13 บทเรียน เมื่อลูกอายุ 13 ปี ตอนที่ 1

#บันทึกแม่แพร

13 บทเรียน เมื่อลูกอายุ 13 ปี ? ? ❤

เมื่อ ด.ช.ใจเด่น หรือ เจเด้น อายุครบ 13 ปีเต็ม และเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว ลองมอง ย้อนกลับไปตั้งแต่ที่เราเริ่มเป็นแม่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมากในบทบาทที่เป็น มากกว่านักการศึกษา การเลี้ยงลูกมี

หลากหลายวิธี คุณพ่อคุณแม่ทุกคนสามารถหาจุด ลงตัว ของลูกและครอบครัวตัวเองได้ค่ะ

1. เตรียมตัวดียังไงก็มีปัญหาได้

แพรเป็นคนตั้งใจวางแผนชีวิตมาก แต่งงานตั้งแต่เรียนจบป.ตรีใหม่ๆ แล้วไปเรียนต่อที่ อังกฤษ พอเรียนจบกลับมาเมืองไทย ก็เตรียมมีลูกทันที เตรียมตัวเป็นคุณแม่ ทฤษฎี แน่นมากเพราะเรียนมาทางปฐมวัย ตอนท้องก็อยู่บ้านอย่างเดียว ดูแลตัวเอง กินอาหาร บำรุง พร้อมมีคนที่บ้านช่วยประคบประหงม งานหลักตอนนั้นคือการบันทึกพัฒนาการ ท้อง และเตรียมของให้ลูก แต่ในที่สุดเจเด้นต้องคลอดก่อนกำหนด ด้วยอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ และนำ้หนัก 935 กรัม ตอนนั้นรู้สึกโลกพังทลาย สิ่งที่คิดและเตรียมตัวมาไม่มี ความหมายเลย อย่างเดียวที่ขอคือให้ลูกมีชีวิตรอดและสมบูรณ์

2. ภาวะ Baby Blue คือเรื่องจริง

หลังจากคลอด เจเด้นต้องอยู่ในห้อง NICU ที่โรงพยาบาลถึง 3 เดือน โดยมีปัญหา เรื่องหัวใจ ปอด และต้องลุ้นเรื่อง เลือดออกในสมอง การทำงานของ ตา หู และอื่นๆ อีก มากมาย หน้าที่หลักของเราตอนนั้น คือปั้มนำ้นมทุกๆ 3 ชั่วโมง ทานอาหารเพิ่มน้ำนม และไปเยี่ยมลูก พอฟ้าเริ่มจะมืดจะรู้สึกจิตตกมาก ไม่กล้าอยู่คนเดียว ตอนกลางคืนนอน ไม่หลับเพราะกังวล กลัวโรงพยาบาลโทรมา ตอนนั้นไม่ค่อยกล้าดู หรือจับลูก ไม่รู้สึก ผูกพัน มองย้อนกลับไปคิดว่าเรากลัวที่จะรักเค้า เป็นวิธีการปกป้องตัวเองแบบไม่รู้ตัว เราเคยอ่านมาเยอะกับภาวะคุณแม่หลังคลอด แต่พอกับเจอกับตัวเอง มันไม่มีเหตุผล มันคือความรู้สึกที่เราควบคุมไม่ได้ ความเข้าใจ support จากคนรอบข้างและ การปรึกษาแพทย์สำคัญมากค่ะ

3. เลี้ยงเด็กจริงไม่เหมือนในตำรา

แน่นอนเราเรียนมาวิธีการเลี้ยงเด็กหลากหลายตำรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กิน นอน พัฒนาการ หรือดูแลเวลาไม่สบาย มีผู้ใหญ่ช่วยสอน บางทีตำราฝรั่ง ก็ไม่เหมือนสิ่งที่ ผู้ใหญ่ไทยเลี้ยงดูเด็กเราศึกษาข้อมูลเป็นความรู้ แต่สุดท้ายไม่มีใครรู้จักลูกเราดีที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ใช้ได้ดีเสมอ แต่ก็ต้องไม่ปฏิเสธไปเสียหมด ค่อยๆ ปรับให้เป็นธรรมชาติและเหมาะกับลูกเรา

4. ทุกคนต้องมีพื้นที่ของตัวเอง

แพรเลี้ยงลูกเน้นเรื่องของความสม่ำเสมอของกิจวัตร เวลา และสถานที่ เช่น การกิน การ นอน การเล่น เป็นการสร้างกิจวัตรประจำ และทำให้ลูกรู้ว่าตอนไหนต้องทำอะไร เจเด้น แยกนอนเองตั้งแต่เล็ก โดยก่อนนอนเราจะเล่านิทาน พูดคุยกันถึงวันที่ผ่านมา อธิฐาน และส่งเข้านอน การทำแบบนี้ทำให้ทุกคนบริหารจัดการเวลาได้ โดยเฉพาะแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านอย่างเรา

5. Mum’s guilt ความรู้สึกผิดของแม่ที่ทำงานนอกบ้าน

ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่กับลูกในหลายๆ สถานการณ์เป็นเรื่องปวดหัวใจเหมือนกัน ตอน ลูกเล็กมากๆ บางครั้งต้องไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ก็จะพยายามหาเวลาชดเชย ให้เค้า อธิบาย และเล่าให้ฟังถึงงานของเรา งานไหนพาไปด้วยได้ก็พาลูกไปด้วย (อันนี้ คิดว่าลูกของคุณครูหลายคนก็เป็นเช่นกัน 55) การให้เค้ามีส่วนร่วมกับงานของเรา ทำให้เค้าเข้าใจถึงบางเวลาที่เราอยู่กับเค้าไม่ได้

6. อยู่ด้วยกันเชิงบวก Positive Living

การสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง คือ การสร้างพื้นที่ปลอดภัย เคารพซึ่งกันและกัน พูดกันเพราะๆ และที่สำคัญแสดงออกถึงความรักกันมากๆ บ้านนี้กอด หอม บอกรักกัน ตลอด เวลามีปัญหา เราพูดคุยกันถึงเหตุผล และวิธีการแก้ไข เวลาใครทำผิดก็ขอโทษ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่หรือ ลูก

7. #ทีมพ่อแม่ สำคัญมาก

การเลี้ยงลูกต้องทำเป็นทีม พ่อ แม่ต้องพูดคุยถึงวิธีการเลี้ยงลูก วิธีการใช้ชีวิต ความ คาดหวังต่างๆให้ตรงกัน เพื่อลูกจะไม่สับสน เรื่องเล็กๆ อย่างเช่นถ้า ถึงเวลาทานข้าวแม่ บอกว่าให้ทาน พ่อบอกไม่ต้องก็ได้ ลูกจะสัมผัสได้ทันทีว่าเค้าสามารถขอพ่ออย่างนึง และแม่อย่างนึง teamwork ต้องแน่นมาก ไม่งั้นโดนลูกต่อรองจนมึน และอาจทำให้พ่อ และแม่ทะเลาะกันได้

วันนี้แชร์ 7 เรื่องก่อน เดี๋ยวมีภาค 2 บทเรียนสำคัญเมื่อพบว่าลูกเป็นเด็กที่มีความ ต้องการพิเศษค่ะ

#พัฒนาการเด็ก #บทบาทพ่อแม่ #parenting #starfishlabz