จัดการเวลาอย่างไรดี? 5 เทคนิคแบ่งเวลาสำหรับทุกคน ทุกวัย
การจัดการเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะหากเรามีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำ ไหนจะทักษะอาชีพที่อยากพัฒนาหรือเจ้าสิ่งต้องทำนั่นที่ไม่อยากทำอีกจะมีเทคนิคหรือเคล็ดลับดีๆ อะไรกันบ้างไหมน้าที่เราสามารถลองหยิบจับนำมาใช้ ฝึกให้เป็นประโยชน์กันได้มาดูๆ ไปพร้อมกันกับ Starfish Labz ในบทความนี้กันเลย
จัดการเวลาอย่างไรดี? 5 เทคนิคแบ่งเวลาสำหรับทุกคน ทุกวัย
1. Pomodoro หนึ่งในเทคนิคการบริหารเวลายอดนิยมที่สุดของคนทั่วโลก Pomodoro คือเทคนิคการแบ่งเวลาทำสิ่งๆ หนึ่งออกเป็นระยะๆ ในแต่ละช่วงระยะจะตามด้วยการพักสั้นๆ และเมื่อทำครบ 4 ระยะดังกล่าวแล้วจึงค่อยพักใหญ่ วิธีการ Pomodoro นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าโดยปกติเราไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานเกินไป การโฟกัสแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ แล้วตามด้วยการพักเป็นชุดๆ ต่อเนื่องกันไปจึงดีกว่าการทำรวดเดียวโดยไม่พักเลย ตัวอย่างการจัดเวลาแบบ Pomodoro อาทิ ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาทีเป็นเวลา 4 รอบติดต่อกันและจากนั้นจึงพักใหญ่ที่ 20 นาทีหรือ 30 นาทีแล้วแต่การจัดของเรา
จุดเด่นของ Pomodoro
- ช่วยเรื่องการวางแผนและจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเวลาความเครียดและการวอกแวก
- ช่วยเปลี่ยนงานยาวๆ ใหญ่ๆ ให้กลายเป็นงานที่รู้สึกง่ายและทำได้เรื่อยๆ หรือรู้สึกเหนื่อยน้อยลง
- ช่วยฝึกทักษะการพักระหว่างการทำงานสำหรับคนไม่ค่อยชอบพัก
- ช่วงเวลาที่พัก สามารถทำสิ่งต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น ยืดเส้นยืดสายหรือผ่อนคลายร่างกายอย่างเบาๆ
2. Eat that Frog กินเจ้ากบนั่นซะ!’ และใช่นี่คือชื่ออีกหนึ่งสุดยอดเทคนิคสำหรับใครก็ตามที่มักผลัดงานที่ตัวเองไม่ชอบออกไป Eat that Frog คือเทคนิคบริหารเวลาและวางแผนการทำงานที่ให้เราเลือกสิ่งที่ต้องทำที่สุดก่อน หรือสิ่งที่เราอาจไม่อยากทำที่สุดแต่ต้องทำ (‘เจ้ากบ’) และจัดมันลงในรายการสิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกในตอนเช้า โดยเมื่อทำสิ่งนี้แล้ว เราจึงจะสามารถไปทำอย่างอื่นได้ เรียกว่าเป็นการช่วยกระตุ้นให้เราทำในสิ่งที่เราอาจจะมักผลัดหรือไม่อยากทำมาตลอดนั่นเอง
จุดเด่นของ Eat that Frog
- ช่วยเรื่องการวางแผนและจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเวลาความเครียดจากการผลัดงาน
- ช่วยให้เราลงมือทำสิ่งที่เราอาจกังวลหรือกลัว
- ช่วยเปลี่ยนความกังวลในการลงมือให้กลายเป็นความสนุกและความท้าทายในการทำให้สำเร็จ
3. Time Blocking หากใครชอบการจัดการเวลาแบบเป๊ะๆ อีกหนึ่งเทคนิคการจัดการเวลาที่ต้องลองก็คือ Time blocking เทคนิคการจัดตารางชีวิตรายสัปดาห์ที่แบ่งหรือซอยเวลาในหนึ่งวันออกเป็นส่วนๆ แล้วกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนของแต่ละส่วนว่าจะทำอะไรบ้างและใช้เวลาเท่าไหร่ จุดเด่นของ Time Blocking แน่นอนว่าคือการวางแผนที่ไม่ใช่ ‘แค่ต้องทำอะไรบ้าง’ แต่ยังรวมถึง ‘ต้องทำเมื่อไหร่’ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทั้งในรูปแบบสำหรับการวางแผนวันต่อวัน รายสัปดาห์ หรือหากวันไหนที่ไม่ได้มีสิ่งที่ต้องทำเยอะ อยากแค่จัดเวลาลงสำหรับ 1-2 อย่าง วิธีการนี้ก็ใช้ได้เช่นกัน
