6 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักสูตรฐานสมรรถนะที่คุณครูต้องรู้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะ (competency-based curriculum) หรือ การเรียนการสอนฐานหลักสูตรฐานสมรรถนะ (competence-based education) กำลังเป็นโมเดลการเรียนการสอนที่มีอิทธิพล และบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในวงการการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 หลากหลายโรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่างมุ่งมั่น และคาดหวังที่จะปฏิรูป และพัฒนาหลักสูตร ตลอดจนบุคลากรของตัวเองให้ดำเนินการสอนอยู่บนฐานของสมรรถนะผู้เรียนการมากขึ้น การเข้าใจแก่นหรือหัวใจหลักของหลักสูตรฐานสมรรถนะอย่างถ่องแท้และครอบคลุมจึงเป็นก้าวที่สำคัญของคุณครูผู้สอนแห่งศตวรรษที่ 21 ทุกคน โดยจะมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับหลักสูตรฐานสมรรถนะใดบ้างที่คุณครูควรรู้และระแวดระวัง วันนี้ Starfish Labz สรุปมาให้แล้ว
ความเข้าใจผิดที่ 1: “ในหลักสูตรฐานสมรรถนะ ผู้เรียนเรียนรู้และกำหนดเวลาการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-paced)
ด้วยลักษณะหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และจัดการเรียนการสอนตามความถนัด หรือตามความชอบของผู้เรียน (Personalized Learning) หลักสูตรฐานสมรรถนะจึงมักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นรูปแบบการเรียนในลักษณะตามอัธยาศัย ผู้เรียนกำหนดลักษณะการเรียน และเวลาในการเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะจะมอบอิสระและความยืดหยุ่นในผู้เรียนมากกว่า แต่ก็มิได้ปล่อยปละละเลย หรือให้ผู้เรียนกำหนดทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งเวลาเอง หากแต่จะคอยกำหนดกรอบระยะเวลาการเรียนรู้ที่ชัดเจนให้แก่ผู้เรียนอย่างยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับลักษณะ และระดับความถนัดที่เขากำลังศึกษา
ความเข้าใจผิดที่ 2: “ในหลักสูตรฐานสมรรถนะ เนื้อหา (Content) ไม่สำคัญ”
ถึงแม้ว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะ จะมักถูกนิยามว่ามุ่งเน้นพัฒนาความถนัดหรือทักษะประยุกต์ใช้ (Skills) มากกว่าการท่องจำเนื้อหาการเรียนในแบบเดิม ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในการเรียนการสอนฐานสมรรถนะ เนื้อหา (Content) จะไม่สำคัญ กลับกัน เนื้อหาในการเรียนการสอนฐานสมรรถนะยังคงสำคัญ หากแต่เพียงเป็นเนื้อหาในขอบเขต และแขนงที่ลึกและชัดเจนมากกว่าเดิม เปิดโอกาสให้ผู้เรียนค้นคว้าและศึกษาในสิ่งที่ตนเองสนใจอย่างลึกซึ้ง มิใช่การพยายามจดจำและเก็บเอา “ทุก” เนื้อหาอย่างในรูปแบบหลักสูตรอย่างเดิม ๆ
ในหลักสูตรฐานสมรรถนะ สิ่งที่สำคัญน้อยกว่าทักษะจึงมิใช่เนื้อหาเสียทีเดียว หากแต่เป็นลักษณะการเรียนที่บังคับให้เด็กต้องเรียนทุกเนื้อหาโดยที่ไม่จำเป็น หรือโดยที่ไม่ได้สอดคล้องกับความถนัด หรือความชอบของเขาอย่างแท้จริง
ความเข้าใจผิดที่ 3: “ในหลักสูตรฐานสมรรถนะ การเรียนการสอนเข้มข้นน้อยกว่ารูปแบบดั้งเดิม
ด้วยลักษณะการเรียนการสอนที่ละจากการพยายามจดจำเนื้อหา ในขอบเขตที่กว้างและมากของหลักสูตรฐานสมรรถนะ หลายคนจึงมักคิดว่าการเรียนการสอนฐาน สมรรถนะเป็นการเรียนการสอนที่เข้มข้นน้อยกว่าแบบดั้งเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่า หลักสูตรฐานสมรรถนะมีความเข้มข้นในแง่ของระดับการทำความเข้าใจและเรียนรู้มากกว่าในรูปแบบดั้งเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะถือเป็นการเรียนการสอนที่เน้นพัฒนาความเข้าใจเชิงลึกเป็นหลัก เพียงแค่มิใช่การเข้าใจ “ทุก” เนื้อหาหรือความถนัด หากแต่เป็นเพียงเฉพาะความถนัดที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของผู้เรียน
