5 เหตุผลที่ทำให้คนรุ่นใหม่ หมดความสนใจรับงานราชการ
ในยุคปู่ย่าตายาย การเข้ารับราชการ ถือเป็นงานในฝันที่นำความภาคภูมิใจมาสู่ครอบครัว จนเกิดเป็นคำพูดที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่า รับราชการจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป แนวคิดเรื่องการทำงานก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย จากที่งานราชการเคยเป็นงานในฝันอันดับต้นๆ เมื่อถึงยุคหนึ่ง งานในฝันอาจกลายเป็นการได้ทำงานแบงค์ ทำงานบริษัทเอกชน และมาถึงสมัยนี้ ที่เทคโนโลยี อยู่ในทุกอณูของชีวิต งานในฝันของเด็กยุคใหม่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ลองมาดูกันดีกว่าว่างานในฝันของเด็กยุคนี้คืออะไร และงานราชการจะยังติดอับดับอยู่หรือไม่
3 อันดับอาชีพในฝันเด็กไทย
ข้อมูลจากกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ที่ทำการสำรวจ “อาชีพในฝันของเด็กไทย” ครั้งที่ 11 ปี 2563 โดยสุ่มกลุ่มตัวอย่างเด็กไทยอายุ 7-14 ปี จำนวน 4,050 คน จากทั่วทุกภูมิภาค พบว่าอาชีพมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ อาชีพหมอ ตามมาด้วย ครู และอันดับสาม ยูทูปเบอร์
ลำดับที่หนึ่ง สำหรับอาชีพหมอ ข้อมูลระบุว่าเด็กส่วนใหญ่ที่อยากเป็นหมอ เป็นเด็กกลุ่มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนหนึ่งที่อาชีพหมอยังคงเป็นอาชีพในฝันของเด็กๆ มาหลายยุคสมัย น่าจะอยู่ที่ค่านิยมในสังคม ที่มองว่าคนเป็นหมอคือคนเก่ง ที่ไม่เพียงได้ช่วยเหลือผู้คนแต่ยังเป็อาชีพที่มีค่าตอบแทนสูงด้วย
อับดับสอง คือ คุณครู เด็กๆ ส่วนใหญ่ที่อยากเป็นครู เป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ซึ่งค่านิยมการเป็นครูนั้น อาจหมายถึงคนที่มีความรู้ความสามารถและช่วยพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นได้
อันดับสาม ยูทูปเบอร์ จัดเป็นอาชีพที่มาแรงสุดๆ โดยผลสำรวจเด็กไทยพบว่า 93% ใช้ยูทูป นำหน้าสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ยูทูป จึงมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพในฝันของเด็กๆ ด้วย เพราะพวกเขาอยากเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดังเหมือนกับพี่ๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งมีทั้งยูทูปเบอร์ที่สายผลิตคอนเทนต์และสายแคสเกม โดยยูทูปเบอร์ที่เด็กๆ ชื่นชอบเป็นอันดับหนึ่ง คือ เก๋ไก๋สไลเดอร์ นั่นเอง
งานราชการอยู่ไหน ถ้าไม่ใช่ในใจเด็กๆ
แม้ว่าอาชีพครู อาจจัดได้ว่าเป็นงานราชการ แต่เมื่อพูดถึงงานราชการจริงๆ คนส่วนใหญ่ย่อมนึกถึง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ตามหน่วยงานของรัฐ ทำหน้าที่ให้บริการประชาชน ซึ่งเมื่อก่อน การรับราชการ อาจขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพในฝัน เพราะมีความมั่นคง อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่ได้รับความนับหน้าถือตาในยุคสมัยหนึ่ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป แม้พ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย ยังอาจอยากให้ลูกรับราชการ แต่เด็กยุคใหม่ที่เป็น tech savvy หรือมีความชำนาญในด้านเทคโนโลยี พวกเขาค้นพบว่า ตัวเลือกในอาชีพการงานนั้นมีมากกว่าที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายรู้จัก และบางครั้งการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่กับบ้าน ยังอาจสร้างรายได้มากกว่าการรับราชการเป็นไหนๆ
ประกอบกับคุณค่าที่เด็กยุคใหม่ยึดถือ แตกต่างไปจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย กล่าวคือ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย อาจให้ความสำคัญเรื่องหน้าตาทางสังคม แต่สำหรับเด็กยุคใหม่ พวกเขาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ชีวิต การทำงาน 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น อาจทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ สูญเสียโอกาสออกไปเผชิญโลกกว้างอย่างที่ตั้งใจ
