Leader Club Live หัวข้อ ยืดหยุ่น ปรับตัว ท้าทาย กลยุทธ์ผู้นำยุคใหม่
ในสภาพปัจจุบัน ไม่ว่าผู้บริหาร หรือคุณครูก็ต้องมีการยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าสถานการณ์การต่างๆ ที่เราคาดเดาไม่ได้ มีความรุนแรงมากขึ้น ในแต่ละวันมีสถานการณ์ที่ตัวผู้บริหารเอง ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทาย
ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นนักเรียนก็จะเป็นเรื่องของการยกระดับคุณภาพ การสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ที่ตนเองสามารถทำได้อย่างหลากหลาย ซึ่งสองอย่างนี้ถ้าครูเก่ง นักเรียนจะสามารถพัฒนาศักยภาพ โดยสร้างนวัตกรรมด้วยตนเอง เขาก็สามารถจะยืนบนเวทีโลกอย่างสง่างาม
ภูเขาก้อนใหญ่ ที่แม่ทัพของโรงเรียนต้องฟันฝ่า
ผอ. เป็นตัวแทนของโรงเรียนทั้ง ปัญหาห้องน้ำ ปัญหาอาหาร ปัญหาพฤติกรรม และบางครั้งโรงเรียนต้องยื่นมือช่วยเหลือผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเข้ามาเรียน งานท้าทาย ของผู้บริหารในยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องของคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของคุณครู ที่ต้อง สามารถเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก การเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็ว ส่งผลกระทบในหลากหลายด้าน เช่น วิถีชีวิต แนวความคิด คุณภาพการศึกษา ทำให้ผอ. ต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน ตามเวลาที่กำหนด
และเวลาคนคาดหวังการเปลี่ยนแปลง ทุกคนจะต้องมาถามว่า ผอ. คิดเห็นอย่างไร ทั้งคุณครู ทั้งผู้ปกครอง โยงลูกศรมาหา ผอ. มันคือความท้าทายมาก
ผู้บริหารในยุคปัจจุบัน กับทักษะสำคัญ พัฒนาโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จ
คุณครูมีหลากหลายเจเนอเรชัน มีหลายช่วงวัย ตั้งแต่ยุคพึ่งเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ บางท่านก็ยังไม่คล่อง จนกระทั่งปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ดังนั้นทักษะที่ผู้บริหารจะต้องมีคือ การสื่อสาร อย่างแรกต้องเข้าใจเขาก่อน พฤติกรรมที่มามีพื้นฐาน การเปลี่ยนผ่านมาอย่างไร หลังจากนั้นผู้บริหารต้องสื่อสาร อย่างชาญฉลาดว่าในแต่ละกลุ่ม จะต้องสื่อสารแบบไหน ให้ทุกคนในกลุ่ม เข้าใจ และผู้บริหารก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเขาด้วย
นอกจากสื่อสาร ผู้บริหารต้องเป็นนักฟังที่ดีด้วย เปิดรับฟังความคิดเห็นของครูในที่ประชุม ให้เขาเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ การสื่อสารที่ดี ควรจะต้องฟัง และควรจะต้องไม่พูดบางอย่างที่ไม่ควรพูด รวมถึงการสร้างทีม เพราะทุกคนเป็นจิกซอว์ความสำเร็จ ทุกคนในองค์กร ทุกเจเนอเรชัน ต่างมีส่วนทำให้เกิดภาพความสำเร็จในการพัฒนาผู้เรียนร่วมกัน การสร้างทีมที่มีความหลากหลาย คนไหนเก่งกว่า เด่นด้านไหนก็ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน และตัวผู้บริหารเองต้องกระตือรือร้น มีอะไรอัปเดตใหม่ๆนำมาคุยกับคณะครูว่าเราจะมีการนำมาประยุกต์ใช้อย่างไร บางครั้งก็ต้องเป็นพี่เลี้ยง หรือเป็นผู้สอนด้วย
