5 ไอเดียสร้างห้องเรียนแห่งความตระหนักรู้ทางสังคม
เมื่อโลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว สังคมเริ่มเปิดกว้าง และความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องอาศัยทักษะการอยู่ร่วมกับผู้คนที่มีทั้งเหมือน และแตกต่างจากตัวเอง ดังนั้น ทักษะการตระหนักรู้ทางสังคม และวัฒนธรรม (Social and Cultural Awareness) เลยกลายเป็นทักษะหนึ่งที่สำคัญในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งทักษะที่ว่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “การรับรู้” ว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยความหลากหลาย แต่เป็น “การยอมรับ เข้าใจ และเคารพ” ความแตกต่างของผู้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ความเชื่อ เพศ สีผิว ไปจนถึงอาหารการกิน ซึ่งคุณครูสามารถเสริมสร้างทักษะนี้ให้กับเด็ก ๆ ได้ตั้งแต่อยู่ในห้องเรียน วันนี้เราเลยรวบรวมไอเดียการสร้างห้องเรียนแห่งความตระหนักรู้ทางสังคมมาฝากคุณครูทุกท่านกัน
ขอบคุณภาพจาก Robert Jones
1. เปลี่ยนจากบทบาท “ผู้สอน” มาเป็น “คนกลาง”
แมทธิว ลินช์ (Matthew Lynch) ที่ปรึกษาด้านการศึกษา และบรรณาธิการของ The Advocate กล่าวว่า ห้องเรียนที่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ครูทั้งหมด (Authoritarian classroom) อาจสร้างความรู้สึกทางลบให้กับเด็ก ๆ เพราะพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างคุณครูกับนักเรียน ดังนั้นเราควรเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และแสดงความคิดเห็นในห้องเรียนมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาเปิดรับ และมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ ซึ่งเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้สอน” มาเป็น “คนกลาง” ที่ชวนเด็ก ๆ ถกประเด็น แชร์มุมมองว่าคิดยังไงกับเรื่องที่เรียนวันนี้ หรืออยากมีรูปแบบการเรียนการสอนแบบไหน เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็ก ๆ กล้าแสดงความคิดเห็น และสร้างบรรยากาศแห่งความเท่าเทียม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย
2. ให้ความสำคัญกับการเรียกชื่อ
แม้ชื่อจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่อาจสร้างความรู้สึกฝังใจให้กับเด็กหลายคนได้เช่นกัน โดยเฉพาะการเรียกชื่อนักเรียนด้วยฉายา หรือชื่ออื่นที่มาจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขา เช่น อ้วน ผอม ขาว ดำ สูง เตี้ย ฯลฯ แม้จะเรียกด้วยความเอ็นดู แต่อาจจะสร้างความรู้สึกแปลกแยก หรือแปะป้ายให้กับเด็กคนนั้นได้ ขณะเดียวกัน การเรียกชื่อแบบนี้ยังเสี่ยงต่อการทำให้เด็กคนอื่น ๆ เลียนแบบพฤติกรรมของคุณครู เพราะพวกเขาเข้าใจผิดไปว่า สามารถนำเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมาล้อเลียนหรือเรียกแทนชื่อกันได้ตามปกติ ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าคุณครูเรียกชื่อจริง ๆ ของนักเรียน และให้ความสำคัญกับเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ขอบคุณภาพจาก Clay Banks
3. เรียนรู้ผ่านเรื่องราว
หลังจากสร้างบรรยากาศแห่งความเท่าเทียมแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการเรียนรู้เรื่องความหลากหลาย โดยให้เด็ก ๆ เล่าเรื่องราวของตัวเอง หรือค้นคว้าเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างจากตัวเอง เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน เช่น
เด็กชาย A มาจากภาคเหนือ ให้ค้นคว้าเรื่องอาหารท้องถิ่นภาคอีสานมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เมื่อเล่าจบ คุณครูก็เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ จากภาคอีสานได้แสดงความคิดเห็นบ้าง เพราะบางครั้ง “ข้อมูลที่ค้นคว้ามา” กับ “ชีวิตจริง” อาจไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เมื่อเกิดบทสนทนา และการแลกเปลี่ยนกันแบบนี้จะทำให้เด็ก ๆ ได้มากกว่าความรู้ แต่ยังได้ความเข้าใจจากการฟัง ถาม และแบ่งปันมุมมองกับเพื่อน ๆ อีกด้วย
4. ชวนคิดผ่านคำถาม “ถ้าเป็นเราจะ...”
