การสร้างเครือข่ายที่ดีเพื่อการมีส่วนร่วม
การสร้างเครือข่ายที่ดี มีส่วนสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง ชุมชน หรือองค์กรภายนอกให้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือ สนับสนุนการศึกษาของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้แบบบูรณาการ และยังเป็นการสร้างเครือข่ายที่ช่วยเหลือกันเพื่อพัฒนาความรู้ของผู้เรียนเป็นองค์รวมมากยิ่งขึ้น
บทความนี้ Starfish Labz มีข้อมูลเกี่ยวกับ Network การสร้างเครือข่ายที่ดีเพื่อการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์จากนักพัฒนาการศึกษามูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ จากประสบการณ์จริง จากโค้ชที่ได้แสดงมุมมองการสร้างเครือข่ายที่ดีของโรงเรียนมาฝากกันค่ะ
เปรียบเทียบลักษณะของโรงเรียนที่มีเครือข่ายที่ดีกับโรงเรียนที่มีเครือข่ายไม่ดี
มุมมองของโค้ชเอโรงเรียนที่มีการทำงานร่วมกับเครือข่ายที่ดีทั้งเครือข่ายภายในหรือภายนอก เราจะเห็นว่าครูมีความกระตือรือร้นในการทำงานตามนโยบายของโครงการมีเป้าหมายในการพัฒนาเด็กที่ชัดเจน ยิ่งโรงเรียนไหนมีเครือข่ายภายในที่เข้มแข็ง เช่น ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชนเข้มแข็งก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียนร่วมกัน เห็นความต้องการและแนวทางในการพัฒนาเด็ก เครือข่ายเหล่านี้ก็จะให้ความร่วมมือในการช่วยเหลืออย่างดี และสนับสนุนโรงเรียนเพื่อมีส่วนในการพัฒนาโรงเรียน
ส่วนโรงเรียนที่มีเครือข่ายไม่ดีนั้นจะมองถึงเรื่องการดำเนินงาน การวางเป้าหมายที่ไม่มีความชัดเจน การทำงานที่ค่อนข้างไม่เต็มที่ โดยขาดการกระตุ้นหรือแรงเสริม พอไม่มี โครงการ หรือตัวกระตุ้นเข้ามาครูก็จะสอนตามปกติแต่ไม่มีความกระตือรือร้น ทำงานตามที่ต้นสังกัดสั่ง และมีส่ง
เครือข่ายที่ดีมีความสำคัญและจำเป็นอย่างไร
เครือข่ายจะเป็นแนวทางในการชี้นำ หนุนเสริมการดำเนินงานในโรงเรียน เป็นเครื่องมือให้โรงเรียน พัฒนางานในทุกด้านของโรงเรียน ตามบริบทที่มีอยู่ ซึ่งแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้บริหารโรงเรียนและทีมวิชาการคือส่วนสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนการทำงาน การที่เครือข่ายของโรงเรียน เช่น องค์กรฯ สถาบันมหาวิทยาลัย หรืออื่น ๆ จะได้มีแนวทาง
มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เป็นต้นแบบ เป็นโครงการร่วมหรือ แนวทางส่วนหนึ่งในการพัฒนาโรงเรียนครู นักเรียน ไปพร้อมกันทำให้การขับเคลื่อนมีความชัดเจนบรรลุตามเป้าหมาย
อุปสรรคสำคัญของการสร้างเครือข่ายที่โรงเรียนต้องเอาชนะคืออะไร
โค้ชเอมองว่าอุปสรรคสำคัญในประเด็นแรกคือผู้บริหารที่สร้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้ครูเข้าใจและเห็นแนวทางในการทำงานร่วมกันเพราะครูมีความหลากหลาย หากครูไม่ให้ความร่วมมือ
ไม่เข้าใจจะทำให้การพัฒนา อาจจะสะดุด ไม่ราบรื่น แต่ถ้าผู้นำสามารถเป็นหลักในการพาครูทำ เป็นที่ปรึกษาช่วยคิดแก้ปัญหาก้าวไปพร้อมกันจะทำให้ครูและโรงเรียนขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี
ประเด็นสำคัญชุมชนรอบข้างจะต้องมีการสร้างความเข้าใจให้เห็นแนวทางการศึกษาของโรงเรียนพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ตัวผู้เรียนที่เห็นภาพของการพัฒนาที่ดีขึ้นจะทำให้ชุมชน รวมไปถึงผู้ปกครองเข้าใจว่าผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเกิดความรู้หลักเพียงอย่างเดียว สามารถมีทักษะ สมรรถนะ ที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้ การเรียนรู้ในปัจจุบันเป็นการเรียนรู้จากการลงมือทำไม่ใช่การท่องจำ บุคลากรในโรงเรียน
ผู้ปกครอง ชุมชนต้องเข้าใจ รวมถึงเครือข่ายต่าง ๆ จึงเป็นแรงเสริมสำคัญที่จะช่วยพัฒนาโรงเรียน ผู้เรียน ให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีทักษะที่สามารถนำไปต่อยอดได้
จากบทสัมภาษณ์: นางเจนจิรา เดชชัยพงศ์ (โค้ชเอ) นักพัฒนาการศึกษา
มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
