10 เทคนิคการให้คะแนนอย่างมีประสิทธิภาพที่ครูต้องรู้
ด้วยบริบทของการศึกษาไทยที่ห้องเรียนส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยนักเรียนไม่น้อยกว่า 30 คน ต่อคุณครู 1 คน (ไม่นับบริบทโรงเรียนขนาดเล็ก) ทำให้คุณครูต้องใช้เวลาอย่างมากในการให้คะแนนในช่วงสอบกลางภาคหรือปลายภาค ซึ่งการให้คะแนนของนักเรียนนั้นมีความสำคัญต่อการศึกษาต่อและการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นอย่างมาก ดังนั้น การรู้วิธีการให้คะแนนอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณครูประหยัดเวลามากขึ้น ด้วย 10 เทคนิคต่อไปนี้
1.หลีกเลี่ยงการให้คะแนนทุกอย่าง : เรื่องนี้อาจทำให้คุณครูบรรจุใหม่ตกใจ แต่การให้คะแนนงานทุกชิ้นบนโต๊ะ อาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานของคุณครูได้แทนที่จะใช้เวลาไปกับการวางแผนการสอนในครั้งต่อไปนี้ ดังนั้น แทนที่จะให้คะแนนกับทุกชิ้นงานของนักเรียน คุณครูลองเปลี่ยนเป็นการประเมินรายครั้ง โดยอาศัยการสังเกตการมีส่วนร่วมของนักเรียนแทน เช่น นักเรียนเข้ามาร่วมกิจกรรมอภิปรายในชั้นเรียน นักเรียนส่งบันทึกการเรียนรู้ในแต่ละวัน เปลี่ยนจากการให้คะแนนรายข้อ เป็นการให้คะแนนการมีส่วนร่วมของนักเรียนแทน เพื่อประหยัดเวลา
2.ใช้เทคนิคการให้คะแนนที่แตกต่างกัน : ระบบการให้คะแนนที่เราพบมากคือให้การระบบเกรดเฉลี่ย (GPA) ร่วมกับเกรดที่เป็น 1-4 หรือ A-D เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีเทคนิคการให้คะแนนที่มากมายให้คุณครูได้เลือกใช้เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงวัย และความสามารถหรือความต้องการพิเศษของนักเรียนให้คุณครูได้พิจารณาเลือกใช้ ดังนี้ 1. การให้คะแนนตามมาตรฐาน เป็นการให้คะแนนตามมาตรฐานโดยแบ่งเป็นเป้าหมายการเรียนรู้ ที่ลึกกว่าการให้คะแนนเพียงอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับว่านักเรียนสามารถแสดงความสามารถได้ดีเพียงใด เช่น การนำเสนอหน้าชั้นเรียน ครูจะประเมินทักษะของนักเรียน ณ ตอนนั้น โดยอาจแบ่งเกณฑ์ได้ว่า ต่ำกว่ามาตรฐาน/ ตามมาตรฐาน/เกินมาตรฐาน เป็นต้น 2. ระบบ ผ่าน-ไม่ผ่าน ซึ่งระบบนี้อาจจะเหมาะสมกับวิชาที่ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถเฉพาะเจาะจง เช่น ดนตรี หรือ กีฬาเป็นต้น แต่อาจจะไม่เหมาะกับบางสาระวิชา
*หมายเหตุ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีระบบการให้คะแนนที่เหมาะสมที่สุด คุณครูสามารถเลือกใช้ระบบการใช้คะแนนให้เหมาะสมกับบริบทห้องเรียนของตนเอง
- สร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Rubric) : การสร้างรูบิคให้คะแนน หรือมาตราส่วนการให้คะแนนมีประโยชน์สำหรับนักเรียนและครูเป็นอย่างมาก ช่วยให้ครูหลีกเลี่ยงความคิดเห็นซ้ำๆ และสามารถนำกลับมาใช้สำหรับวิชาอื่นๆ ได้ ช่วยประหยัดเวลาในการให้คะแนน อีกทั้งรูบิคยังช่วยให้นักเรียนทราบความคาดหวังของแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจน ลดความสับสนของนักเรียน และช่วยให้ครูชัดเจนในตัวเองว่าต้องการเห็นผลลัพธ์ของนักเรียนเป็นอย่างไร
- ดึงนักเรียนมีส่วนร่วมในการให้คะแนน : อย่าลืมว่านักเรียนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการให้คะแนนได้เช่นกัน แทนที่คุณครูจะใช้เวลาในการทำเอกสารด้วยตัวเอง คุณครูสามารถให้นักเรียนช่วยให้คะแนนเพื่อนได้ เช่น การสลับให้นักเรียนช่วยกันตรวจการบ้านของเพื่อน ข้อดีของการให้คะแนนแบบนี้ ช่วยให้นักเรียนปรับความเข้าใจเรื่องเนื้อหา และเพิ่มทักษะการคิดวิพากษ์ได้ด้วย