ผู้บริหารต้องเป็นคนที่เปิดรับเสมอ และเรียนรู้ได้ในทุกเรื่อง ขยันเติมความรู้ เติมความเข้าใจ พยายามหาความร่วมมือ เราจะเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันต้องใช้เวลา
แต่ในขณะเดียวกันเวลาก็มีจำกัด บางทีเราต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี
อาศัยหลาย ๆ อย่างทำงานด้วยกัน
อีกทักษะสำคัญนั่นคือการใช้เทคโนโลยี ผู้บริหารจะต้องมีการใช้เทคโนโลยีอย่างเท่าทัน รวมทั้งแพลตฟอร์มอะไรใหม่ๆ และสนับสนุนให้คุณครูได้ฝึกใช้เทคโนโลยีร่วมกันด้วย
มายด์เซตเป็นกุญแจสำคัญ ที่ผู้บริหารต้องกุมเอาไว้
มายด์เซตเป็นส่วนที่สำคัญ ผู้บริหารต้องรู้จักปรับเปลี่ยนความคิดรวมถึงพยายามมองในมุมของคุณครู และพยายามมองในมุมของผู้ปกครองของนักเรียนด้วย ในปัจจุบันนี้ เราต้องยอมรับความแตกต่างแต่ละบุคคลให้มาก ถ้าเรายอมรับตรงนี้แล้ว เราจะเข้าใจพฤติกรรมของเขาว่าทุกคน มีที่มาของพฤติกรรม
การปรับมายด์เซตผู้บริหารต้องเข้าใจ และเข้าใจถึงปัญหาของแต่ละคนจริงๆ คุณครูเองก็ต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง อันไหนที่เป็นบทบาทหน้าที่ทั้งเรื่องของมาตรฐานตำแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะถ้าผู้บริหารกับคุณครู ได้มาแชร์กันเพื่อหาจุดร่วม จะพัฒนาร่วมกันมันก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียว
เพราะฉะนั้นการสื่อสารของผู้บริหาร ของคุณครู รวมไปถึงผู้ปกครอง เด็กๆ ก็จะเป็นเชิงบวก ผู้ปกครองกับเด็กก็จะเข้าใจบทบาทหน้าที่ถึงความรัก ความเอาใจใส่ ความทุ่มเท ความเข้าอกเข้าใจของโรงเรียนที่มีต่อผู้ปกครองและเด็กๆ ร่วมกันความคิดเชิงบวกในการพัฒนาเหล่านี้ มันจะหล่อหลอมกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่จะทำให้ เราก้าวเดินไปร่วมกัน ตั้งแต่ในส่วนของโรงเรียนผู้ปกครอง และท้ายที่สุดก็จะเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานของพวกเขาเอง เรียนดีมีความสุขกับการเรียนที่แห่งนี้
ในการทำงานที่ประสบความสำเร็จจะมีอยู่สองส่วนมุ่งงาน ส่วนที่สองมุ่งสัมพันธ์ การที่เรามุ่งงานหมายความว่า เราจะพยายามให้ทุกคนเห็นเป้าหมายร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเรื่องของเด็กเป็นส่วนสำคัญ
เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกคนได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ ในการพัฒนานักเรียนร่วมกัน เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่อยู่บนหลักการในการพัฒนาพยายามให้คุณครูได้เห็นความสำคัญกับการพัฒนานักเรียนร่วมกัน รวมถึงผู้ปกครองด้วยในการให้บทบาทหน้าที่ ให้เวลา การเอาใจใส่ การปฏิสัมพันธ์ผู้ปกครองและคุณครู ซึ่งหมายถึงครูประจำชั้น หรือว่าโรงเรียน ถ้าเราเข้าใจและมีระบบต่างๆ มุมมองที่การพัฒนาร่วมกัน จะทำให้เขาเห็น คุณค่าของแนวคิดที่เป็นลักษณะเชิงบวก ที่จะไม่ต่อต้าน แต่เป็นการทำงานร่วมกัน
