คิดต่าง สร้างอนาคต: เทคนิคการบริหารยุคใหม่

ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว แนวคิดเรื่อง "คิดต่าง สร้างอนาคต" กลายเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารจัดการองค์กร ปัจจุบันองค์กรต้องเผชิญกับความหลากหลายทางความคิดทั้งภายในและภายนอก การที่เราสามารถรวมความคิดที่แตกต่างเหล่านี้ให้กลายเป็นพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จ

วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสองผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้แก่ ดร.ภารดี ผางสง่า ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดอมรินทราราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพฯ และอาจารย์โยโกะ เตรูย่า รองประธานมูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น 

ความคิดที่แตกต่าง: ความท้าทายและโอกาส

ดร.ภารดี  ได้กล่าวถึงประสบการณ์การบริหารโรงเรียนวัดอมรินทราราม ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นระบบบัตรนักเรียนดิจิทัลที่สามารถสแกนใบหน้าเพื่อเช็คเวลาเข้าออก การใช้แอพพลิเคชันในการสื่อสารกับผู้ปกครอง และการจัดการทางการเงินที่มีระบบไร้เงินสด ทั้งนี้เพื่อให้โรงเรียนสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย นอกจากนี้ยังได้เน้นถึงความสำคัญของการมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้บุคลากรในโรงเรียนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ

อาจารย์โยโกะ ได้เสริมถึงการจัดการความคิดที่แตกต่างภายในองค์กรว่า ความเห็นที่แตกต่างกันนั้นสามารถนำมาซึ่งการพัฒนาที่สร้างสรรค์ หากมีการสื่อสารที่ดีและให้เกียรติกัน การเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น และการเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการจัดการกับความคิดที่แตกต่างจากภายนอกองค์กร ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาและประสบความสำเร็จ

การปรับตัวและพัฒนาองค์กรในยุคดิจิทัล

ดร.ภารดี แชร์ประสบการณ์ในการปรับตัวของโรงเรียนวัดอมรินทราราม เพื่อตอบรับความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียนในยุคดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาโรงเรียน เช่น การใช้บัตรนักเรียนดิจิทัลเพื่อสแกนเข้าออกโรงเรียน การใช้ระบบไร้เงินสดสำหรับการชำระค่าบำรุงการศึกษาและการซื้ออาหารในโรงเรียน รวมถึงการใช้แอปพลิเคชันในการดูผลการเรียนและข้อมูลต่างๆ ของนักเรียน ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่สำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่เป็นผลจากการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

อาจารย์โยโกะ กล่าวถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความคิดที่แตกต่างกัน การทำงานแบบ Positive และการให้โอกาสในการเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งช่วยให้ทีมงานมีความสามารถในการปรับตัว และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

แนวทางในการบริหารยุคใหม่

สำหรับผู้บริหารในยุคใหม่ การเปิดรับความคิดที่หลากหลายและการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญ การสร้างค่านิยมร่วมกันในองค์กรและการสนับสนุนให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจจะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้บุคลากรได้แสดงความคิดเห็นและเรียนรู้จากความผิดพลาดจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรในระยะยาว

สรุปแนวทางในการบริหารจัดการในยุคใหม่:

1. การนำเทคโนโลยีมาใช้: เช่น การใช้ระบบดิจิทัลในการเช็คเวลาเข้าออก การใช้แอพพลิเคชันในการสื่อสาร และการจัดการทางการเงิน เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและทันสมัย
2. การมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน: เพื่อให้บุคลากรทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ
3. การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น: โดยเฉพาะการฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างสรรค์ที่ดียิ่งขึ้น
4. การปรับตัวตามความต้องการของผู้ปกครองและสังคม: เพื่อให้การบริหารจัดการมีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารจัดการองค์กรในยุคดิจิทัลต้องอาศัยการปรับตัวและเปิดรับความคิดที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์กร และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งด้วยค่านิยมร่วมกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในอนาคต

บทความนี้จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกมีส่วนร่วม และเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารจัดการในยุคใหม่ที่ต้องอาศัยทั้งการเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่างและการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาองค์กร 

ผู้อ่านจะได้เห็นถึงแนวทางการบริหาร ที่เป็นรูปธรรมจากประสบการณ์จริงของทั้งสองท่าน และสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานของตนเอง