Antisocial วัยรุ่นต่อต้านสังคมปัญหาพฤติกรรมที่ไม่ใช่แค่การเก็บตัว
“ไม่ชอบออกไปไหน วันๆ เก็บตัวอยู่ในห้อง ถามอะไรไม่ค่อยตอบ มีโลกส่วนตัวสูง” พฤติกรรมเหล่านี้ มักพบได้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นแทบทุกคน เพราะเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พวกเขามักกำลังแสวงหาตัวตน บางคนอาจหมกมุ่นกับกิจกรรมหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ จนดูเหมือนไม่สนใจสิ่งอื่นๆ รอบตัว เช่น หมกมุ่นกับศิลปินคนโปรด หรือหมกมุ่นอยู่กับเกมที่ชอบเล่น ฯลฯ
ผู้ใหญ่บางคนอาจพูดกันขำๆ ว่าวัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่ชอบสังคมเป็นพวก Antisocial ซึ่งความจริงแล้ว พฤติกรรมข้างต้น แตกต่างจากอาการต่อต้านสังคมอย่างสิ้นเชิง เพราะพฤติกรรมข้างต้นเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติตามวัยที่พบได้ในวัยรุ่นปกติทั่วไป ที่แม้จะดูเหมือนเก็บตัวจากพ่อแม่ แต่พวกเขายังเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อน หรือกลุ่มที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน ขณะที่วัยรุ่นที่มีภาวะ Antisocial หรือต่อต้านสังคมจริงๆ นั้น จะมีอาการที่รุนแรงกว่า หรืออาจเรียกได้ว่ามี บุคลิกภาพต่อต้านสังคม ซึ่งเป็นความผิดปกติทางจิตรูปแบบหนึ่ง
บุคลิกภาพต่อต้านสังคมคืออะไร
บุคลิกภาพต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder หรือ ASPD) เป็นความผิดปกติทางจิตรูปแบบหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วยมีนิสัยแข็งกระด้าง ก้าวร้าว ไม่เคารพในสิทธิของผู้อื่น มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง ซึ่งมักเริ่มแสดงอาการชัดเจนในช่วงวัยรุ่น หากไม่รักษาอาจส่งผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม อย่างร้ายแรงได้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าบุคลิกภาพต่อต้านสังคม คือ พวกที่ชอบเก็บตัว ไม่ยอมไปไหน ไม่ค่อยคุยกับใคร จริงๆ แล้ว คนที่ชอบเก็บตัว อาจเป็นเพียงคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง หรือเป็น Introvert ซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวที่ไม่ได้ผิดปกติหรือส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างแต่อย่างใด ตรงข้ามกับคนที่มีบุคลิกต่อต้านสังคม ที่ไม่เพียงพวกเขาจะไม่ชอบเข้าสังคมแล้ว ก็ยังไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ยึดถือความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก และมักไม่พอใจเมื่อต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ขัดแย้งกับความต้องการของตน จึงมีพฤติกรรมแหกกฎ หรือความรุนแรงบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ บุคลิกต่อต้านสังคม มักพบได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุที่แน่ชัดยังไม่สามารถระบุได้ แต่พบว่าปัจจัยด้านพันธุกรรมหรือยีนอาจมีผลทำให้เกิดความผิดปกติ นอกจากนี้ยังพบว่าความผิดปกติของสมองอาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคมได้ เช่น สารเคมีในสมองไม่สมดุล พัฒนาการทางสมองบกพร่อง หรือการได้รับอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนต่อการทำงานของสมอง เป็นต้น
การเลี้ยงดู ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดบุคลิกภาพต่อต้านสังคม กล่าวคือ เด็กที่เติบโตมากับความรุนแรง เห็นพ่อแม่ทำร้ายกัน หรือตนเองถูกทำร้ายร่างกาย ถูกบูลลี่ในโรงเรียน ก็อาจส่งผลให้เกิดบุคลิกภาพต่อต้านสังคมได้เช่นกัน
บุคลิกต่อต้านสังคมแสดงออกอย่างไร
คู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิตเวชของสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ฉบับที่ 5 (DSM-5) ได้จำแนกเกณฑ์การวินิจฉัยโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคมไว้ ดังนี้
- ขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
- อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวง่าย และมีพฤติกรรมก้าวร้าว
- หุนหันพลันแล่น ขาดความยั้งคิด
- ละเมิดกฎเกณฑ์หรือบรรทัดฐานของสังคมบ่อยครั้ง
- มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงที่ละเมิดต่อสิทธิทางร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น
- ไม่มีความรับผิดชอบ ส่งผลให้การใช้ชีวิตครอบครัว การเรียน หรือการทำงานไม่มีคุณภาพ