อีกอันหนึ่งมุ่งสัมพันธ์ ถ้าพื้นฐานของผู้ปกครองของนักเรียน ของคุณครู มุ่งไปที่ทางเดียวกันแล้ว ปฏิกิริยาย้อนกลับที่ไม่เหมาะสมแทบจะไม่มีเลย โดยเฉพาะเรื่องการลา จะบอกคุณครูเสมอว่า ถ้าคุณครูจะไปที่ไหนหรือใช้เวลาไปทำอย่างอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องของการจัดการเรียนการสอนให้คุณครูนึกถึงหน้าตาของเด็ก ๆ ประมาณ 30-40 คน ในชั้น คุณครูจะต้องมีการวางแผนอย่างดีว่า ใครจะสอนแทน
แต่ขณะเดียวกันเป็นการมุ่งสัมพันธ์ปัญหาของคุณครูมีหลากหลายในปัจจุบัน บางคนปัญหาเรื่องของครอบครัวที่หย่าร้าง พ่อแม่ ทุกครั้งที่ครูมีปัญหา สิ่งที่ผู้บริหารควรทำคือให้ครูไปแก้ปัญหาของครูให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะว่าปัญหาเหล่านี้จะส่งผลต่อการทำงานถ้าคุณครูกลับมาพร้อมปัญหาในที่โรงเรียน คุณครูจะกังวลเรื่องปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและสมาธิลดน้อยลง
หนทางสร้างแรงบันดาลให้แก่ครูด่านหน้า โดยผู้อำนวยการ
บทบาทของผอ. ในการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณครู จะต้องมีคุณลักษณะ เป็นคนที่พยายามให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารงานวิชาการซึ่งเป็นงานหลักขอโรงเรียน พยายามที่จะถอดบทเรียนในความสำเร็จร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ให้ขวัญกำลังใจคุณครูอย่างยุติธรรมพยายามให้ทุกคนได้แสวงหาถึงความรู้ควบคู่พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่และรู้เป้าหมายเราจะมุ่งไปทางไปไหน ซึ่งนำมาสู่การปฏิบัติ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและรู้สึกว่าเขามีความสำคัญต่อเป้าหมาย เป้าหมายมันสำเร็จได้ด้วยมือของเขา ด้วยศักยภาพที่เขามี ด้วยการพัฒนาที่เขาพร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับเป้าหมาย
อีกอย่างหนึ่งกำลังใจที่เขาจะต้องมี เวลาเดินทางไปข้างหน้ามันไม่ง่ายอยู่แล้ว มันจะมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น ผู้นำก็ต้องเป็นคนที่ท้าทายให้รู้สึกว่าเวลาเจอ มันหนักแต่เราก็อยากจะสู้ด้วยกัน และผู้นำเองควรจะต้องเป็นคนที่เข้าถึงได้ด้วย มีคลุกวงในและก็อยู่ในเส้นทางของการไปสู่เป้าหมายนั้นร่วมกัน
ท้ายที่สุดให้คุณครูทุกคนพยายามที่จะมีภาคีเครือข่ายการศึกษาความต้องการของตนเอง ให้ทุกคนสร้างศักยภาพของตนเองให้ทันยุคทันสมัย พยายามให้เราและทุกคนสื่อสารกันด้วยความเข้าใจอย่างกัลยาณมิตรเชิงบวก ผู้บริหารเองท้ายที่สุดก็ต้องบริหารการศึกษา บริหารบุคลากร ด้วยการเข้าใจ เข้าถึง ต้องพัฒนาอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะเป็นโมเดลให้กับคุณครู
การศึกษาในอนาคต ที่ ผอ. ต้องพร้อมเปลี่ยนผ่าน
ประเด็นแรก โรงเรียนทุกโรงเรียนต้องมีการปรับตัว ในด้านการจัดการศึกษา หลากหลายรูปแบบและมีความต่อเนื่องกัน เช่น ในปัจจุบัน การเรียนการสอนเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ นักเรียนสามารถเรียนที่บ้านหรือเรียนจากโรงเรียนอื่น ซึ่งเป็นการอ้างอิงมีการเทียบเคียง Benchmark ในส่วนของผังองค์ความรู้ วัดประเมินผล และเอาผลการเรียนนี้กลับไปที่โรงเรียนตั้งต้น
