ครูแนะให้ถ้าหนูอยากเป็น...
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร? ”เป็นคำถามที่ผู้ใหญ่มักถามเด็ก ๆ อยู่เสมอ อาจมีทั้งเด็ก ๆ ที่ตอบได้ว่าในอนาคตพวกเขาอยากเป็นหมอ, อยากเป็นวิศวกร หรืออยากเป็นผู้กำกับ แต่อาจมีเด็ก ๆ บางคนยังไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นพวกเขาอยากมีอาชีพอะไร และหน้าที่การสานฝันให้กับเด็ก ๆ นั้นนอกจากครอบครัวแล้ว คนที่สำคัญอีกคนก็คงจะเป็น “ครู” ซึ่งการหาคำตอบให้กับเด็ก ๆ นั้นไม่สามารถบอกพวกเขาได้โดยตรงแต่คำตอบนั้นอยู่ในตัวพวกเขา ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำ ได้เรียนรู้จะส่งผลให้พวกเขาพบคำตอบในการค้นหาตัวเอง
ตามหลักทฤษฎีการเลือกอาชีพของ John L. Holland กล่าวว่า “การสังเกตบุคลิกภาพของตัวเอง สามารถค้นหาอาชีพที่เหมาะสมได้ โดยมี 6 ประเภท”
ด้าน Social หรือการพบปะผู้คน กลุ่มนี้จะไม่ค่อยชอบงานที่เกี่ยวกับเครื่องยนตร์ แต่จะชอบงานด้านการบริการ สามารถสังเกตได้จากการชอบช่วยเหลือผู้อื่น การพูดคุย หรือการเข้าสังคมของเด็ก ๆ อาชีพที่เหมาะสมกับด้านนนี้ก็จะมี หมอ ครู ประชาสัมพันธ์ นักฝึกอบรม มัคคุเทศก์ กลุ่มงานโรงแรม เป็นต้น
ด้าน Investigate หรือ การวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา และช่างสังเกต กลุ่มนี้จะชอบงานวิชาการ ชอบอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน ท้าทาย ชอบด้านวิทยาศาสตร์และคำนวณ โดยเฉพาะได้ได้วิเคราะห์ได้แก้ปัญหา ไม่ชอบการเข้าสังคม อาชีพที่เหมาะสมจะมี นักวิจัย นักวิชาการ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์คำนวณ เป็นต้น
ด้าน Realistic หรือ การชอบใช้เครื่องมือ การชอบใช้เครื่องมือในที่นี้หมายถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กลุ่มงานช่าง ชอบการลงมือทำ ไม่ชอบการเข้าสังคมสักเท่าไหร่ อาชีพที่เหมาะสมจะมี สถาปนิก นักประดิษฐ์ เกษตรกร หรือ วิศวกร เป็นต้น
ด้าน Enterprising หรือ การชอบด้านการวางแผน และกล้าแสดงออก กลุ่มนี้จะชอบวางแผน ชี้นำ หรือมีความเป็นผู้นำ มีความสามารถในการโน้มน้าว อาชีพที่เหมาะสมจะมี นักการตลาด ทนายความ นักการเมือง หรือนักธุรกิจ เป็นต้น
ด้าน Convention หรือ การชอบด้านงานเอกสาร หรือตัวเลข กลุ่มนี้จะละเอียด รอบคอบ เป็นระเบียบ มีความตรงไปตรงมา และจะไม่ค่อยมีหัวทางด้านศิลปะ อาชีพที่เหมาะสมจะมี นักธุรกิจ นักบัญชี เป็นต้น
ด้าน Artistic หรือ การมีความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มนี้จะมีอารมณ์ศิลปิน ชอบการแสดงออก รักอิสระ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ และมีความคิดสร้างสรรค์ แต่จะไม่ชอบอะไรที่อยู่ในระเบียบมากจนเกินไป อาชีพที่เหมาะสมจะมี นักดนตรี ศิลปิน/นักแสดง นักออกแบบ เป็นต้น
แน่นอนว่าทั้ง 6 ด้านเหล่านี้ไม่สามารถวัดได้ภายในกิจกรรมเดียว แต่ต้องค่อย ๆ ให้เด็ก ๆ ค้นหาตัวเองผ่านการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน รวมไปถึงการพูดคุยระหว่างคุณครูกับเด็กด้วย นอกจากครูจะคอยสังเกตพฤติกรรม หรือวัดผลจากการเรียนรู้แล้ว การพูดคุยคอยแนะแนวและให้คำปรึกษานี่แหละสำคัญกับเด็กที่สุด
Related Courses
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Social and cultural awareness classroom
ห้องเรียนความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม เป็นการออกแบบการเรียนรู้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม ให้ผู้เ ...
การสร้างรายได้จากสติกเกอร์ Line
เมื่อยุคเปลี่ยนไปการสื่อสารกันในชีวิตประจำวันเปลี่ยนตาม จากการพูดคุยกลายเป็นการพิมพ์คุยกัน การสร้างสติกเกอร์ไลน์จึงเป็นอาชีพ ...
Environmental Education (EE)
The goal of the course is to explain to educators what environmental education is, what its goal ...