ความจริงที่ค่อยๆกัดกร่อนสังคม..สู่ชาติให้ผุพัง
มีคำถาม เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในสังคมไทย ยุคแล้วยุคเล่า ความเน่าซุกใต้พรม ปัญหาที่เกิดขึ้นมีเหตุปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระบบการพัฒนามนุษย์ หรือการศึกษาล้มเหลว การศึกษาตั้งแต่ที่บ้าน วัด สถาบันการศึกษา รวมถึงโครงสร้างของสังคมไทย ที่มีความเหลื่อมล้ำสูง และอีกหลายๆ เหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
เหตุปัจจัยเหล่านี้ เกิดปัญหาต่างๆ เริ่มจากเด็กถูกบ่มเพาะที่บ้าน อันเป็นรากแก้ว สู่โรงเรียน สถาบันการศึกษา อันเป็นรากฝอย ขยายผลสู่สภาพแวดล้อม สังคม ชุมชน ประเทศชาติด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆ คน มักมองข้าม ตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไปสู่ระดับสูงของประเทศ ไม่เห็นคุณค่า ความสำคัญไม่จริงจังต่อการพัฒนา เพราะมองว่าเป็นเรื่องยาก ซับซ้อน ต่อการพัฒนา ปัดๆ ส่งๆ ไม่เป็นไร แค่นี้เอง...ฯลฯ เน้นมิติด้านปัญญาวิชาการ แต่มิติด้านภายในที่เป็นศีลธรรม กลับพร่องเมื่อปัญหาเกิดขึ้น มักชี้หน้าด่าโทษเด็ก หรือคนอื่นทั้งที่ตนในฐานะผู้ใหญ่ ก็มีส่วนผิดสำคัญแรกเริ่มแท้จริงแล้ว “ศีลธรรม” เป็นรากฐาน แห่งความสุขของสังคม ชอบคำพูดที่ครูอาจารย์อย่างท่านพุทธทาส ได้กล่าวไว้ก่อนท่านมรณภาพว่า
“ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” มีหลายเรื่องราว ความจริงในสังคมที่เกิดที่อยากให้เรียนรู้ไปด้วยกัน
...แม่ยากจน ขโมยยาลดไข้เพื่อมาให้ลูกนั่นคือ ความปรารถนาดีของแม่ที่มีต่อลูก การกระทำของแม่ ถามว่าถูก หรือผิด คุณยอมรับหรือไม่ยอมรับการกระทำดังกล่าว
...ลูกยากจน ขโมยยาเพื่อมารักษาแม่ที่กำลังป่วยนั่นคือ ความปรารถนาดีของลูกที่มีต่อแม่ การกระทำของลูก ถามว่า ถูก หรือผิดคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...ลูกขับรถชนคนตาย แล้วขับรถหนีไปเข้าในบ้าน พ่อแม่ส่งคนใช้ที่บ้านให้ตำรวจบอกว่าเป็นคนขับนั่นคือ ความปรารถนาดีของพ่อแม่ที่มีต่อลูกการกระทำของพ่อแม่ ถามว่าถูกหรือผิด คุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...พ่อแอบค้ายาเสพติด เพื่อนำเงินจ่าค่าเทอมให้ลูกนั่นคือ ความปรารถนาดีของพ่อที่มีต่อลูกการกระทำของพ่อ ถามว่า ถูกหรือผิดคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...นักศึกษาทําข้อสอบ Quiz ให้เพื่อนที่ขาดเรียนนั่นคือ ความปรารถนาดีของเพื่อนที่มีต่อเพื่อนการกระทำของเพื่อนคนนี้ ถามว่า ถูกหรือผิดคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...นักเรียนขานชื่อแทนเพื่อนที่ขาดเรียนนั่นคือ ความปรารถนาดีของเพื่อนที่มีต่อเพื่อนการกระทำของเพื่อนคนนี้ ถามว่า ถูกหรือผิดคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...พ่อยอมจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกเข้าโรงเรียนดังนั่นคือ ความปรารถนาดีของพ่อที่มีต่อลูกการกระทำของพ่อ ถามว่า ถูกหรือผิดคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...แพทย์ตรวจพบว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์จะพิการ จึงตัดสินใจว่าจะต้องเอาเด็กออกนั่นคือ ความปรารถนาดีของแพทย์ที่มีต่อเด็ก และแม่การกระทำของแพทย์ ถามว่าถูกหรือผิด คุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...พ่ออยากให้ลูกรับราชการ จึงต้องจ่ายใต้โต๊ะนั่นคือ ความปรารถนาดีของพ่อที่มีต่อลูกการกระทำของพ่อ ถามว่าถูกหรือผิด คุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว
...แม้แต่คนที่เรารัก และเคยช่วยเหลือคุณวันหนึ่งถ้าเขาทำผิด ทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องคุณยอมรับหรือไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าว และคุณจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร นั่นคือเรื่องราวตัวอย่างจริง ในสังคม...