ประเด็นที่สอง การศึกษาในอนาคต จะเป็นลักษณะของการเข้าถึง และการใช้เทคโนโลยีการศึกษาที่หลากหลาย และรวดเร็วมาก สามารถค้นหาองค์ความรู้ และมีการโต้ตอบกัน ซึ่ง AI จะมีบทบาทเข้ามาในการจัดการเรียนการสอน ของทั้งคุณครูและนักเรียนได้มากขึ้น
ประเด็นที่สาม พื้นที่ในการจัดการเรียนรู้และการเรียนรู้ของครูผู้สอน จะมีความหลากหลาย เป็นทั้งในลักษณะของออนไลน์ ทุกจุดทุกที่ ทุกแพลตฟอร์มสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนได้ทั้งหมด จะเกิดสังคมของพหุปัญญา การเรียนการสอนที่จะทำให้ เราค้นถึงการแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดนวัตกรรม ทางออกของปัญหาด้วยตนเอง มันจะเป็นลักษณะของการบูรณาการองค์ความรู้ ซึ่งเกิดทั้งความรู้ ทักษะ เจตคติเพื่อให้เป็นเกิดเป็นสมรรถนะในการแก้ปัญหาต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีผลจำเป็นมากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ประเด็นสุดท้าย บทบาทในการทำงานของผู้บริหารเกิดจากการมีส่วนร่วม
ทั้งรองผู้อำนวยการ ครู หรือหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ล้วนมีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการปรับทัศนคติทั้งในส่วนของผู้บริหารและของคุณครูด้วยว่าจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าเราไม่ปรับ เราจะตกยุค ถ้าเราไม่เปลี่ยน เราจะถูกหลงลืม ถ้าเราคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยน คำพูดนี้ไม่มีอยู่จริง
โรงเรียนกับการตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครอง
โรงเรียนเหมือนร้านค้าร้านหนึ่ง ที่รอให้คนมาชอปปิงเด็กเขาจะเรียนโรงเรียนเราเพราะอะไร อะไรที่เป็นจุดขาย ตรงกับความต้องการของเขาในอนาคต คนจะมีเสรีภาพในการเลือกได้มากยิ่งขึ้น เขาสามารถหาความเชี่ยวชาญได้ เนื่องจากมันเป็นยุคที่เขาเข้าถึงข้อมูลง่าย เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้ เปรียบเทียบข้อมูลได้ และมีตัวอ้างอิงอยู่มากมาย เขาก็จะเลือกในสิ่งที่เขาต้องการ
โรงเรียนจะปรับเปลี่ยนเป็นหน้าตาแบบไหน ยังคงจำเป็นอยู่หรือเปล่าหรือควรจะเป็นหลักสูตรระยะสั้นๆ เพื่อสมัครเข้าเรียนตรงกับสิ่งที่เขาต้องการอาจจะไม่ต้องเรียนนานหลายปี เป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้หรือไม่ ตรงจุดตามความต้องการ หรือควรจะมีหลักสูตรอื่นๆ ที่หลากหลายตามที่เขาสนใจให้มากยิ่งขึ้น อันนี้ก็อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพราะเมื่อก่อนเด็กมัธยมมีแค่สายวิทย์ คณิต สายภาษา เดี๋ยวนี้มีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน
อีกอย่างหนึ่งสภาพสังคม ปรากฏการณ์ต่าง ๆ มันบีบคั้น โดยทั่วไปคนไลฟ์สไตล์ของเรา ก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน คนเริ่มไม่ใช้หนังสือแล้ว เลือกอ่านอีบุ๊ก ฟังหนังสือเสียง บางครั้งคนอยากเรียนก็ไปซื้อคอร์สเรียน ไปเรียนกับคนที่รู้ คนทำคอนเทนต์เต็มแพลตฟอร์มออนไลน์ สิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนแปลงมาก เราทำกับข้าวโดยที่ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน
ทุกโรงเรียนมีสปอตไลต์เป็นของตนเอง
