ก.ค.ศ.ไฟเขียว ปรับปฏิทินย้ายครู มีผล 1 เม.ย.เปิดช่องร.ร.หาครูทดแทนก่อนเปิดเทอม

10 เดือนที่แล้ว
274 views
โดย Starfish Labz
ก.ค.ศ.ไฟเขียว ปรับปฏิทินย้ายครู มีผล 1 เม.ย.เปิดช่องร.ร.หาครูทดแทนก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 1/2567 มี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณา เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการที่มีประสบการณ์ ทักษะ และสมรรถนะ สำหรับตำแหน่งในสายงานที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว มีรายละเอียด ดังนี้ 1.เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ประเภท วิชาการ ระดับชำนาญการ ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ และตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ที่ผ่านการประเมินบุคคล และผลงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ กำหนดและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ 2.ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง เมื่อผ่านการประเมินและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ระดับชำนาญการแล้ว ตามข้อ 1 และ 3.ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ และตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ก่อนวันที่หลักเกณฑ์นี้ประกาศใช้ ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ ตั้งแต่วันที่หลักเกณฑ์และวิธีการนี้ประกาศใช้

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้ เห็นชอบ (ร่าง) การจัดกลุ่มตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) รวมทั้งสอดคล้องกับบริบทของกฎหมายและหลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงลักษณะงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องและประโยชน์ที่ทางราชการได้รับเป็นสำคัญ และเพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาของผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53 โดยความเห็นชอบของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ในการย้าย ย้ายสับเปลี่ยน โอน หรือการบรรจุกลับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ในกลุ่มตำแหน่งเดียวกันโดยไม่ต้องมีการประเมินบุคคลและผลงาน และการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในตำแหน่งประเภทวิชาการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ที่ ก.ค.ศ. กำหนด

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ก.ค.ศ.ยังเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด ศธ.เพื่อรองรับการดำเนินการย้ายผ่านระบบย้ายข้าราชการครู (Teacher Rotation System : TRS) ซึ่งเป็นระบบการย้ายผู้ดำรงตำแหน่งครูให้ดำรงตำแหน่งเดิมในสถานศึกษา สังกัดส่วนราชการเดิม โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งผ่าน จัดการและประมวลผลข้อมูล เพื่อใช้ในการพิจารณาย้าย ผู้ดำรงตำแหน่งครู สังกัด ศธ. ทั้งนี้ การย้ายทุกกรณีต้องยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบ TRS เท่านั้น โดยสถานศึกษาที่รับย้ายต้องมีอัตรากำลังสายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงื่อนไขในการใช้ตำแหน่ง สำหรับกรณีการย้ายผู้ดำรงตำแหน่งครู แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่

กรณีที่ 1 การย้ายกรณีปกติ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เพื่อกลับภูมิลำเนา หรือเพื่อดูแล บิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือ เพื่ออยู่รวมกับคู่สมรส หรือ การย้ายสับเปลี่ยน หรือ การย้ายด้วยเหตุผลอื่น

กรณีที่ 2 การย้ายกรณีพิเศษ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือถูกคุกคามต่อชีวิต หรือเพื่อดูแลบิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู คู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรง หรือทุพพลภาพ หรือเพื่อติดตามคู่สมรส

กรณีที่ 3 การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ คือ การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือ การย้ายเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือการย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับปฏิทินการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเดิมที่ให้การอนุมัติการย้ายมีผลวันที่ 1 พฤษภาคม มาเป็นมีผลวันที่ 1 เมษายน เพื่อแก้ปัญหากรณีบางโรงเรียนเมื่อครูย้ายแล้วไม่สามารถบรรจุครูใหม่มาทดแทนได้ทัน จึงได้ปรับเป็นวันที่ 1 เมษายน เพื่อให้มีอัตราว่างและโรงเรียนสามารถหาครูมาบรรจุทดแทนได้ทันเปิดเทอมวันที่ 16 พฤษภาคม พร้อมสำหรับการเรียนการสอน แต่ก็ให้เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจบรรจุแต่งตั้งในการชะลอการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานศึกษาใหม่ หากครูมีภาระงานอยู่ก็ให้ดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ เห็นชอบการกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 16/2557 และ ว 17/2557 สำหรับสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) เพื่อให้ สศศ. สามารถคัดเลือกผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลนักเรียนที่มีคุณลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการจำเป็นพิเศษของสถานศึกษาและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการที่จะได้ผู้ที่มีความสามารถ มีศักยภาพ และประสบการณ์ในการสอน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทั้งในด้านวิชาการและทักษะการดำรงชีวิต และคุณภาพการศึกษา จึงกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ ว่า “ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งพนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ครูสอนศาสนาอิสลามหรือวิทยากรอิสลามศึกษาตามประกาศ แนวการดำเนินงานและการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในสถานศึกษาตามที่ส่วนราชการกำหนด พนักงานจ้างเหมาบริการ ครูอัตราจ้างหรือลูกจ้างชั่วคราว จากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ของสถานศึกษา และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานตามคุณลักษณะงานของผู้สอนตามรูปแบบการให้การศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยมีภาระงานการสอนตามที่ส่วนราชการกำหนด ตามคำสั่งหรือสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันรับสมัครคัดเลือกวันสุดท้าย”

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.)ใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน.(เดิม) ไปก่อน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2566 เข้ารับราชการเป็นครูผู้ช่วย จำนวน 5 อัตรา เพื่อให้การบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกฯ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการ และไม่เป็นการกระทบสิทธิประโยชน์ ความก้าวหน้า ที่พึงจะได้รับจากการบรรจุและแต่งตั้งฯ ของผู้ผ่านการคัดเลือกตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ประจำปีการศึกษา 2566 รวมถึงเพื่อให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้สามารถมีครูเพื่อปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ภูมิลำเนา ของผู้สำเร็จการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราดังกล่าว รวมอยู่ในจำนวน 4,598 อัตรา ตามมติ ก.ค.ศ. ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่อนุมัติให้ สกร.ใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตำแหน่งครู ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ตามที่ ก.ค.ศ. อนุมัติให้สำนักงาน กศน. (เดิม) ไปพลางก่อน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินวิทยฐานะ และประโยชน์ตอบแทนอื่นไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับอยู่เดิมจนกว่าจะมีประกาศกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ

อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม : 

https://www.matichon.co.th/education/news_4393352

http://www.focusnews.in.th/27273



Share:
|

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด

พัฒนาทักษะอนาคตเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ให้กับนักเรียน กับกิจกรรม School Tour Future Youth Thailand @กาญจนบุรี

22.11.24

สพฐ. ร่วมกับ Starfish Education เปิดตัว การเรียนรู้แห่งอนาคต สร้างทักษะอนาคตเยาวชน Future Youth Thailand Building future skills Anywhere, Anytime

12.12.24

คุรุสภา ไฟเขียว ร่างประกาศยกเว้นใบอนุญาตครูชั่วคราว ขับเคลื่อนมาตรฐานการผลิตครู

02.11.24

มูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น เข้าพบท่านองคมนตรี รายงานผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ และรางวัล World best school ของโรงเรียนปลาดาว

07.12.24

รมว.ศธ. “เพิ่มพูน” เน้นย้ำ ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือ มุ่งเป้าเด็กไทยทุกคนต้องได้รับการศึกษาภาคบังคับทั่วถึงเท่าเทียม

08.11.24

Starfish Education เข้าร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมเพื่อเก็บข้อมูลตามมิติพลังอำนาจของชาติ ด้านสังคมจิตวิทยา การขับเคลื่อนนโยบายด้านการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

16.12.24