นอกจากนี้ ใครที่เคยติดต่องาน หรือเคยผ่านงานราชการ น่าจะเข้าใจดีว่าระบบราชการแบบไทยๆ ยังคงมีความเป็นระดับชั้นที่สั่งงานตามแนวดิ่ง อีกทั้ง ยังมีขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน เป็นระเบียบแบบแผนที่ขาดการยืดหยุ่น สิ่งเหล่านี้ ขัดกับธรรมชาติการทำงานของคนยุคใหม่ ที่ชอบเสนอไอเดีย อยากใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งงานราชการอาจไม่ตอบโจทย์รูปแบบชีวิตของเด็กยุคนี้อีกต่อไป
5 เหตุผลที่ทำคนรุ่นใหม่หมดความสนใจรับราชการ
1. ค่าตอบแทน แม้ราชการจะมีเบี้ยเลี้ยงบำนาญ แต่หากเทียบกับเอกชนแล้ว งานเอกชนมีโอกาสได้ค่าตอบแทนสูงกว่างานราชการมาก
2. ความก้าวหน้า งานราชการมีระบบอาวุโส โอกาสที่จะเติบโตเพราะความสามารถจริงๆ มีน้อยกว่างานเอกชน
3. ทางเลือกมากขึ้น เด็กยุคใหม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้นกว่าสมัยก่อน ยุคนี้อยู่บ้าน ก็สามารถสร้างรายได้จากงานออนไลน์ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเด็กยุคใหม่มากกว่าการทำงานราชการ
4. งานราชการไม่ท้าทาย รูปแบบงานราชการที่เป็น Routine อาจไม่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ชอบใช้ความคิดสร้างสรรค์ ได้ออกไอเดีย ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งหากเลือกทำราชการ ก็อาจไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เท่าที่ควร
5. งานราชการต้องสอบแข่งขัน เมื่อเทียบกับความคุ้มค่า สิ่งที่งานราชการมอบให้อาจมีเพียงความ "มั่นคง" ในระยะยาว แต่เมื่อเทียบกับการแข่งขันแล้ว จำนวนผู้สอบกพ. เพื่อเข้ารับราชการยังมีสูง แต่จำนวนที่เปิดรับมีน้อย ในขณะที่งานเอกชน ไม่จำเป็นต้องสอบเข้า ถึงแม้อาจไม่มั่นคงเท่า แต่หากมีความสามารถจริงๆ ก็อาจก้าวหน้าในหน้าที่การงานง่ายกว่าราชการ
บทบาทของพ่อแม่ต่ออาชีพในฝันของลูก
สำหรับคนเป็นพ่อแม่ แม้ว่าในใจอาจมีอาชีพในฝันที่อยากให้ลูกทำ ไม่ว่าจะเพราะเห็นว่ามั่นคงและดีต่ออนาคตของลูก หรือเป็นอาชีพในฝันของพ่อแม่มาก่อน แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้เราจะให้กำเนิดพวกเขา แต่ลูกจำเป็นต้องมีชีวิตของตัวเอง และการที่พวกเขาได้เลือกสิ่งที่ต้องการจริงๆ ต่างหากที่จะทำให้พวกเขามีความสุขในชีวิตได้
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ สังเกตความชอบของลูก และสนับสนุนให้เขาได้ฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพในฝันของพวกเขาในอนาคต ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ลูกได้รับผิดชอบความฝันของตัวเอง เช่น บางสิ่งที่คิดว่าชอบ แต่เมื่อลองทำดูแล้ว พบว่าไม่ใช่ อาจให้ลูกช่วยรับผิดชอบคอร์สเรียนที่ล้มเลิกกลางคัน ด้วยการรับผิดชอบงานบ้านเพิ่มขึ้น เพราะใช่ว่าทุกความฝันจะประสบความสำเร็จ การเรียนรู้ ลองผิดลองถูก สั่งสมประสบการณ์ จะช่วยให้เด็กๆ ค้นพบตัวตนที่แท้จริงได้ แต่ระหว่างนั้นเด็กๆ ก็ควรเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบการกระทำของตนเองด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ ต้องเชื่อมั่นในตัวลูก เมื่อลูกเลือกทำสิ่งใดแล้ว แม้ว่าเราอาจไม่เห็นด้วยหรือมองว่ายากที่จะประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อย ก็ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ลอง แม้จะผิดพลาดก็เป็นบทเรียนที่สำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตต่อไป
Related Courses
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
หากคุณเป็นคนชอบวาดรูป ชอบการขีดเขียน หรือการจดบันทึก อยากลองทำ Visual Note แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาอย่างไรดี คอร์สเ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
ต้องใช้ 50 เหรียญ
5 เมนูเพื่อสุขภาพสร้างอาชีพ ลงทุนน้อยกำไรเยอะ
สำหรับผู้ที่สนใจรักสุขภาพและกำลังมองหาอาชีพเสริมทำหลังเลิกงานหรือหารายได้เสริมในวันหยุดก็สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองวันนี้ ...
5 เมนูเพื่อสุขภาพสร้างอาชีพ ลงทุนน้อยกำไรเยอะ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...