บ่อยครั้งที่คุณครูอาจเห็นเด็กนักเรียนบางคนมีพฤติกรรมก่อกวนเรียกร้องความสนใจจากคุณครูมีงานวิจัยมากมายบอกว่าการชมเชิงบวกที่เฉพาะเจาะจงสามารถลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้และมากกว่านั้นคือ เราอาจใช้คำชมเชิงบวกที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มพฤติกรรมอันพึงประสงค์ที่เราต้องการสร้างให้เด็กก็ทำได้เช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราการใช้คำชมของคุณครูต่อการตำหนิ คือ 4:1 โดยมีการชมประมาณ 6 ข้อความในทุกๆ 15 นาที ซึ่งอาจจะฟังดูเหมือนเยอะแต่อยากให้คุณครูลองปรับมุมมองดูว่าเราสามารถชื่นชมนักเรียนได้อย่างไม่จำกัดแต่ต้องชมอย่างมีเป้าหมายด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงแก่นักเรียนมากที่สุดมาดู 7 ลักษณะของการชมเชยที่สร้างแรงบันดาลใจกัน
1. ชมอย่างจริงใจและต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเด็กๆ จะรู้ว่าเราชมเขาอย่างจริงใจหรือไม่ หากคุณครูไม่เคยชื่นชมเด็กๆ เลยอาจจะเริ่มต้นด้วยการบอกว่า “คุณครูขอชมเราหน่อยได้ไหม” เป็นวิธีการที่ดีที่จะเริ่มให้เด็กๆ เปิดใจกับเราและเมื่อเด็กๆ พร้อมที่รับคำชมขอให้คุณครูสบตาและชมในพฤติกรรมที่คุณครูเห็นเขาทำ
2. ชมแบบเฉพาะเจาะจงและสังเกตได้ คุณครูจะต้องระบุชื่อนักเรียน กลุ่มนักเรียน หรือพฤติกรรมที่นักเรียนทำได้ดี หากคำชมยังไม่ชัดเจน คุณครูขอให้นักเรียนทำพฤติกรรมนั้นซ้ำอีกครั้ง แทนที่จะชมว่า “ทำได้ดีมาก” เท่านั้น
3. ชมทันทีที่เห็นเหตุการณ์นั้น เพราะจะช่วยให้นักเรียนเห็นถึงความชัดเจนของพฤติกรรมที่ดีที่ตนเองได้ทำ เช่น เด็กชายเอ ดีมากเลยที่อ่านทวนโจทย์ปัญหานั้นอีกครั้งก่อนที่จะตอบคำถามครู เธอเป็นคนละเอียดรอบคอบดีมากๆเลย” เป็นต้น
4. ชมที่กระบวนการ ไม่ใช่ความสามารถ คือ คุณครูต้องชื่นชมนักเรียนที่สามารถมีความพยายาม หรือความรอบคอบ มากกว่าการชื่นชมว่า “ใครเก่ง”
5. ชมที่ทักษะของนักเรียนที่คุณครูเห็น เช่น เมื่อเห็นนักเรียนพยายามแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ คุณครูอาจจะบอกว่า “ว้าว ครูเห็นเจมส์พยายามวาดรูปความเชื่อมโยงของปัญหาที่ซับซ้อนเพื่อให้ตนเองเข้าใจได้มากขึ้น นี่คือทักษะที่นักคณิตศาสตร์ที่ดีเขาทำ”
6. ชมที่พฤติกรรมที่สนับสนุนการจัดการห้องเรียนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน เช่น “ขอบคุณบอลมากเลยนะ ที่ช่วยนำอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครูเพื่อที่จะให้กลุ่มอื่นๆ สามารถทำงานต่อได้อย่างทันเวลา”
7. ชมที่ทักษะที่เกี่ยวข้องกับรายวิชาที่คุณครูสอน เช่น “หญิง เธอออกเสียงตัว R และตัว L ได้ชัดเจนดีมากเลยนะ” นอกจากคำชมที่คุณครูมอบให้นักเรียนแล้วคุณครูอาจจะต้องแสดงความตื่นเต้นทำให้นักเรียนรู้สึกถึงความพิเศษของตนเองที่ทำพฤติกรรมเชิงบวกเพราะคำชื่นชมจะกระตุ้นให้สมองหลั่งโดปามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้นักเรียนรู้สึกดีและมีแรงจูงใจในช่วงแรกของการเริ่มต้นชื่นชมคุณครูอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อทำให้เป็นธรรมชาติแต่ขอให้คุณครูนึกเอาไว้เสมอว่าเราควรต้องชื่นชมนักเรียนด้วยความจริงใจเป็นอันดับแรกและขอให้มีความเชื่อว่านักเรียนทุกคนสามารถพัฒนาได้
แปลและเรียบเรียง
Related Courses
ปรับ Mindset เปลี่ยนวิธีคิด สร้างสุขให้ตัวเอง
คอร์สเรียนนี้จะเป็นการเรียนรู้เพื่อปรับ Mindset เปลี่ยนวิธีคิดของตนเอง เพื่อสร้างความสุข ฝึกให้เรามีความมั่นใจ รู้จักตัวตนแล ...



ปรับ Mindset เปลี่ยนวิธีคิด สร้างสุขให้ตัวเอง
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Micro Learning ห้องเรียนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ (เด็กสมาธิสั้น)
แนวทางการดูแลรักษาเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการมีภาวะสมาธิสั้น ต้องผสมผสานการรักษาหลายวิธี ถ้าเด็กได้รับการดูแลช่วยเหลือที่ถูกต้ ...



Micro Learning ห้องเรียนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ (เด็กสมาธิสั้น)
Micro Learning การฟื้นฟูภาวะถดถอยด้วยการช่วยเหลือผู้เรียน
การเรียนรู้ที่ถดถอยจะหายไป หากได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากผู้มีความชำนาญ และการสร้างความร่วมมือผ่านการเรียนรู้ของคณะ ...



Micro Learning การฟื้นฟูภาวะถดถอยด้วยการช่วยเหลือผู้เรียน
เทคนิคสอนภาษาไทยแบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA) ฉบับครูมัธยม
การสอนภาษาไทยผ่านกระบวนการ Active Learning เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลากหลายรูปแ ...



เทคนิคสอนภาษาไทยแบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA) ฉบับครูมัธยม
Related Videos


5 วิธี เช็คข่าวปลอม ชัวร์ก่อนแชร์


(ENG) ขั้นตอนที่ 4 : การจัดการเรียนรู้ - รร.วัดกู่คำ จ.เชียงใหม่


Just Listen แค่ฟัง...ด้วยหัวใจ