การสร้างเครือข่ายในการทำงานที่ดีนั้น
ในมุมมองของโค้ชแตน มองว่าในแต่ละโรงเรียนจะมีการสร้างเครือข่ายและทำงานร่วมกับองค์กรอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น เครือข่ายชุมชน ผู้ปกครอง สถานพยาบาล หรือตำรวจที่เข้ามาให้ความรู้กับนักเรียนเสมอ ดังนั้น ในการดำเนินโครงการ โค้ชจะต้องช่วยเรื่องการผลักดันโรงเรียนในการทำงานร่วมกับองค์กรภายนอกมากขึ้น
โดยให้เป็นแนวทาง เช่น แนะนำให้โรงเรียนมีการเชิญปราชญ์ชาวบ้านหรือผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาสร้างนวัตกรรมทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งวิทยากรนั้นก็มาจากผู้ปกครองที่มีความรู้ ความสามารถในเรื่องนั้น ๆ ก็สามารถเข้ามามีบทบาท ช่วยเหลือในการจัดการเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียนได้หรืออาจจะเป็นวิทยากรครูจากโรงเรียนเครือข่ายมาให้ความรู้ในเรื่องของระบบสารสนเทศ
ดังนั้น การสร้างเครือข่ายที่ดีนั้นจะต้องเกิดจากการได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งองค์กรภายใน และองค์กรภายนอกให้เข้ามามีบทบาทเป็น ผู้ช่วยในการจัดการเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียน ร่วมกันสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้เรียน
ในฐานะเครือข่ายโรงเรียนมีส่วนให้การสนับสนุนองค์กรอื่น ๆ ได้อย่างไร
สำหรับโค้ชแตนนั้นคือ การสร้างความร่วมมือกับกลุ่มเครือข่ายหรือองค์กรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของ ค่าตอบแทน แต่เป็นการขอความร่วมมือกับชุมชนเข้ามามีส่วนช่วยในการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนและในส่วนของโรงเรียนในเครือข่ายนั้น โค้ชแตนได้ทำงานร่วมกับโรงเรียนเครือข่ายของโครงการมา 2 รุ่น ก็จะแนะนำให้โรงเรียนเครือข่าย รุ่นที่ 2 ได้เข้าไปศึกษาดูงานโรงเรียน
ใน รุ่นที่ 1 ที่เป็นโรงเรียนต้นแบบ เช่น โรงเรียนอนุบาลวังดิน เป็นโรงเรียนที่เด่นชัดในเรื่องการทำ PLC การจัดการสอนแบบ Active Learning และใช้กระบวนการ STEAM Design Process แบบเต็มรูปแบบ
ดั้งนั้น โค้ชแตนคิดว่าการผลักดันให้โรงเรียนในเครือข่ายได้สนับสนุนองค์กรอื่น ๆ ไม่ใช่ในเรื่องของตัวเงิน แต่เป็นการสนับสนุนในเรื่องของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของโรงเรียนเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ ให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนผ่านการทำงานร่วมเครือข่ายด้วย และทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากบทสัมภาษณ์: นางฤทัยรัตน์ ทรัพย์ประภากุล (โค้ชแตน) นักพัฒนาการศึกษา
มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
บทความใกล้เคียง
ทำความรู้จัก Duolingo แอปพลิเคชันฝึกภาษาระดับโลก ตัวช่วยสำคัญของคุณครู-ผู้ปกครอง
Starfish Education กับภารกิจที่ไม่ใช่แค่ให้เด็กเข้าถึงการศึกษา แต่ต้องเป็น Meaningful Education
ยกระดับการเรียนรู้โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ด้วย 3 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการศึกษา จาก Starfish Education
Related Courses
Starfish Learning Hub แหล่งเรียนรู้สร้างทักษะแห่งอนาคต
การเรียนรู้ของเด็กยุคใหม่ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนอีกต่อไป การเรียนรู้นอกห้องเรียนจึงเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้เด็กได้เ ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
พื้นฐานการใช้เทคโนโลยี สำหรับครูยุคใหม่
หลักสูตรเพื่อก้าวสู่การครูยุคใหม่ซึ่งมีทักษะพื้นฐานทางดิจิทัลและความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในนำมาใช้ในการผลิตสื่อ ...
โปรแกรมการเรียนรู้สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาดูงานโรงเรียนปลาดาว
โรงเรียนปลาดาว เน้นการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาทักษะสำคัญทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิต ผ่าน ...