5 เคล็ดลับ สานฝันทักษะการขายของให้กับลูก

อยากสานฝันทักษะการขายของให้กับลูก ทักษะแห่งอนาคตยุคใหม่ที่กำลังมาแรง ควรเริ่มอย่างไร? วันนี้ Starfish มี 5 เคล็ดลับง่าย ๆ มาบอกกัน จะมีเคล็ดลับใดน่าสนใจกันบ้าง มาเริ่มกันเลย

1. ขายของกิน หรือของใช้ดี?

เรามาดูกันก่อนว่าจะขายอะไรดี? ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสียทั้งสิ้นค่ะ

อาหาร เป็นไอเดียที่ง่ายและได้ผลเสมอ เพราะยังไงเราก็ต้องกินจริงไหมคะ? อาจจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่แตกต่าง ลองดูไอเดียขนม หรือของว่างใน youtube ดูก็ได้ค่ะ หลายเมนูไม่ได้ทำยากแต่น่ากินมาก และทำราคาได้ดีเลยทีเดียว หลายเมนูก็ไม่ต้องใช้เครื่องครัวอะไรมากมาย หรือถ้าบ้านไหนมีหม้อทอดไร้น้ำมัน ลองขายเป็นเมนูสุขภาพเลยก็ได้ ทั้งง่ายและแตกต่างค่ะ

เครื่องดื่ม อีกหนึ่งไอเดียที่เรียกได้ว่ากำไรนอนมาเลยค่ะ เพราะเครื่องดื่มนั้น ต้นทุนน้อย

มาก ๆ แต่ทำราคาได้ดีทีเดียว เช่นเดิม เราแนะนำให้ครีเอทเมนูเครื่องดื่มให้แตกต่างจากตลาดสักหน่อย จะเป็น Mocktel (เครื่องดื่มผสมสูตรต่าง ๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอลล์) หรือ ชารวมรสต่าง ๆ ก็ได้ วัยรุ่นน่าจะชอบ

ของใช้ สินค้ามากมายจะขายอะไรดี เราขอให้ลูกเลือกจากสิ่งที่เขาชอบก่อน การขายของใช้ดีตรงที่สินค้าเก็บไว้ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องจะเสียเหมือนการขายของกิน

สินค้าแฟชั่น ของมาไวไปเร็วแต่ก็ทำราคาได้เหมือนกัน งานนี้ต้องพึ่งลูกล่ะ เพราะของแฟชั่นนั้นพ่อแม่อย่างเราอาจจะตามไม่ทัน เราแนะนำให้เลือกของที่ไม่ใหญ่มาก จะได้ประหยัดพื้นที่สต็อกของ เลือกของที่หลากหลาย อย่าเพิ่งเลือกของที่มีสี รุ่น ไซส์ที่หลากหลาย เพราะเสี่ยงต่อการที่ของจะค้างสต็อกได้

สินค้ามือสอง ไอเดียนี้เราขอแนะนำ เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ เพราะของมือสองในบ้านนั้น นอกจากของของลูกแล้วก็ยังมีของคุณพ่อคุณแม่อีกมากมาย งานนี้เรียกว่าไม่มีต้นทุนเลยก็ว่าได้ แถมช่วยลดข้าวของในบ้าน จัดบ้านไปในตัวอีกด้วย 

หาทำเลก็สำคัญ หากเป็นการขายของออฟไลน์ แน่นอนว่าทำเลก็สำคัญไม่แพ้เรื่องสินค้าที่ขาย แต่จะให้ลูกเช่าที่ขายของจริงจังอาจจะยังไม่ใช่สำหรับการเริ่มต้น เราแนะนำที่ใกล้บ้านอย่างตลาดนัดแถวบ้าน งานอีเวนท์เล็ก ๆ หรือจะเป็นหน้าบ้านก็ได้ ถ้าช่วงนี้ยังไม่มีงานกิจกรรมที่ไหน เราก็สร้างเองเลยก็ได้ค่ะ