ความเข้าใจผิดที่ 4: “หลักสูตรฐานสมรรถนะ คือหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีลักษณะจำกัดและขอบเขตแคบ”
สำหรับใครหลายคน หลักสูตรฐานสมรรถนะอาจดูเป็นการเรียนการสอนที่มีลักษณะจำกัดและขอบเขตแคบ ผู้เรียนศึกษาและสนใจเพียงแค่แขนงใดแขนงเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องอย่าลืมว่าแก่น หรือหัวใจหลักของผลลัพธ์ของหลักสูตรฐานสมรรถนะมิใช่การเก็บเกี่ยวเพียงแต่ “ความรู้” (knowledge) หากแต่เป็นการบ่มเพาะ และพัฒนา “ทักษะในการประยุกต์“ ใช้ความถนัดดังกล่าวทั้งในชีวิตประจำวัน, การศึกษาต่อและการทำงานในอนาคต ซึ่งสามารถแตะถึงแขนงอื่น ๆ อย่างครอบคลุมในสถานการณ์จริง และในการเรียนการสอน หลักสูตรฐานสมรรถนะยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทำกิจกรรมและโปรเจคได้อย่างสร้างสรรค์ และเป็นอิสระกว่าในรูปแบบเดิมอย่างมาก
ความเข้าใจผิดที่ 5: “หลักสูตรฐานสมรรถนะ คือหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาทักษะ”
หลักสูตรฐานสมรรถนะเน้นการพัฒนา “ทักษะ” แต่อย่างที่กล่าวในข้อที่ 5 ว่า หัวใจหลักของหลักสูตรมิใช่แค่เพียงทักษะ หากแต่คือ การประยุกต์ใช้ทักษะดังกล่าวในสถานการณ์จริงหรือชีวิตประจำวัน เป้าหมายของครูผู้สอนมิใช่แค่การยัดทักษะใส่มือของผู้เรียน หากแต่เป็นการสอนให้ผู้เรียนสามารถนำทักษะดังกล่าวมาต่อยอด พัฒนาต่อ หรือดัดแปลงให้กลายเป็นสิ่งใหม่อย่างที่เขาเห็นว่าสมควร
ความเข้าใจผิดที่ 6: “การเรียนการสอนแบบสมรรถนะยากเกินกว่าที่จะนำมาใช้กับผู้เรียนในวัยเด็ก เช่น ประถมศึกษาหรือแม้กระทั่งมัธยมต้น
ถึงแม้ว่ามาตรฐานสมรรถนะจะมีลักษณะการเรียนการสอนเชิงลึก มุ่งเน้นพัฒนาชุดความรู้ และทักษะในแขนงใดแขนงหนึ่งอย่างเข้มข้น อันเป็นผลพวงมาจากรากฐานของระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสถาบัน หรือครูผู้สอนจะไม่สามารถนำมาปรับใช้กับเด็กเล็ก หรือในระดับที่ต่ำกว่าระดับอุดมศึกษาได้ หัวใจสำคัญของการปฏิวัติอยู่ที่การออกแบบหลักสูตรที่มอบเวลาการเรียนรู้ให้กับเด็กอย่างเหมาะสม อย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากเมื่อเปลี่ยนระดับชั้น นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้ยังรวมถึงการที่ครูผู้สอนมีความเชื่อมั่นในตัวเด็ก เชื่อว่าเด็กจะสามารถเรียนรู้ได้หากหัวใจของเขาปรารถนา ชื่นชอบ และมีความพยายามมากพอ
เกี่ยวกับ Starfish Labz
Starfish Labz คือ แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์แห่งแรกของประเทศไทย คอร์สออนไลน์สำหรับนักการศึกษาและผู้ปกครอง รวมถึงบุคคลทั่วไปที่สามารถเข้ามาเสาะหาความรู้และแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากคอร์สเรียนออนไลน์ต่าง ๆ และวีดิโอที่ถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์จากทั่วประเทศ รวมถึงบทความที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการจัดการศึกษาแนวใหม่ รวมถึงการพัฒนาการเด็กจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ปกครอง และสถาบันต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับ เปิดให้เข้าถึงฟรีโดยปราศจากค่าใช้จ่าย ทุกที่ทุกเวลา และบนทุกแพล็ตฟอร์ม
ที่มา
Related Courses
ห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย โรงเรียนบ้านปลาดาว
เรียนรู้ไอเดียการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบห้องเรียนสมรรถนะวิชาภาษาไทย ฉบับโรงเรียนบ้านปลาดาว ทำความเข้าใจลักษณะห้ ...
ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)
หลักสูตรฐานสมรรถนะ เป็นหลักสูตรที่เน้นการวัดผลแบบสมรรถนะแทนการท่องจำเนื้อหาเพียงเพื่อนำมาสอบ หลักสูตรฐานสมรรถนะยังเป็ ...
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