5 ทริคเปลี่ยนห้องเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นการเรียนรู้ที่ทันสมัย
สำหรับการเรียนการสอนในปัจจุบันรวมถึงการศึกษาไทยในอนาคตของเราแล้วนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงในระดับระบบหรือโครงสร้างต่างๆ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือการเรียนรู้และพัฒนาในเรื่องการสอนโดยเฉพาะเทคนิคการสอนใหม่ ๆ การเรียนรู้ที่ทันสมัยที่สามารถช่วยให้เกิดประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม
เพื่อเป็น Guideline ให้กับคุณครูในบทความนี้ Starfish Labz จึงขอทำหน้าที่พาคุณครูทุกคนมาเรียนรู้ 5 เคล็ดลับตัวอย่างการเปลี่ยนห้องเรียนแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นห้องเรียนที่ทันสมัยขึ้นมาค่ะ แต่เอ้ การเรียนรู้ที่ทันสมัยที่ว่านี่คืออะไรกันนะมาเริ่มจุดแรกไปที่สิ่งนี้กันก่อนเลย
การเรียนรู้ที่ทันสมัยคืออะไร?
พอใช้คำว่าเป็นการเรียนรู้ที่ทันสมัยหลายๆ คนอาจรู้สึกว่าโอ้ มันคงต้องเว่อร์วังอลังการแต่จริงๆ แล้วเจ้าคำนี้ไม่ได้หมายถึงให้คุณครูต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่เลยค่ะ แต่หมายถึงทักษะความรู้ ความสามารถของคุณครูที่มีการคอยอัปเดตหรือมีการเปลี่ยนแปลงให้ตรงกับช่วงเวลาในปัจจุบัน มีการค้นหาพัฒนาเคล็ดลับการสอนใหม่ๆ หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นการสอนที่มีการคอยทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าแบบนี้ดีไหมแบบนี้ใช่หรือเปล่าทำให้การสอนของเรามีความเป็นสมัยใหม่ ไม่ได้แปลว่าต้องใช้แต่อะไรใหม่ ๆ เราจะใช้เคล็ดลับหรือเครื่องมือเก่าๆ มาร่วมด้วยก็ได้ สิ่งสำคัญคือมีการพัฒนามีการคอยปรับให้ตอบโจทย์การสอนของเราและการเรียนรู้ของเด็กๆ
แนวคิดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้ตั้งอยู่บนแนวคิดการศึกษาแบบสมัยใหม่ ที่เน้นให้คุณครูเป็นผู้ช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในห้องเรียนด้วยเรียกได้ว่าเป็นการมีส่วนร่วมแบบ Active Participation ในการช่วยออกแบบการเรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็กๆ ให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
5 ทริคเปลี่ยนห้องเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นการเรียนรู้ที่ทันสมัย
1.Hybrid Learning - เปลี่ยน 1 ภาคการศึกษา On-Site แบบเก่าๆ ให้กลายเป็น 1 ภาคการศึกษาสุดคูลแบบใหม่ๆ
หากเดิมเราคุ้นเคยแต่การสอน On-Site แบบเก่าๆ ชินแต่กับการสอนที่เน้นการบรรยายด้วยกระดาษและเอกสารหนาๆ เทคนิคแรกที่ Starfish Labz อยากอย่างยิ่งก็คือการบวกเอาเครื่องมือทางเทคโนโลยีหรือแบบออนไลน์มาใช้เพื่อช่วยให้ Classroom ของเรามีความน่าสนใจ น่าสนุกเรียนรู้และช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีจริงๆ ต่อเด็กๆ นั่นเองค่ะ
เครื่องมือ อาทิ กระดานดิจิทัล, แอปช่วยเรียน-ช่วยสอน, แอปเรียนรู้เชิงภาษา ไปจนถึงแอปช่วยคุณครูประเมินก็ล้วนสามารถนำมาใช้ได้ทังนั้น หัวใจสำคัญคือการเลือกเครื่องมือที่ใช่ ตรงใจการใช้งานเราจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เหมือนคนอื่นแต่เป็นที่เรารู้สึกว่า ‘นี่แหละ เป็น EdTech ที่ใช่สำหรับเราที่ดีจริงๆ’
2.Teaching Technique - เคล็ดลับการสอนใหม่ๆ ตัวช่วยเปลี่ยนการสอนให้สดใสกว่าเดิม
กว่าจะเป็นคุณครูได้ เราย่อมผ่านการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองมากแล้วมากมายแต่แม้เราจะผ่านขั้นตอนการฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการต่างๆ มาเยอะแค่ไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็ยังมีเคล็ดลับรูปแบบการสอนใหม่ ๆ มากมายที่ช่วยเปิดโลกของเราและเด็กๆ ได้อย่างดีเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการสอนอย่าง Active Learning, Brain-Based Learning หรือ Problem-Based Learning คุณครูก็สามารถลองนำมาปรับใช้ได้ผ่านทั้งการลงเรียนในคอร์สต่างๆ โดยตรงรวมถึงการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองซึ่งเทคนิคเหล่านี้จริงๆ แล้วเป็นเทคนิคที่ไม่ได้ยากเลยค่ะ เพียงแค่อาจต้องอาศัยการเรียนรู้และการศึกษาค้นคว้าสักหน่อยเท่านั้นเอง