ในแต่ละโรงเรียน มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ในปัจจุบันโรงเรียนก็พยายามหาอัตลักษณ์ของตนเองออกมาเพื่อเป็นจุดขาย ให้ผู้ปกครองเห็นว่า โรงเรียนมีศักยภาพ
จากจุดนี้เองต้องยอมรับก่อน โรงเรียนในแต่ละที่ก็ไม่สามารถที่จะสนองความต้องการ
ของผู้ปกครองได้ทั้งหมด
แต่เราต้องย้อนกลับมาถามตัวเอง บริบทของเรามีจุดเด่นอย่างไร เช่น โรงเรียนในเมือง มีการแข่งขันสูง เพราะฉะนั้นการที่เราจะสอนแบบปกติทั่วไป เหมือนโรงเรียนอื่นๆ รอบนอกก็คงไม่ได้ เราต้องคอยพัฒนาตัวเอง เป็นมาตรฐานสากล เข้าสู่โครงการใหญ่ๆ รวมทั้งต้องติดต่อกับต่างประเทศ จัดแผนการเรียนต่างๆ ทั้งภาษา Gifted วิทย์ คณิต หรือ MEP ให้มีความหลากหลาย และต้องโฟกัสเรื่องของคุณภาพของผู้เรียน ซึ่งผู้ปกครองเกือบร้อยทั้งร้อยที่ส่งลูกเข้ามาเรียนในเมือง อยากให้ลูกมีโอกาสได้เรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น ในโรงเรียนประจำจังหวัดเมื่อต่างคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ผู้ปกครองต้องการแบบนี้ โรงเรียนก็ตอบโจทย์ผู้ปกครอง ก็จะสามารถทำให้โรงเรียนพัฒนาขึ้นไป
การคงอยู่ทั้งจำนวนนักเรียน ทั้งคุณภาพของการจัดการเรียนการสอน
จะทำให้ เป็นไปตามที่ผู้ปกครองต้องการ และนี่คือจุดหนึ่งที่โรงเรียนต้องคำนึงถึง และพร้อมที่จะปรับตัว เพราะเรื่องของการจัดการตนเอง พอเรารู้ว่าทิศทางของรัฐบาลจะเป็นยังไงสพฐ จะเป็นอย่างไร เราไม่รอให้หน่วยเหนือสั่งการ เราจะอาศัยบริบทของเราพัฒนาโรงเรียนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
วัฒนธรรมองค์กรโรงเรียนเอกชน ที่ผู้บริหารสามารถนำไปปรับใช้
วัฒนธรรมองค์กรของโรงเรียนเอกชนส่งเสริมการทำงานของครูรัฐบาล การเรียนรู้อย่างเป็นระบบในส่วนขององค์กรเอกชนสามารถทำได้ดี แต่ในส่วนราชการบางครั้งยังติดอยู่ในกรอบ เวลาทำอะไรก็กลัวจะผิดทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดความล่าช้า
ผู้บริหารสามารถหาจุดร่วมที่โรงเรียนเราทำคล้ายกับเอกชนได้ หรือส่วนไหนบ้างที่เอกชนดำเนินการมาแล้วมันเวิร์ก ทำไมผู้ปกครองหลาย ๆ คน ที่มีความสามารถด้านการเงิน ด้านโอกาส ถึงเอาลูกไปเรียนเอกชนมากกว่าจะเอาลูกไปเรียนรัฐบาล ผู้บริหารควรพยายามศึกษาว่าเรื่องของการบริหารและการจัดการ เขามีในส่วนของโครงสร้าง อย่างไรบ้าง เขาวางกันอย่างไร ที่จะทำให้องค์กรขนาดใหญ่ของเขา สามารถที่จะเติบโตได้ไวขึ้น รวมถึงเขามีกลยุทธ์ มีระบบหรือว่ามีการพัฒนาทักษะ มีการเพิ่มทีมงานอย่างไร
ท้ายที่สุดเขามีการบอกเล่าคุณค่ากันอย่างไรบ้างทำให้องค์กรของเขาดีขึ้นเป็นลำดับ มีการแข่งขันสูง สามารถที่จะสนองความต้องการของผู้ปกครองได้มากกว่าโรงเรียนรัฐบาล สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ใหญ่ของผู้บริหารของโรงเรียนรัฐบาล
การปรับตัวตามทรัพยากรอย่างจำกัดของโรงเรียนรัฐบาล