- หลีกเลี่ยงการให้การบ้านในเชิงปริมาณ แต่เน้นที่คุณภาพมากกว่า : คุณครูอาจคิดว่าการให้การบ้านเยอะๆ นั่นหมายถึงนักเรียนจะได้เรียนรู้เยอะๆ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น การให้การบ้านเยอะอาจส่งผลตรงกันข้าม นักเรียนอาจจะต่อต้านการเรียนรู้ ดังนั้นขอให้ครูประเมินคุณค่า หรือหัวใจสำคัญของกิจกรรมนั้นๆ ว่าภาระงานแบบไหนที่ควรมอบหมายให้นักเรียนทำแล้วเกิดประโยชน์กับนักเรียนจริงๆ เช่น ลดงานแบบฝึกหัดยิบย่อย แต่มอบหมายงานเป็นโครงการ เพื่อให้นักเรียนแบ่งสรรปันส่วนกับเพื่อนๆ เอง
- ลดสิ่งรบกวนในช่วงเวลาที่ให้คะแนน : คุณครูอาจจะเสียสมาธิได้ง่ายหากเปิดการแจ้งเตือนต่างๆเพราะเมื่อเวลาคุณครูให้คะแนน สิ่งสำคัญคือการหาสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ที่จะช่วยให้คุณครูมีสมาธิและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำได้คือ ปิดการแจ้งเตือนในมือถือ ปิดการแจ้งเตือนในคอมพิวเตอร์ หรือนำมือถือไว้ห่างจากตัว เป็นต้น
- กำหนดเวลาให้คะแนนอย่างชัดเจน : ระบุช่วงเวลาที่คุณครูจะทำคะแนนของนักเรียนให้เสร็จอย่างชัดเจน
- ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย : ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่จะช่วยให้คุณครูสามารถทำคะแนน หรือประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น Google forms / Google sheet / Zipgrade / Kahoot เป็นต้น
- สร้างระบบการฟีดแบ็ก : นอกเหนือจากการให้คะแนนแล้ว คุณครูอาจจะสร้างระบบการให้ฟีดแบ็กกับนักเรียนอย่างเป็นระบบ เพราะการมีระบบฟีดแบ็กจะช่วยให้ครูและนักเรียนเกิดการพัฒนาร่วมกัน เช่น การสร้างระบบฟีดแบ็กแบบวนรอบ โดยใน 1 สัปดาห์ คุณครูให้นักเรียนเขียนฟีดแบ็ก แล้วนำมาประกอบกับการคะแนนได้
- หาเวลาพักผ่อน : หลังจากการทำคะแนนให้นักเรียนมาหลายชั่วโมง คุณครูควรหาเวลาในการพักผ่อนบ้าง จากศึกษาพบว่าการหยุดทำงานเพียงเล็กน้อย จะช่วยให้คุณครูสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น เพราะการทำงานโดยไม่หยุดพักเป็นเวลานาน นำไปสู่การเครียด และเหนื่อยล้า จนคุณครูอาจหมดไฟได้ ดังนั้น ลองหาเวลาพัก ลุกขึ้นเดิน หรือเคลื่อนไหวทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เป็นต้น
ทั้ง 10 ข้อนี้ เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้คุณครูสามารถให้คะแนนนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นทั้งเทคนิคในเชิงวิชาการและเชิงการดูแลสุขภาพองค์รวมของคุณครู ซึ่งคุณครูสามารถนำไปปรับใช้ตามบริบทห้องเรียนของตัวเองได้ค่ะ
อ้างอิง
10 Grading Tips for Teachers https://shorturl.at/xEP38
Related Courses
เตรียมพร้อมก่อนทำคลิปประเมินวิทยฐานะ EP.1 วิธีการสอน
หลักสำคัญ ในการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 ข้อ ซึ่งจะใช้ในการประเมินคลิปการสอนของครู เป็นแนวทางใหม่ของการประเมินวิทยฐานะของครู
เตรียมพร้อมก่อนทำคลิปประเมินวิทยฐานะ EP.1 วิธีการสอน
การประเมินเพื่อขอ เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู”
เรียนรู้ ทำความเข้าใจภาพรวมของการประเมินเพื่อขอมี / เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู” (วPA)
การประเมินเพื่อขอ เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู”
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