3.Flexible Learning - ชนะใจเด็กๆ ด้วยการเรียนรู้แบบอิสระ
Flexible Learning หมายถึงการให้การศึกษาที่ยืดหยุ่นและสำหรับคุณครูที่กำลังมองหาวิธีดีๆ ในการเอาชนะใจเด็กๆ อยากเปลี่ยนห้องเรียนที่อาจรู้สึกหม่นหมองให้เป็นห้องเรียนที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา อีกหนึ่งวิธีที่ Starfish Labz ขอแนะนำก็คือการใช้วิธีการสอนแบบ Flexible Learning เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในจุดต่างๆ ของการเรียนรู้ตั้งแต่การเลือกเนื้อหาที่อยากเรียนไปจนถึงสถานที่ที่อยากใช้ในการทำกิจกรรมหรือการทำสิ่งต่างๆ เครื่องมือที่เขาสนใจ EdTech ที่เขาอยากใช้ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจฟังดูเหมือนไม่สำคัญ แต่พอเอามาใช้จริงๆ บอกเลยว่าสามารถช่วยเสริมสร้างคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้อย่างยิ่ง
4.Outdoor Learning - เรียนในห้องสนุกอะไร ต้องก้าวออกไปสู่โลกกว้าง~
Outdoor Learning หมายถึงการเรียนรู้นอกห้องเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนคล้ายๆ กับการทัศนศึกษาที่เราอาจคุ้นกันแต่เมื่อพูดถึง Outdoor Learning หรือ Outdoor Education ในบริบทการเรียนรู้ที่ทันสมัยนี้สามารถเป็นการเรียนรู้แบบเล็กๆ นอกห้องเรียนในโรงเรียน หรือจะเป็นทริปใหญ่ๆ แค่ 1 – 2 ชั่วโมง สามารถมีได้เรื่อยๆ ตลอดภาคการศึกษาจึงทำให้แตกต่างจากการทัศนศึกษาทั่วๆ ไปนั่นเองค่ะ
จุดเด่นแน่นอนว่าคือความสนุกความแปลกใหม่และยังเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ได้จริงไม่กินเวลานานจนเกินไปเมื่อเทียบกับการทัศนศึกษาแบบเก่าๆ ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้เชิงประสบการณ์การเรียนรู้ผ่านการลงพื้นที่จริง เชิงปฏิบัติช่วยให้ความรู้มีโอกาสติดตัวเด็กๆ ไปได้มากกว่าแค่เพียงการอ่านหรือท่องจำหรือแม้กระทั่งการสอบได้คะแนนดีนั้นก็ยังไม่อาจเทียบเท่าตอนที่เด็กๆ ได้มีความทรงจำการเก็บเกี่ยวความรู้เหล่านี้เป็นการเรียนรู้ในลักษณะการอยู่ร่วมกับประสบการณ์เรียกได้ว่าใครที่กำลังมองหาการสอนแบบใหม่อยากให้ได้ผลจริงแบบชัดๆ ต้องลอง Outdoor/Activity Learning เลย
5.Gamification - เปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นพื้นที่แสนสนุก
Gamification คือ วิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ อย่างสนุกสนานท้าทายผ่านการใช้องค์ประกอบด้านต่างๆ ในลักษณะเกม ได้แก่ การตั้งเป้าหมายให้เกิดความสนุกและเกิดความท้าทายเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วจึงเกิดการให้รางวัลทำให้เกิดการแข่งขันในผู้เล่น(ผู้เรียน) และมีผลป้อนกลับ (Feedback) เพื่อใช้ในการจัดลำดับมาปรับใช้กับการเรียนการสอนเพื่อกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเกมที่คุณครูออกแบบเองรวมถึงการใช้ EdTech เชิงเกมเข้ามาช่วยถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับการสอนแบบใหม่ล่าสุดที่คุณครูต้องลองเลยค่ะ
อ้างอิง:
Related Courses
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Micro Learning การดูแลสุขภาพใจ ป.1-3
การที่เด็กอารมณ์ดี มีความร่าเริงแจ่มใสจะมีผลต่อพัฒนาการในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น สมอง จิตใจ และร่างกาย แต่หากอารมณ์ไม่ ...
สร้าง Self-Esteem เสริมคุณค่าให้กับนักเรียนอย่างไร
Self-Esteem หรือ การเคารพและเห็นคุณค่าของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สามารถรับมือกับอารมณ์และสถานการ ...