ก.ค.ศ.ไฟเขียว ปรับปฏิทินย้ายครู มีผล 1 เม.ย.เปิดช่องร.ร.หาครูทดแทนก่อนเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 1/2567 มี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณา เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการที่มีประสบการณ์ ทักษะ และสมรรถนะ สำหรับตำแหน่งในสายงานที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว มีรายละเอียด ดังนี้ 1.เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ประเภท วิชาการ ระดับชำนาญการ ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ และตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ที่ผ่านการประเมินบุคคล และผลงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ กำหนดและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ 2.ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง เมื่อผ่านการประเมินและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ระดับชำนาญการแล้ว ตามข้อ 1 และ 3.ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ และตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ก่อนวันที่หลักเกณฑ์นี้ประกาศใช้ ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ ตั้งแต่วันที่หลักเกณฑ์และวิธีการนี้ประกาศใช้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้ เห็นชอบ (ร่าง) การจัดกลุ่มตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) รวมทั้งสอดคล้องกับบริบทของกฎหมายและหลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงลักษณะงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องและประโยชน์ที่ทางราชการได้รับเป็นสำคัญ และเพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาของผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53 โดยความเห็นชอบของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ในการย้าย ย้ายสับเปลี่ยน โอน หรือการบรรจุกลับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ในกลุ่มตำแหน่งเดียวกันโดยไม่ต้องมีการประเมินบุคคลและผลงาน และการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในตำแหน่งประเภทวิชาการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ที่ ก.ค.ศ. กำหนด
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ก.ค.ศ.ยังเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด ศธ.เพื่อรองรับการดำเนินการย้ายผ่านระบบย้ายข้าราชการครู (Teacher Rotation System : TRS) ซึ่งเป็นระบบการย้ายผู้ดำรงตำแหน่งครูให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสถานศึกษา สังกัดส่วนราชการเดิม โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งผ่าน จัดการและประมวลผลข้อมูล เพื่อใช้ในการพิจารณาย้าย ผู้ดำรงตำแหน่งครู สังกัด ศธ. ทั้งนี้ การย้ายทุกกรณีต้องยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบ TRS เท่านั้น โดยสถานศึกษาที่รับย้ายต้องมีอัตรากำลังสายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงื่อนไขในการใช้ตำแหน่ง สำหรับกรณีการย้ายผู้ดำรงตำแหน่งครู แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
กรณีที่ 1 การย้ายกรณีปกติ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เพื่อกลับภูมิลำเนา หรือเพื่อดูแล บิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือ เพื่ออยู่รวมกับคู่สมรส หรือ การย้ายสับเปลี่ยน หรือ การย้ายด้วยเหตุผลอื่น
กรณีที่ 2 การย้ายกรณีพิเศษ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือถูกคุกคามต่อชีวิต หรือเพื่อดูแลบิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู คู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรง หรือทุพพลภาพ หรือเพื่อติดตามคู่สมรส
กรณีที่ 3 การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ คือ การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือ การย้ายเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือการย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับปฏิทินการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเดิมที่ให้การอนุมัติการย้ายมีผลวันที่ 1 พฤษภาคม มาเป็นมีผลวันที่ 1 เมษายน เพื่อแก้ปัญหากรณีบางโรงเรียนเมื่อครูย้ายแล้วไม่สามารถบรรจุครูใหม่มาทดแทนได้ทัน จึงได้ปรับเป็นวันที่ 1 เมษายน เพื่อให้มีอัตราว่างและโรงเรียนสามารถหาครูมาบรรจุทดแทนได้ทันเปิดเทอมวันที่ 16 พฤษภาคม พร้อมสำหรับการเรียนการสอน แต่ก็ให้เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจบรรจุแต่งตั้งในการชะลอการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานศึกษาใหม่ หากครูมีภาระงานอยู่ก็ให้ดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ เห็นชอบการกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 16/2557 และ ว 17/2557 สำหรับสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) เพื่อให้ สศศ. สามารถคัดเลือกผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลนักเรียนที่มีคุณลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการจำเป็นพิเศษของสถานศึกษาและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการที่จะได้ผู้ที่มีความสามารถ มีศักยภาพ และประสบการณ์ในการสอน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทั้งในด้านวิชาการและทักษะการดำรงชีวิต และคุณภาพการศึกษา จึงกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ ว่า “ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลามหรือวิทยากรอิสลามศึกษาตามประกาศ แนวการดำเนินงานและการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในสถานศึกษาตามที่ส่วนราชการกำหนด พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างชั่วคราว จากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ของสถานศึกษา และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานตามคุณลักษณะงานของผู้สอนตามรูปแบบการให้การศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยมีภาระงานการสอนตามที่ส่วนราชการกำหนด ตามคำสั่งหรือสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันรับสมัครคัดเลือกวันสุดท้าย”
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.)ใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน.(เดิม) ไปก่อน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2566 เข้ารับราชการเป็นครูผู้ช่วย จำนวน 5 อัตรา เพื่อให้การบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกฯ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการ และไม่เป็นการกระทบสิทธิประโยชน์ ความก้าวหน้า ที่พึงจะได้รับจากการบรรจุและแต่งตั้งฯ ของผู้ผ่านการคัดเลือกตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ประจำปีการศึกษา 2566 รวมถึงเพื่อให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้สามารถมีครูเพื่อปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ภูมิลำเนา ของผู้สำเร็จการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราดังกล่าว รวมอยู่ในจำนวน 4,598 อัตรา ตามมติ ก.ค.ศ. ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่อนุมัติให้ สกร.ใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตำแหน่งครู ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ตามที่ ก.ค.ศ. อนุมัติให้สำนักงาน กศน. (เดิม) ไปพลางก่อน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินวิทยฐานะ และประโยชน์ตอบแทนอื่นไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับอยู่เดิมจนกว่าจะมีประกาศกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ
อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม :
https://www.matichon.co.th/education/news_4393352
http://www.focusnews.in.th/27273
ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด
“วัยรุ่นเจนใหม่ คิดเจ๋ง ไอเดียเปลี่ยนโลก!” ส่งนวัตกรรมสู้วิกฤต (SDG) เปลี่ยนอนาคต!
21.01.25
โรงเรียนปลาดาวต้อนรับคณะสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาการศึกษา
20.12.24
Starfish Education เข้าร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมเพื่อเก็บข้อมูลตามมิติพลังอำนาจของชาติ ด้านสังคมจิตวิทยา การขับเคลื่อนนโยบายด้านการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
16.12.24
ศธ. เข้ม! ผิดวินัยร้ายแรง โดนโทษจริงจัง! พอใจ TRS ทะลุ 1.5 หมื่น เดินหน้าพัฒนา PISA พร้อมสั่งโรงเรียนพิจารณาปิด-เปิด ช่วง PM 2.5
27.01.25