จุดเด่นของ Time Blocking
- ช่วยเรื่องการวางแผนและจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเวลาความเครียดและการวอกแวก
- ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมสิ่งที่ต้องทำตลอดวัน รวมถึงตลอดสัปดาห์หากเราวางแผนแบบรายสัปดาห์
- ช่วยให้เราใช้เวลาไปอย่างชาญฉลาด รู้ว่าเวลานี้ทำสิ่งนี้ ตรงนั้นทำสิ่งนั้น ส่วนช่วงนี้มีเวลาเหลือ
4. The 10-Minute Rule เคยไหมเห็นงานแสนยากแสนใหญ่ ถอดใจไม่อยากทำทุกที The 10-Minute Rule คือทริคสุดง่ายแต่แสนเจ๋งที่ชวนเรามาลองทำไปก่อนสัก 10 นาทีแล้วค่อยดูต่อว่าเราอยากทำต่อหรืออยากหยุด เจ้าเทคนิคสุดฉลาดนี้ตั้งอยู่บนความจริงที่ว่าโดยปกติแล้วเมื่อเราเริ่มทำสิ่งใดไปสักหน่อย เราก็จะอยากทำมันไปเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อทำไปสัก 10 นาทีก็ยิ่งมีโอกาสที่เราจะอยากทำต่อให้เสร็จนั่นเอง แถมพอลองทำไปแล้วยังรู้สึกอีกด้วยว่าไม่ได้ยากจนเกินไป และการตั้งเวลาให้น้อยๆ ไว้ก่อนก็เป็นการสร้างแรงจูงใจ ไม่ให้เรารู้สึกว่ามันยากหรือต้องใช้เวลานานเกินไปกว่าจะเสร็จนั่นเอง
จุดเด่นของ The 10-Minute Rule
- ช่วยเรื่องการผลัดการทำงาน
- ช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่เราอาจมองว่ายากหรือใช้เวลานาน
- ช่วยให้เราคลายความกังวลเวลาเจองานยากๆ หรืออยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีอารมณ์ทำงาน
5. Biological Prime Time Biological Prime Time คือช่วงเวลาที่เรามัก Productive และมีสมาธิมากที่สุด แนวคิดดังกล่าวนี้ถูกพูดถึงครั้งแรกในหนังสือ Work the System ซึ่งเขียนโดย Sam Carpenter ว่าแต่ละคนล้วนมี Biological Prime Time แต่อาจจะแตกต่างกันบ้าง ขึ้นอยู่กับร่างกายและนาฬิกาชีวิต รวมถึงวิถีในการดำรงชีวิต (Lifestyle) โดยสำหรับเทคนิคนี้ สิ่งสำคัญคือการหาช่วงเวลา Biological Prime Time ดังกล่าวของเราผ่านการสังเกต บางคนอาจมักเป็นช่วงเช้า บางคนเป็นช่วงบ่าย หรือบางคนเป็นช่วงดึก ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะต่อการทำงานยากๆ หรืองานที่เราอยากทำมากที่สุดก่อน รวมถึงการรู้ช่วงเวลาเหล่านี้หรือการสังเกตนาฬิกาพลังงานตัวเองยังช่วยให้เราสามารถวางแผนการพักหรือการเพิ่มพลังงานระหว่างวันได้อีกด้วย
จุดเด่นของ Biological Prime Time
- ช่วยเรื่องการวางแผนและจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเวลาความเครียดและการวอกแวก
- ช่วยเสริมการวางแผนการพักผ่อนและการเพิ่มพลังงานระหว่างวัน
- ช่วยให้เรารู้ช่วงเวลาการทำงานที่ดีที่สุดของตนเอง
ใครที่กำลังมองหาวิธีการบริหารเวลาที่ดี ไม่ว่าจะเพื่ออัปทักษะอาชีพหรือเพื่อกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ต้องลองหนึ่งในวิธีด้านกันบนเลย
อ้างอิง:
Related Courses
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอการเรียนรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ การปฐมพยา ...
5 เทคนิคเลคเชอร์ ให้จำได้ ทบทวนบทเรียนแบบง่ายๆ
อยากเกรด A ต้องทำยังไง? คอร์สนี้มีคำตอบกับ 5 เคล็ดลับ! สุดเจ๋ง ที่จะช่วยให้จดจำเนื้อหาได้ยาวนาน ทบทวนสนุก สมองปลอดโปร่ง ...
เกมจิตวิทยาค้นหาตัวตน
อยากรู้ตัวเองมากขึ้นไหม? มาเล่นเกมค้นหาตัวตนกัน! คอร์สออนไลน์สนุกๆ ที่จะพาคุณไปเจอตัวเองที่แท้จริง" ค้นพบความถนัด ศักยภ ...
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...