วิธีฝึกลูกพูด 3 ภาษาได้ง่ายๆ ที่พ่อแม่ก็ทำได้
ภาษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับเด็กๆ ยุคนี้ เด็กๆ สมัยนี้จะเห็นได้ว่าพูดได้มากกว่า 2 ภาษาเลยทีเดียว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ก็หันมาสนใจและพลักดันให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านได้ลองฝึก ลองพูดกัน แต่ก็มีหลายอย่างหลายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะได้ยินมาแบบผิดๆ เกี่ยวกับการสอนภาษาของลูก อย่างเช่น
เด็กที่เรียนรู้หรือโตมามากกว่า 1 ภาษาจะค่อนข้างสับสน บอกเลยว่าความเชื่อนี้ถือว่าผิดและไม่จริงเลยค่ะ จริงๆ แล้ว ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เด็กที่เกิดมาทุกคนสามารถบอกถึงความแตกต่างในหลายๆ ภาษาได้ เมื่อเด็กๆ อายุยังน้อยหรือเป็นทารก เขาไม่สามารถบอกถึงความแตกต่างในหลายๆ ภาษา ในอายุที่น้อยขนาดนั้นได้ แต่พอ 6 เดือน เด็กๆ จะสามารถเข้าใจได้หมด แต่หากเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกันไม่ต่างกันมาก เด็กแรกเกิดจะสามารถทำความเข้าใจได้ทันทีพร้อมกันได้เลยนั้นเองค่ะ
อีกความเชื่อนึกที่เคยได้ยินมาที่คิดว่าอาจจะเข้าใจผิด นั้นก็คือ การที่เลี้ยงลูกแบบสองภาษาหรือมากกว่านั้นจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กพูดช้า ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก เด็กที่ถึงจะพูดช้าแต่อยู่ในสังคมที่พูดสองภาษาก็สามารถฝึกเรียนรู้ได้ เท่ากับเด็กที่พูดช้าแต่เรียนรู้ภาษาแม่ภาษาเดียวอยู่ดี
เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงมีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกฝึกพูด 3 ภาษามาฝากกัน ไปดูกันเลย
1. แบ่งกันว่าพ่อหรือแม่ใครจะสื่อสารภาษาอะไร
เรียกได้ว่าตกลงกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องก็ยังได้ค่ะ พอเขาลืมตาดูโลกมาก็จะได้ยินภาษาที่พ่อแม่พูดจะสองหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่ตกลงกันให้เรียบร้อยเสียก่อน หรือพอโตขึ้นมาอาจจะให้คนที่บ้านอย่างคุณปูพูดอีกสักภาษาทีหลังก็ได้ค่ะ พูดเป็นประจำจนเรียกได้ว่าเป็นภาษาาที่พูดกันปกติ ก็จะทำให้เด็กๆ ซึมซับไปได้ค่ะ
2. สำเนียงไม่ต้องเป๊ะก็สอนได้
จริงๆ แล้วการสอนภาษาที่พ่อแม่อาจจะเป็นกังวลน่าจะเป็นเรื่องสำเนียง ซึ่งจริงๆ แล้วหากสำเนียงดีก็ดีไป แต่ถ้าสำเนียงไม่ได้แต่ไวยากรณ์และหลักภาษาเป๊ะก็คิดว่าไม่มีปัญหานะคะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปเลยค่ะ ช่วงแรกๆ อาจจะผิดบ้างถูกบ้าง เพราะขนาดภาษาไทยที่เราพูดอยู่ทุกววันเราเองยังใช้กันผิดเลย เพราะฉะนั้นค่อยๆ สอนค่อยๆ พัฒนา เดี๋ยยวเด็กๆ ก็จะได้ฝึกและได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ เองตามธรรมชาติค่ะ
3. มีวินัยในการใช้ภาษา
หากคุณพ่อคุณแม่แบ่งภาษาแล้วก็ต้องใช้ภาษานั้นในการพูดคุยกับลูกอย่างจริงจังนะคะ มีหลุดๆ บ้างก็รีบพูดภาษาที่เราแบ่งกันไว้ทันที ซึ่งช่วงแรกๆ อาจจะลำบากสักหน่อย แต่เชื่อเถอว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันจะคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ พูดทุกวันด้วยคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ปรับไปเป็นประโยคยาวๆ รับรองว่าพูดทุกวันแบบนี้เด็กๆ ได้ภาษาที่เราต้องการแน่นอนค่ะ
4. หาเครื่องมือช่วยฝึก
เครื่องมือในที่นี้หากคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะไม่ค่อยคล่องภาษาเท่าไหร่ อาจจะนำเอาพวกหนังสือการ์ตูนภาษาอังกฤษ หนังสือนิทาน ร้องเพลงภาษาอังกฤษ หรือหากเป็นเด็กโตหน่อยก็อาจจะให้ลองดูหนังดูการ์ตูนที่เป็นภาษาอื่นๆ แต่ก็ต้องอยู่ในการควบคุมของคุณพ่อคุณแม่นะคะ หรือพวกของเล่นเสริมพัฒนาการด้านภาษาก็ช่วยได้ เช่น การ์ดคำศัพท์ต่างๆ น่ารักๆ เด็กๆ ก็ดูจะสนใจมากอยู่เลยทีเดียวค่ะ
5. เน้นกิจกรรมมากกว่าที่จะสอนตรงๆ
เพราะการเล่นของเด็กคือการเรียนเรียน ยิ่งการจับลูกมานั่งเรียนนั่งสอนเรียกว่าวัยนี้ควรเน้นไปที่กิจกรรมเสียมากกว่า อาจจะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับคนอื่นๆ และใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารหรือแฝงไปในกิจกรรมนั้นๆ ไปในตัวยิ่งดีเลยค่ะ เด็กๆ จะเรียนรู้ผ่านการเล่นได้โดยอัตโนมัตินั้นเอง
6. ฝึกจากสิ่งต่างๆ รอบตัวได้
เช่น เมื่อไหร่ที่นั่งรถออกนอกบ้าน พ่อแม่ควรจะชักจูงหรือชวนให้ลูกลองมองลองอ่านสิ่งต่างๆ ที่ผ่านตา ชวนคุยและลองทดสอบคำศัพท์ใหม่ๆ นอกบ้าน เช่น ในห้างสรรพสินค้าก็จะมีขนมต่างๆ มากมายตามแผนกต่างๆ ก็มีเยอะแยะ เรียกว่าเป็นแหล่งคำศัพท์ชั้นดีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้เยอะมากเลยล่ะค่ะ
Related Courses
ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดต่อ Covid-19
โรคโรคติดต่อ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันโรค รู้จักป้องกันตนเองและเด็กไม่ให้ติดต่อ โ ...
ฝึกเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยในชีวิตประจำวัน
ภัยในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กๆ ของเรา ดังนั้นผู้ปกครองหรือคุณครูควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กมี ...
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้
ทักษะชีวิตสำหรับเด็กออทิสติก
ออทิสติก เป็นความผิดปกติของพัฒนาการเด็กรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว โดยเด็กไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อคว ...