5 เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้เมื่อลูกเรียนออนไลน์

เข้าใจว่าการเรียนออนไลน์คงไม่ใช่เรื่องชั่วคราวอีกแล้ว จากสถานการณ์ช่วงนี้ ดังนั้นเพื่อการเรียนรู้ที่ไม่สะดุดของลูก เรารวบรวมปัญหาคาใจของเด็กๆวัยเรียนให้พ่อแม่รู้ว่า เขาอยากจะขอร้องอะไรบ้างเมื่อต้องเรียนออนไลน์ 

1. ขอสมาธิหน่อย!

พ่อแม่อาจจะคิดว่าก็นี่บ้าน ก็ทำตัวเหมือนอยู่บ้านสิ แต่จริงๆ แล้วในเวลาเรียนที่ลูกทำได้แต่จ้องหน้าจอและฟังครูเท่านั้น มันต้องอาศัยสมาธิแบบมาขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ลืม ทำกิจกรรมเดิมๆ ที่อาจจะรบกวนสมาธิจนลูกไม่เข้าใจบทเรียน เช่น ดูดฝุ่น หรือทำกับข้าวกลิ่นแรงจนเกินไป

ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจจะต้องอาศัยการพูดคุย และปรับเรื่องของเวลาให้เหมาะสมกันมากขึ้น เช่น เปลี่ยนไปดูดฝุ่นช่วงเที่ยงได้ไหม จะได้ไม่ขัดจังหวะเวลาลูกเรียน หรือเปลี่ยนมาทำเมนูกลิ่นแรงเป็นมื้อเย็นแทน

2. ขอเวลาส่วนตัวสักนิด

อย่าลืมว่าการเรียนออนไลน์ก็คือการเรียนแบบหนึ่งค่ะ แสดงว่าลูกยังต้องมีการบ้าน มีการทำงานกลุ่ม การทบทวนบทเรียน การต้องฝึกรายงาน และมีการสอบ ดังนั้นถ้าเห็นลูกอยู่ในห้องเงียบๆ นานๆ ก็อาจจะเข้าไปดูบ้างแต่อย่างต้องถึงขนาดเรียกหากันตลอดเวลา เพราะนอกจากจะไม่สร้างสมาธิให้ลูกแล้วยังเป็นการรบกวนเขาอีกด้วย

พ่อแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าลูกอยู่บ้านแท้ๆ แต่มีเวลาให้น้อยลง ก็ต้องลองพูดคุย และสร้างการกำแบ่งเวลาค่ะ เช่น วันจันทร์ - ศุกร์ คือต้องให้ลูกโฟกัสกับการเรียนตามตารางเรียนของเขา  แต่เมื่อถึงวันหยุด ก็ให้เขาได้ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวบ้างค่ะ 

3. ขอตัวช่วยเพิ่มขึ้นสักหน่อย

ในการเป็นกองหลังหรือผู้สนับสนุนที่ดี ต้องให้ลูกได้เรียนอย่างราบรื่นค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมพร้อมให้เขา เช่น คอมพิวเตอร์ แทปเล็ต หรือแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ต  คิดซะว่าเป็นการลงทุนก็ได้ค่ะ เพราะเราไม่มีใครรู้ว่าจะต้องเรียนออนไลน์ในรูปแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ 

นอกจากเรื่องอุปกรณ์การเรียนต่างๆแล้ว อย่าลืมเป็นติวเตอร์ให้ลูกด้วยนะคะ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดมาช่วยทำการบ้าน แต่อาจจะต้องแนะแนวทาง เคล็ดลับในการเรียน เทคนิคการจำศัพท์ การใช้สูตรต่างๆ รวมถึงการทำความเข้าใจในวิชาต่างๆ หรืออาจจะหาคอร์สเรียนเสริมให้ลูกก็ได้ค่ะ 

4. ขอให้เข้าใจกันบ้าง

ความเชื่อใจก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญค่ะ บางครอบครัวเห็นลุกอยู่หน้าจอตอลดเวลาก็ไม่มั่นใจว่าลูกเรียนหรือทำอะไรกันแน่ เราเข้าใจค่ะ แนะนำให้โหลดแอป หรือตั้งค่าเพื่อควบคุมการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ ถ้าคุณพ่อคุณแม่หวั่นใจค่ะ หรือจำกัดเวลาการใช้งานออนไลน์บ้าง หากลูกต่อต้านก็อธิบายว่านี่ไม่ได้เป็นการห้าม แต่เป็นการทำเพื่อสุขภาพของตัวลูกเองด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเผื่อให้ลูกได้เรียนรู้โลกด้วย อย่าลืมว่าในช่วงเวลาแบบนี้ เขาออกไปไหนไม่ได้ โลกของเขาจึงเหลือเพียงในโลกเสมือนเท่านั้น หากคุณพ่อคุณแม่ยังปิดกั้นสังคมเดียวที่เขาสัมผัสได้อีก อาจจะก่อให้เกิดการต่อต้านหนักกว่าเดิมก็เป็นได้ค่ะ 

5. ขอให้ เป็นกำลังใจให้

เราขอพูดตรงๆว่า การเรียนออนไลน์นั้น ลดทอนความเข้าใจและความสามารถในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ ของลูกลงไปเยอะมาก โดยเฉพาะในบางวิชาที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับคนอื่น หรือวิชาด้านกิจกรรม ดังนั้นเราจึงขอให้คุณพ่อคุณแม่ลดความคาดหวังลงบ้าง ทำความเข้าใจว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ในเมื่อลูกปรับตัวแล้ว เราก็ต้องปรับตัวตามด้วยค่ะ

นอกเหนือจากความคาดหวัง อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะคะ เพราะสถานการณ์โรคระบาดนี้ก็เหมือนกับสถานการณ์เลวร้าย อื่นๆ ที่ต้องมีวันจบลง แม้ว่าเราอาจจะยังไม่สามารถรู้ช่วงวันเวลาที่แน่นอนได้ก็ตาม ดังนั้นกำลังใจจึงเป็นสิ่งเดียวที่เราจะสร้างความหวังให้กันได้ค่ะ