การคิดปรารถนาดี ไม่ใช่นำไปสู่การทำดีแต่การ “คิดเป็น มีความเห็นถูกต้องตามความจริง” คือ หนทางนำไปสู่ การคิดดี พูดดี และทำดี อันไปตามเส้นทางของมรรค 8 นั่นเอง ถึงจะเรียกว่า ดีจริงแท้ และยังมีพันเรื่องราวที่ยังเน่าซุกใต้พรหมของสังคมที่ใคร ๆ หลายคนมักจะเห็น และยอมรับได้ และที่มองเห็น หรือทำเองจนเป็นปกติ เคยชินโดยไม่รู้สึกอะไรแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนชาติให้ค่อยๆผุพัง
สิ่งที่น่ากลัว คือ...
กลุ่มที่ 1 คนทำสิ่งที่ผิด ไม่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้ และพร้อมที่จะปฏิเสธความผิด และความจริงเสมอ กลุ่มนี้ คือมองตนเองว่าเป็นสีขาวเสมอ
สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือ...
กลุ่มที่ 2 คนที่รับไม่ได้ ที่เห็นคนอื่นทำสิ่งไม่ถูกต้องแต่ยอมรับได้กับการกระทำที่ไม่ถูกต้องที่ตนเองก่อ กลุ่มนี้ คือ มองคนอื่นเป็นสีดำ ตนเองเป็นสีขาว
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือ...
กลุ่มที่ 3 คนที่ยอมรับได้กับการกระทำของคนที่รักแม้รู้ว่าทำสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้อง และพร้อมจะปกป้อง
กลุ่มนี้ คือ มองตนเองเป็นสีขาวทั้งอยากให้คนจากสีดำเป็นสีขาวที่ใจอยากให้เป็นสังคมควรส่งเสริมคนทำสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้อง ด้วยการให้ปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนตัวเองมากกว่าสนับสนุนให้ทำความไม่ถูกต้องต่อไปเพราะนั่นคือ การทำร้ายคนๆ นั้น
การปฏิเสธ “ยอมรับความจริง ความถูกต้อง” และไม่สามารถยอมรับได้ คือการถูกครอบงำ และบ่มเพาะด้วยปัญจธรรม 3 ตัว ได้แก่ ตัณหา มานะ ทิฐิ หรือ “คนอยากได้ อยากใหญ่ และใจแคบ” เป็นคนหลงมัวเมา ในอำนาจ ตำแหน่ง เงินทอง ไม่ต้องการฝึกฝน แก้ไข พัฒนาตนเอง นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่ใช่แนวทาง “คนนับถือพระพุทธศาสนาดูช่างขัดแย้งกับการที่ตนมักกล่าวบอกผู้อื่นว่าตนเองรัก และจงรักสถาบันพระพุทธศาสนา อย่างไม่เขินอาย ละอายแก่ใจตนเอง แต่อย่างใด แท้จริงแล้ว เราไม่ควรให้ความไม่ถูกต้องเกิดกับทุกคนในสังคมกลุ่มคนทั้ง 3 กลุ่มรวมกัน นั่นอันเป็นราก ที่จะคอยกัดกร่อนชาติไทยให้ค่อย ๆ ผุพัง ทำลายชาติไปในที่สุดเป็นเหตุผลเชิงจริยธรรมที่แต่ละคนควรจะตอบ และควรจะจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้ อย่างไรในทางที่ถูกต้อง ไม่กลบความจริง
พระพุทธศาสนาสอน และให้มองแบบวิภัชวาทต้องแยกไปตามความจริง ไม่มากลบความจริง
การปรารถนาดีก็เป็นความดี หวังดีแต่วิธีการกระทำก็ยังไม่ดีนั่นแหละในส่วนที่เป็นการกระทำที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง
ต้องหาวิธีแก้ไขพัฒนาต่อไปโดยไม่ต้องทำสิ่งที่ไม่ดีซึ่งตนก็ต้องรู้ว่าจุดไหนยังอ่อนจุดไหนที่ดีแล้ว ก็พัฒนาต่อไป
เพื่อนำตนไปสู่การพัฒนาตนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป มนุษย์ที่ฝึกตนดีแล้ว ประเสริฐที่สุด
บทความใกล้เคียง
อย่าชินกับการได้รับ..จนชา
ทำไมต้องมี วันพิธีไหว้ครู
ฟังเสียงหัวใจของเขาอย่างลึกซึ้ง : ตอนที่ 1
Related Courses
“ความกตัญญู” สร้างคนดีให้สังคม
ความกตัญญูทำให้สถาบันครอบครัวและสังคมมั่นคง ซึ่งนับว่าเป็นหลักธรรมพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์รู้จักการกระทำหน้าที่อันเหมาะสมของตนเอง ...
เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม
เรียนรู้การสอนลูกให้เป็นคนดีตั้งแต่วัยเด็ก ให้ลูก รู้จักคุณธรรมจริยธรรมส่งเสริมการมีความเมตตาต่อผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่นและการ ...
วิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4
การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก การเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นเรื่องยากยิ่ง เกิดมาแล้วได้พบ พระพุทธศาสนาก็ยิ่งยากนัก อย่าได้ ...
วิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4
คิดอย่างไรให้เป็นระบบตามแนวหลักของโยนิโสมนสิการ
การเรียนรู้ตามหลักพระพุทธศาสนา ที่เป็นการคิดอย่างมีระบบ ตามหลัก โยนิโสมรสิการ ที่มีวิธีการคิด ดังนี้ -การคิดแบบสืบสาวหาต้น ...