 2. ทำบัญชีการเงิน

นอกเหนือจากการวางแผนด้านการขายแล้ว อย่าลืมว่าการวางแผนทางการเงินนั้นก็สำคัญค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคำนวณต้นทุน การทำบัญชีรายรับรายจ่าย รวมถึงการเก็บออม และการนำกำไรมาลงทุนต่อด้วย 

เราแนะนำการทำบัญชีการรับจ่าย อย่างง่ายเริ่มจาก

• วัน เดือน ปี  ให้เขียนวันที่มีรายการรับเงินและจ่ายเงิน
• รายการ  ให้ลงรายละเอียดของรายการรับเงิน และ รายการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นประจำวัน
• รายรับ   ให้บันทึกจำนวนเงินที่ทางร้านได้รับเข้ามา เช่น การขายสินค้า 
• รายจ่าย ให้บันทึกจำนวนเงินที่ทางร้านจ่ายออกไปในแต่ละวัน โดยแบ่งเป็น รายจ่ายซื้อสินค้า และ รายจ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าขนส่งสินค้า ค่าเช่าที่ เป็นต้น
• ลงยอดรวมรายเดือน เป็นช่องสำหรับรวมเงินในแต่ละเดือนในตอนสิ้นเดือน โดยรวมเงินที่ได้รับและจ่ายไปในช่องนี้

เมื่อลงรายการครบทุกช่องแล้ว ก็จะสามารถสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายได้ว่าเดือนนี้ทางร้านได้กำไรหรือขาดทุนกี่บาท เพื่อเป็นการวางแผนค่าใช้จ่ายในเดือนต่อไปนั่นเอง

3. ฝึกทักษะด้าน Marketing

นอกเหนือจากการฝึกให้ลูกรู้จักมองหาทำเล, ทำบัญชี, หรือเลือกของมาขายที่ตรงกับความต้องการของตลาดแล้ว การฝึกทักษะแห่งอนาคตอย่างทักษะด้าน Marketing ให้ลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ ทีละนิดทีละหน่อย ค่อย ๆ ให้เขาเรียนรู้แต่ละแง่มุมของทักษะการตลาดก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยทักษะด้าน Marketing นี้ คุณพ่อคุณแม่จะให้เขาเน้นไปที่บนโลกออนไลน์หรือ Digital Marketing ก่อนก็ได้ เช่น การทำเพจร้านบน Facebook, Instagram ตลอดจนการทำการตลาดในโลกความเป็นจริงต่าง ๆ เช่น การทำใบปลิวออกมาแจก การลดแลกแจกแถม การมอบส่วนลด การสร้าง Membership ให้กับลูกค้า เป็นต้น

 4. รู้จักใช้ Marketing Technology ให้เป็นประโยชน์

ข้อนี้อาจจะซับซ้อน และดูเหมือนไม่เหมาะกับเด็กหรือลูก ๆ ของเรา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลองให้พวกเขาใช้งานหรือใช้ประโยชน์จากพวกมันไม่ได้ แพล็ตฟอร์มตลอดจนโปรแกรมช่วยการจัดการต่าง ๆ มากมายสามารถช่วยลดระยะเวลาการจัดเตรียม ลดความเหนื่อย และสร้างรูปแบบการค้าขายที่เป็นระบบ และมาตรฐานได้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยสำหรับเด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจลองฝึกให้เขาใช้บรรดาเครื่องมือ/ฟีเจอร์การช่วยขาย (เช่น การเปิดบิล, การปิดบิล) ในเพจ Facebook ต่าง ๆ ก่อนแบบง่าย ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ขยับเลเวลของเทคโนโลยีตามที่เห็นควรว่าเหมาะสม จำเป็น และมีประโยชน์

และนี่ก็คือวิธีการง่าย ๆ ในการสานฝันทักษะแห่งอนาคตในการขายของ ส่งเสริมให้ลูกได้เริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ อย่างร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม หรือจะเป็นร้านของสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ ก้าวเล็ก ๆ เริ่มได้ตั้งแต่วัยเรียนนั่นเอง ไม่แน่นะคะ นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของวัยรุ่นอายุน้อยร้อยล้านในอนาคตก็เป็นได้