วิธีรับมือกับความผิดหวัง เมื่อลูกสอบไม่ติดโรงเรียนดัง

เรื่องของการสอบเข้าโรงเรียนที่เขาคาดหวัง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของลูกเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ของเขาทีเดียว และนั่นล่ะค่ะ เมื่อมีการแข่งก็ต้องมีทั้งชนะและแพ้ เรื่องชนะคงไม่มีอะไรให้กังวลใจ แต่เมื่อลูกแพ้และผิดหวัง จะรับมืออย่างไร เรามีวิธีช่วยลูกให้ผ่านภาวะที่เลวร้ายนี้ไปได้มาฝากกันค่ะ

จัดการอารมณ์เมื่อผิดหวัง

เราอยากให้คุณพ่อคุณแม่รู้ไว้ว่าไม่ใช่เรื่องผิดหากลูกจะแสดงความผิดหวัง เราแค่ควบคุมการแสดงออกเหล่านั้นให้ออกมาในรูปแบบที่ไม่รุนแรงเกินไป ไม่ใช่ทำร้ายร่างกาย หรือตีอกชกตัว และคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสอนให้ลูกได้ปลดปล่อยความผิดหวังอย่างถูกต้อง เช่น การแลกเปลี่ยนความผิดหวังของคุณ และบอกกล่าวให้เขารู้ว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นไปได้อย่างไร 

คุณพ่อคุณแม่อาจจะสอนให้ลูกมองเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ การสอบเข้าโรงเรียนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต และการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้ ก็จะช่วยให้เขาเติบโต และมีสติในการทำอะไรต่างๆ มากขึ้น

ตั้งสติหาทางออก

ทุกปัญหานั้นมีทางออกเสมอค่ะ แต่บางปัญหานั้นการจะคิดหาทางออกคนเดียวน่าจะเป็นเรื่องยากสักหน่อย หากลูกสอบไม่ติดโรงเรียนดัง คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นคนดึงสติลูกไม่ให้จมอยู่กับความเศร้า และผิดหวังจนนานเกินไป เพราะไม่ก่อให้เกิด

ประโยชน์ใดๆ ให้รีบตั้งสติ มองหาที่เรียนใหม่ หรือปรึกษาบรรดาผู้ปกครองหาโรงเรียนใหม่ ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันดู

มองในมุมบวกดูบ้าง

เราจะมองความผิดหวัง พ่ายแพ้ และสอบไม่ติด จะมีด้านบวกได้อย่างไร? คุณพ่อ คุณแม่อาจจะต้องเป็นคนคิดเรื่องนี้ให้กับลูก ข้อดีของเรื่องนี้คือให้ลูกได้เรียนรู้ว่าโลกเรามีสองด้านเสมอ และไม่มีใครที่จะชนะเสมอไป เมื่อเราคิดว่าเราเก่ง ย่อมมีคนที่เก่งกว่าเราเสมอ เป็นธรรมดาของการแข่งขัน

ที่สำคัญความผิดหวังนั้นจะทำให้ลูกย้อนมาดูหาข้อผิดพลาดของตนเองอีกครั้ง บางครั้งความทะนงตัวว่ารู้แล้ว เก่งแล้ว ในบางเรื่องอาจจะสร้างช่องโหว่ขึ้นมาได้ นั่นเป็นสิ่งที่ลูกคิดไม่ถึง หรือไม่รู้ตัว ทำให้ลูกได้รู้จุดด้อย จุดบอดของตัวเอง และก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่จะปิดช่องโหว่นั้นได้ 

เปิดใจรับโอกาสใหม่

เอาเข้าจริงเราก็รู้กันดีค่ะว่า ทุกโรงเรียนนั้นก็ไม่ได้เท่าเทียมกันหมด ทุกโรงเรียนอาจจะใช้หลักสูตรเดียวกัน แต่ด้วยความแตกต่างทางวิชาการ เครื่องไม้เครื่องมือ เทคนิคการสอนของครู รวมถึงชื่อเเสียงต่างๆ ยอมทำให้แต่ละโรงเรียนนั้นมีความแตกต่างกันอยู่

เมื่อลูกไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนดังได้ สิ่งที่ควรมองหาคือที่เรียนใหม่ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของโรงเรียน แต่หมายความถึงทางเลือกใหม่ๆ ด้วย เช่น โรงเรียนใกล้บ้าน อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่สังคมก็ไม่ได้แย่ หรือเรียนเฉพาะทางไปเลยหากลูกถนัดในด้านนั้นๆ เพราะชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับทฤษฎี และการปฎิบัตินั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน 

การเรียนต่อต่างประเทศ หรือเรียนโรงเรียนนานาชาติ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจหากลูกชอบทางด้านภาษา เพราะทักษะเหล่านี้ไม่ได้สำคัญแค่วิชาการแต่ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และการได้ฝึกใช้จริง

เปลี่ยนวิธีการตั้งเป้าหมายใหม่

เมื่อเราผิดหวัง อย่างแรกที่เราได้เรียนรู้ คือการตั้งเป้าหมายของเรานั้นอาจจะสูงเกินไปหรือเปล่า? เช่น ในการวิ่งแข่ง เราตั้งเป้าไว้ที่ 10 กิโลเมตร แต่เมื่อได้ 5 กิโลเมตรเราก็เริ่มเหนื่อยแล้ว และกว่าจะลากสังขารไปเส้นชัยนั้นก็แทบขาดใจ นี่สะท้อนได้ว่าขีดความสามารถเรายังไม่ถึงจุดนั้นหรือเปล่า? ร่างกายอาจจะยังไม่พร้อม เราอาจจะยังซ้อมมาไม่มากพอ หรือพักผ่อนน้อยเกินไป เหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เราไปไม่ถึงฝั่งฝันได้ท้งสิ้น 

เราไม่ได้จะแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ลดทอนเป้าหมายของลูก แต่อยากให้เขาลองตั้งเป้าหมายเป็นระยะสั้น ที่จับต้องได้ก่อน ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดตามความเหมาะสม รวมไปจนถึงการมีเป้าหมายสำรองระหว่างทาง เสมือนมีเครื่องป้องกันเมื่อต้องเล่นกีฬาผาดโผน ถ้าล้มมา ก็ไม่เจ็บมากเท่าไหร่

ทุกวันนี้เรามักคุ้นเคยกับคำว่า Move On หรือการเริ่มต้นใหม่ (ที่ไม่ได้ใช้ได้แค่เรื่องความรัก) เรื่องการสอบเข้านี้ก็เช่นกันค่ะ ให้ลูกเริ่มต้นกับโรงเรียนใหม่ให้ได้อีกครั้ง อาจจะไม่ใช่กับโรงเรียนที่คาดหวังก็จริง แต่ลูกต้องละทิ้งอคตินั้นก่อน และลองเปิดใจกับโรงเรียนใหม่ ที่นี่อาจจะเป็นที่สร้างประสบกรณ์ชีวิตที่ดี มีเพื่อนที่ดี ครูที่ดีและเป็นแหล่งสร้างอนาคตที่ดีของเขาก็ได้ค่ะ