ เห็นความสามารถในการเรียนรู้และการแก้ปัญหาของเขาได้ ลองเลี้ยงลูกแบบเน้นความสนุกในการเรียนรู้ ไม่เน้นผลลัพธ์ที่เป็นคะแนน

และในยุคนี้เรียกได้ว่าเด็กเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเด็กสมัยนี้ก็ต้องเอาตัวรอดให้เป็นด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นผู้เขียนเลยอยากจะมาแนะนำวิธีส่งเสริมให้ลูกเรียนได้อย่างรอบด้านและมีความสุขสำหรับเด็กๆ กัน ไปดูกันเลย

1. พ่อแม่ต้องส่งเสริมให้ลูกเก่งในแบบของตัวเอง

เด็กสมัยหรือพ่อแม่บางคนอาจจะคิดว่าการที่ได้คะแนนเยอะ และสูงสุดในห้องคือเด็กที่เก่ง แต่จริงๆ แล้วสำหรับยุคนี้เด็กที่เก่งที่เรียนได้ที่หนึ่งของห้องก็จริง แต่พอออกนอกห้องเรียนกลับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นชอบอะไร หรือถนัดอะไร เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เด็กๆ ลองค้นหาตัวเอง ลองผิดลองถูก และลองแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อส่งเสริมลูกไ้ด้อย่างตรงจุด ก็จะทำให้เขากลายเป็นเด็กที่เก่งในแบบของเขาได้นั้นเอง

2. พ่อแม่ต้องส่งเสริมให้ลูกลองใช้ชีวิตนอกห้องเรียนให้ได้

อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ตามโรงเรียนต่างๆ เริ่มที่จะให้เด็กๆ ได้ลองใช้ชีวิตนอกห้องเรียนมากขึ้น พาไปศึกษานอกห้องเรียน ลองทำลองปฏิบัติกันจริงๆ นอกห้องเรียน เพื่อปรับตัวในโลกกว้างได้จริงๆ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ยุคใหม่ต้องพาเด็กๆ ออกไปโลกกว้างข้างนอกบ้าง เพื่อให้เขาได้สัมผัสและเห็นของจริง จะทำให้เขาเรียนรู้ได้มากกว่าการอยู่ในห้องเรียนหรือในตำราอย่างเดียว และจะกลายเป็นเด็กที่รอบรู้กว่าใครๆ เลยล่ะค่ะ เพราะการเรียนรู้นอกห้องเรียนมีมิติกว่าการเรียนในห้องสี่เหลี่ยมเป็นไหนๆ

3. พ่อแม่ต้องส่งเสริมให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี

เรื่องสภาพแวดล้อมสำหรับเด็กถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ คุณพ่อคุณแม่ลองคิดดูนะคะ หากเราส่งลูกไปเรียนหนังสือซึ่งเราไม่เคยรู้หรอกว่าเขาไปโรงเรียนเขาจะเจอสังคมและสภาพแวดล้อมแบบไหน ถึงแม้ลูกจะเป็นเด็กที่ใฝ่รู้ แต่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คนไม่ได้ใส่ใจที่จะเรียนรู้ หรือเล่นอย่างสร้างสรรค์ ก็จะสามารถดึงความสนใจของลูกเราให้ไขว้เขวได้ง่ายเหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องสรรหาสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูก เพื่อสร้างสังคมที่ดีและมีความสุขให้กับเด็กๆ นั้นเองค่ะ

4. พ่อแม่ต้องส่งเสริมให้ลูกประสบความสำเร็จในแบบที่เขาต้องการ

พ่อแม่บางคนมีลูกเรียนเก่ง แต่ความฝันของพ่อแม่กับลูกไม่ตรงกัน พ่อแม่วาดฝันอยากให้ลูกเป็นแบบที่เราอยากให้เป็น จนบางครั้งไม่เคยถามลูกด้วยซ้ำว่าความฝันของลูกคืออะไรกันน่ จนสุดท้ายก็ต้องผิดหวังทั้งคู่ เพียงเพราะเราไม่ได้ส่งเสริมเขาในสิ่งที่เขาถนัด ในสิ่งที่เขาเป็น เพราะฉะนั้นพ่อแม่อย่างเราๆ ก็ควรที่จะไม่ละเลยความฝันของลูกนะคะ คอยถามลูกว่าเขาชอบอะไร อยากเป็นอะไร หรือสังเกตสิ่งที่ลูกถนัดและทำได้ดี และส่งเสริมเขาในสิ่งที่ชอบและเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือกก็จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จและเป็นเด็กเก่งในแบบของเขาได้นั้นเองค่ะ

5. พ่อแม่ต้องส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีกับลูกตั้งแต่ลูกยังเล็ก

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญมากเลยเรื่องหนึ่งนะคะ เพราะก็มีงานวิจัยหนึ่งที่ได้ไปสำรวจเด็กจำหนึ่งว่า เด็กที่ได้รับความเอาใจใส่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ในช่วงอายุ 3 เดือนแรกที่ได้ลืมตาดูโลกจะมีความสามารถในการเรียนได้ดีกว่าเด็กที่ไม่มีสัมพันธภาพกับพ่อแม่หรือใกล้ชิดกับพ่อแม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเอาใจใส่นั้นเองค่ะ ยิ่งเรามีเวลาให้ลูกคอยสอนคอยดูการเติบโตของลูกเชื่อเลยว่า ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องการเรียนหรืออะไรก็ตามจะดีไปด้วยอย่างแน่นอนค่ะ

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่คิดว่าทำไมลูกฉันไม่เก่งเหมือนลูกคนอื่นเลย สอบก็คะแนนน้อย เรียนก็ไม่เก่งสักอย่าง จริงๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเปลี่ยน Passion ในการเลี้ยงลูกนะคะ เพราะการเรียนเก่งสมัยนี้ไม่ใช่แค่เรียนให้ได้ที่ 1 ในห้อง หรือสอบคณะดีๆ ได้สักคณะ แต่เป็นการที่ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจและชอบได้ดี เพราะพ่อแม่ส่งเสริมได้ถูกจุดมากกว่า เก่งในห้องอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะคะ ต้องเก่งการเอาตัวรอดในสังคมด้วย สิ่งสำคัญเลยก็คือครอบครัวนั้นแหละค่ะ หากเด็กๆ ที่มีพ่อแม่เอาใจใส่ และคอยหมั่นสังเกตลูกและให้เขาได้ลองผิดลองถูก จะทำให้เขากลายเป็นเด็กเก่งในแบบที่เขาเป็นได้โดยที่เราไม่ต้องบังคับเลยค่ะ แถมลูกก็มีความสุขที่จะได้ทำในสิ่งนั้นอีกด้วย