ราชการมีหลายอย่างที่ผู้ปฏิบัติงานบางครั้งไม่สามารถเลือกได้ทั้งหมด เรื่องของความจำกัดทางด้านทรัพยากรเองก็ดีงบประมาณที่ถูกกำหนดไว้แล้ว หรืออะไรเกิดขึ้นล่วงหน้า เราก็ยังไม่รู้ ดังนั้นราชการจำเป็นต้องทำงานอยู่ภายในภาวะความจำกัด แต่ในความจำกัดเท่าที่มีอยู่รัฐบาลสามารถจัดการได้ โดยใช้หลากหลายศาสตร์และหลากหลายวิธี หลากหลายแง่มุม เพื่อเอื้อที่จะทำให้งานออกมาสำเร็จ การจัดการในสภาวะจำกัดของรัฐบาลเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายคือเรื่องน่าสนใจ
เมื่อคุณครูเปลี่ยนสายงานสู่ผู้บริหาร สิ่งแรกคือต้องรู้จักตนเอง
การเปลี่ยนสายงานจาก ครูมาเป็นผู้บริหาร อยากให้ทุกคนมองตัวเองให้ออกว่าตัวเองมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน ต้องการอะไร และสาระของการเป็นผู้บริหารคืออะไร
ต้องการความก้าวหน้า เปลี่ยนสายงานเพื่ออะไร หรือต้องการจะเปลี่ยนบทบาทหน้าที่
เพื่ออะไร ถ้าตัวเองตอบได้ ขอให้มีความมานะพยายาม และพัฒนาตนเอง
อีกหนึ่งวิธีคือ เข้าไปคุยกับผอ. หลายๆท่านเพื่อให้เรามองเห็นหนทางข้างหน้าจะมีอะไรอยู่บ้างและเป็นสิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า เราอยากจะขยับไปในแบบนั้นหรือเปล่า
การพูดคุยการเรียนรู้จากคนรู้จัก เป็นการเรียนรู้ที่ดี ได้ข้อมูลที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นคุณครูหรือผู้บริหาร ทุกคนมีบทบาท ทุกคนจะมีหน้าที่ ทุกคนมีมาตรฐานตำแหน่งแตกต่างกัน ถ้าเราเข้าใจตรงนี้แล้วมีความวิริยอุตสาหะพัฒนาให้เต็มตามศักยภาพของตนเองมากพอ และมีความทุ่มเทให้กับราชการ เราก็จะมีความสุขในทุกๆตำแหน่ง
การยืดหยุ่น ปรับตัว เป็นอีกหนึ่งเข็มทิศสำคัญ ชี้บอกทิศทางให้ผู้บริหารรู้ ว่าควรไปทางไหนดี ดังนั้นผู้บริหารต้องปรับตัวยืดหยุ่น เพื่อสู้รบกับความท้าทายให้ได้นี่คือกลยุทธ์ผู้นำและสามารถนำพาคุณครู บุคลากรทั้งหลายฝ่าฟันอุปสรรค ก้าวสู่ความสำเร็จ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วม ที่เปรียบเสมือนเป็นจิกซอว์ทุกคนล้วนสำคัญและเป็นหนึ่งเดียวกัน
วิดีโอใกล้เคียง
เครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ร่วมกัน
เส้นทางสู่ผู้บริหารเชี่ยวชาญ วPA
สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้: การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างครู ผู้บริหาร และผู้ปกครอง
คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์อนาคต โรงเรียนกับการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์เด็กยุคใหม่
คอร์สใกล้เคียง
ชุมชนการเรียนรู้ ชุมชนแห่งการพัฒนา
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้บุคลากรทางการศึกษาได้เรียนรู้แ ...
โอริกามิ สื่อการพับกระดาษญี่ปุ่น
การเรียนรู้เรื่องโอริกามิ การพับกระดาษแบบญี่ปุ่นจะได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมา ความหมาย เทคนิคการพับกระดาษ และแนวกา ...
Curriculum, Pedagogical Innovations
คอร์สเรียนนี้มุ่งเน้นพัฒนาหลักสูตร และวิธีการสอนที่ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 โดยผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลาย ให้ความสำ ...
รู้ไหมสีมาจากไหน
การเรียนรู้เรื่องมหัศจรรย์แห่งสีจะได้เรียนรู้ถึงความหมายและความสำคัญ ที่มา ลักษณะ คุณสมบัติ และประโยชน์ของสี รวมไปถึงการจั ...