- เสแสร้งและโกหกหลอกลวง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ
- เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีพฤติกรรมเกเรคล้ายอันธพาล (Conduct Disorder) ตั้งแต่เด็ก หรือยังมีพฤติกรรมต่อเนื่องอยู่
สัญญาณเบื้องต้นของบุคลิกภาพต่อต้านสังคม
หากพ่อแม่พบว่าลูกมักมีพฤติกรรมเกเร ถูกเรียกเข้าห้องปกครองซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือทำผิดซ้ำๆ โดยไม่แสดงอาการสำนึกผิด ทั้งยังไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ชอบแสดงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ทั้งตนเองหรือผู้อื่นได้รับอันตรายโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว นี่ก็อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของบุคลิกภาพต่อต้านสังคมได้อย่างไรก็ตาม แพทย์จะไม่วินิจฉัยว่าเด็กมีอาการต่อต้านสังคมจนกว่าจะอายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนวัย 18 ปี อาจเป็นความท้าทาย อยากรู้อยากลองตามวัย หรืออาจมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม แต่หากวัยรุ่นเกเรมากกว่าปกติ แพทย์อาจวินิจฉัยว่ามีพฤติกรรมเกเรคล้ายอันธพาล (Conduct Disorder) ก่อนอายุ 15 ปีได้ หรือมีพฤติกรรมผิดปกติที่สังเกตเห็นได้ของโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคมตามเกณฑ์ DSM-5 อย่างน้อย 3 อาการก่อนอายุ 15 ปี รวมไปถึงผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับความผิดปกติทางจิต อย่างโรคจิตเภท (Schizophrenia) หรือโรคไบโพลาร์ (Bipolar) อย่างไรก็ตามผู้ป่วยส่วนมากมักไม่ได้เข้ารับการรักษาโรคบุคลิกต่อต้านสังคมโดยตรง เนื่องจากคิดว่าตนเองไม่มีความผิดปกติใด ๆ แต่อาจมาพบแพทย์เมื่อมีปัญหาอื่น เช่น การติดสุราหรือใช้สารเสพติด การป่วยด้วยโรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวล ทำให้โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคมไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
พ่อแม่ทำอย่างไรหากลูกมีบุคลิกภาพต่อต้านสังคม
เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าลูกอาจมีอาการบุคลิกภาพต่อต้านสังคม สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือพาลูกเข้ารับการรักษา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่หายเองได้ เพราะหากยิ่งทิ้งไว้อาจส่งผลเสียต่อลูกและคนใกล้ตัว โดยแพทย์อาจทำการรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด ควบคู่ไปกับการใช้ยา ซึ่งการรักษาอาจแตกต่างกันตามอาการและปัญหาของผู้ป่วย พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรค่อยๆ พูดโน้มน้าวให้เข้าพบจิตแพทย์ ควรเลือกใช้คำพูดที่แสดงความเข้าใจและห่วงใยสุขภาพของวัยรุ่น หรืออาจให้คนที่วัยรุ่นเชื่อใจสนิทใจ เป็นคนช่วยพูดชักจูง การเจรจาควรทำอย่างใจเย็น ไม่เร่งรัด เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่น ในกรณีที่วัยรุ่นมีก้าวร้าวรุนแรงสิ่งสำคัญคือพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ควรโทษตัวเอง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว การมองไปข้างหน้าและหาวิธีแก้ไขย่อมดีกว่าการมองไปในอดีต เพราะโรคนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ หากพ่อแม่ทำดีที่สุดแล้ว เรื่องของพันธุกรรมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
สุดท้ายแล้วการเข้าพบจิตแพทย์ จึงไม่เพียงดีต่อตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องดูแลวัยรุ่นที่มีบุคลิกภาพต่อต้านสังคมด้วย เพราะจะช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองเรียนรู้วิธีการรับมือป้องกันตนเอง รวมทั้งการดูแลจิตใจตนเองให้เข้มแข็งในช่วงเวลายากลำบากนี้ด้วย
แหล่งอ้างอิง (Sources) :
How to Identify a Teenage Personality Disorder
Image สุขภาพ รู้จักกับบุคลิกภาพต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder)
Related Courses
ฝึกเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยในชีวิตประจำวัน
ภัยในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กๆ ของเรา ดังนั้นผู้ปกครองหรือคุณครูควรสอนตั้งแต่เด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กมี ...
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