นอกจากความเข้าใจในเชิง “ความรู้” แล้วคุณครูยังสามารถสร้างความเข้าใจในเชิง “ความรู้สึก” ได้ด้วยการยกตัวอย่างจากนิทาน เรื่องเล่า หนัง ข่าว เพลง หรือเหตุการณ์สมมติ แล้วตั้งคำถามว่า “ถ้าเป็นเราจะคิด/ รู้สึก /ปฏิบัติตัวอย่างไร ในสถานการณ์นั้น ๆ” เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาได้ฝึกมองจากมุมของคนอื่น และทำให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ผู้คนที่แตกต่างจากตัวเองมากยิ่งขึ้น
5. ฝีกทักษะผ่านการเล่นเกม
สำหรับไอเดียส่งท้ายวันนี้ คือการจัดกิจกรรมที่ชวนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้แบบสนุกยิ่งขึ้น โดยอาจเป็นการแสดงบทบาทสมมุติ หรือเล่นเกมอย่าง “เกมจัดการกับภาพเหมารวม (Stereotype) ด้วยมันฝรั่ง” ที่เริ่มจากการให้เด็ก ๆ สุ่มหยิบมันฝรั่งไปพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วออกมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ฟังว่าเจ้ามันฝรั่งในมือนี้ต่างจากมันฝรั่งทั่วไปยังไงบ้าง ก่อนจะปิดท้ายกิจกรรมว่า มันฝรั่งที่ดูเผิน ๆ แล้วหน้าตาคล้ายกันทั้งหมด ก็เหมือนกับคนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน สังคมเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมชาติที่เราจะมองแบบเหมารวม แต่ถ้าเราได้ใช้เวลาทำความรู้จักจริง ๆ แล้วจะรู้ว่ามันฝรั่งแต่ละหัว หรือคนแต่ละคน มีความพิเศษเป็นของตัวเอง และโลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลายท่ามกลางภาพเหมารวมที่เราคิดไว้ตอนแรก
ขอบคุณภาพจาก Franco Antonio Giovanella
ส่วนอีกเกมหนึ่งที่น่าสนใจ คือ “เกมจริงหรือไม่ (Is That a Fact?)” โดยใช้บัตรคำเขียนข้อความต่าง ๆ แล้วให้เด็ก ๆ ฝึกแยกประโยคเหล่านี้ว่าเป็น ข้อเท็จจริง หรือ ความคิดเห็น เพื่อให้พวกเขาได้ลองฝึกคิดวิเคราะห์ผ่านสถานการณ์จำลอง จนเกิดความเคยชินก่อนจะออกไปเผชิญโลกแห่งความจริง (ติดตามกิจกรรมอื่นๆ ได้ที่ Cultural awareness and expression exercises)
นอกจาก 5 ไอเดียนี้แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้ทางสังคม และวัฒนธรรมให้กับเด็ก ๆ โดยคุณครูสามารถปรับเปลี่ยน และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ได้ตามบริบทและสถานการณ์นั้น ๆ โดยที่ยังคงหัวใจสำคัญของทักษะนี้ นั่นคือ “การยอมรับ เข้าใจ และเคารพ” ความหลากหลายของคนในสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก
Related Courses
Social and cultural awareness classroom
ห้องเรียนความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม เป็นการออกแบบการเรียนรู้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม ให้ผู้เ ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
วัยรุ่นยุคใหม่ ต้องรู้เท่าทันโลกโซเชียล (Media Literacy)
ถึงเวลาที่น้องๆ ต้องรู้เท่าทันโลกโซเชียล เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตทำให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและสะดวกต่อการเข้าถึ ...
วัยรุ่นยุคใหม่ ต้องรู้เท่าทันโลกโซเชียล (Media Literacy)
การจัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (EE)
เพื่อให้นักการศึกษาได้ตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เป้าหมาย และประโยชน์ของการศึกษารวมถึงความสำคัญของการบูรณาการของ ...