5 EdTech ที่จะเปลี่ยนห้องเรียนในอนาคต
ภาพน่าตื่นตาตื่นใจอย่างในนิยายวิทยาศาสตร์ หรือภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซี ที่เราเคยได้แต่นึกจินตนาการ ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นกันเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันไปแล้ว ยิ่งหลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ผู้ใหญ่หลายๆ คนจำต้องเร่งเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ทันเด็กๆ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่หยุดชะงัก โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา คุณครูต่างต้องตื่นตัวลุกขึ้นมาหาทางออกว่าเราจะสอนเด็กๆ อย่างไรหากไม่สามารถมาโรงเรียนได้ จนเกิดการปรับตัวไปเรียนออนไลน์แทบจะ 100% และเด็กๆ เพิ่งได้กลับเข้าเรียนออนไซต์ตามปกติได้ไม่นานมานี้เอง ซึ่งคงต้องสลับไปมาเช่นนี้ต่อไปแบบ Hybrid Learning
(คุณอาจสนใจบทความ EdTech เรื่อง 18 รูปแบบการเรียนรู้ด้วย Edtech ที่น่าจับตามองในปี 2022 คลิกอ่านเพิ่มเติมต่อได้ที่ bit.ly/37LKynY )
หากย้อนไปไม่ถึง 100 ปีก่อน ใครจะไปนึกว่าวิวัฒนาการของโทรศัพท์จะก้าวกระโดดมาไกล ในขณะนี้เราต่างอยู่ในยุคทองของมือถือสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต อุปกรณ์สื่อสารขนาดพกพาที่เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้เราแทบทุกอย่าง เราเซย์ฮัลโหล Google สวัสดี SIRI เพื่อสอบถามเส้นทางหรือสั่งซื้อสินค้า แชตคุยกับ Bot ไม่ต่างจากที่ Iron Man คุยกับ JARVIS เพื่อกอบกู้โลกแบบในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ซึ่งระบบปฏิบัติการเหล่านี้ช่วยเราปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วโลก เรียนรู้สิ่งใหม่ สร้างสรรค์ผลงาน เสพย์ข่าวสาร และสื่อบันเทิงได้อย่างครบครัน
ในขณะที่เราหลับ เหล่า AI ก็ไม่เคยได้หยุดพัก พวกมันเรียนรู้ภาษา คำสั่ง และการสื่อสารจากผู้คน จนมันเริ่มแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยได้ดีขึ้น เขียนบันทึก บทความ บทกวี หรือแม้แต่แต่งเพลงง่ายๆ ได้เองเป็นภาษาอังกฤษ
Starfish Labz จะขอชวนคุณลองคาดการณ์ว่าหน้าตาห้องเรียนจะล้ำขึ้นได้อย่างไรบ้าง จาก 5 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่น่าจะช่วยสนับสนุนด้านการศึกษา กระตุ้นให้เด็กๆ เรียนรู้ได้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1. สร้างบรรยากาศให้เหมือนไม่ได้อยู่ในโรงเรียน
โรงเรียนในอนาคตอาจเปลี่ยนไปมีหน้าตาเหมือนเราวาปไปที่ไหนก็ได้ในโลก มีพื้นที่จำลอง โรงอาหารอาจเหมือนคาเฟ่เก๋ๆ ที่มานั่งทำงานกลุ่มได้ หรือห้องพยาบาลก็อาจไม่ต่างจากฮอสพิเทลหรู การตกแต่งและสถาปัตยกรรมจะต้องสร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเท สวยงามสบายตา เพิ่มสุนทรีย์ในการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีโฟกัสกับบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น
ห้องเรียนโอ่โถง มีพื้นที่เคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละกิจกรรม มีระยะห่างไม่แออัด ครูเลือกออกแบบห้องเรียนและจัดสรรพื้นที่ให้เด็กๆ บูรณาการการเรียนรู้ได้ อุปกรณ์และเครื่องมือจัดกิจกรรมเคลื่อนที่และจัดเก็บได้ง่าย ไม่กินพื้นที่ใช้สอย สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เหมาะสมกับวิชาและพัฒนาการตามช่วงวัยได้
มีแผงควบคุมแสงกระตุ้นการเรียนรู้ เพราะแสงมีผลต่อร่างกายของมนุษย์ตามหลักการของนาฬิกาชีวภาพในตัวเรา หากสามารถตั้งเวลาเปิดปิดม่านรับแสงอาทิตย์ หรือตั้งค่าปรับระดับแสงไฟภายในอาคารให้มีความสว่างที่เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละห้อง เราสามารถตั้งค่ากำหนดโทนสี และความสว่างที่จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ภายในโซนนั้นๆ ได้
2. สร้างชั้นเรียนไฮบริดที่เพิ่มการมีส่วนร่วมแบบแอคทีฟ
แม้จะมาเรียนออนไซต์ เด็กๆ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ของตนเองเข้ากับอุปกรณ์กลางผ่านระบบออนไลน์ เพื่อที่ทุกคนจะมีส่วนร่วมใช้งานแอปฯ หรือโปรแกรมในชั้นเรียนได้ไปพร้อมๆ กัน
หน้าชั้นเรียนเปลี่ยนจากกระดานดำ เป็นหน้าจอกว้างๆ ทดแทน มีขนาดใหญ่ คมชัด และความละเอียดสูง ไม่มีฝุ่นชอล์กหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ของปากกาเคมีรบกวนการเรียน
คุณครูและเด็กๆ สามารถสัมผัสหน้าจอได้ เขียนหรือพิมพ์ลงไปได้ มีปฏิสัมพันธ์กับสื่อการเรียนรู้ได้ทันทีทันใดเหมือนในพิพิธภัณฑ์ไฮเทค เพื่อร่วมกันระดมสมอง แสดงความคิดเห็น และทิ้งคำถามโชว์ขึ้นกระดานเดียวกันแบบออนไลน์ ให้ทุกคนในชั้นเรียนได้เรียนรู้และขบคิดไปพร้อมกัน
3. สร้างสรรค์ประสบการณ์และคำนึงถึงสุขภาวะของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ทุกๆ เช้าครูประจำชั้นจะต้องจัดกิจกรรมช่วยประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ว่าเป็นอย่างไร และสร้างแรงจูงใจให้พวกเขาแอคทีฟ พร้อมจะเรียนรู้ หากเด็กคนไหนไม่พร้อมก็ไม่ต้องฝืน อาจสลับให้ไปเข้ากิจกรรมบำบัดที่เน้นการปฏิบัติ ส่งเสริมพัฒนาการหรือทักษะที่เด็กสนใจเป็นพิเศษแทน
4. สร้างสื่อการสอนดิจิทัล
ครูจะต้องพัฒนาตนเองให้สามารถผลิตสื่อการสอนดิจิทัลที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น อาจสร้างโจทย์เป็น Gamification เกมจำลองสถานกาณ์เพื่อการเรียนรู้ หรือเพิ่มความสนุกโดยร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่าจำง่าย เน้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จากการทำกิจกรรม ได้คิดวิเคราะห์ ทดลอง และสะท้อนคิดมากกว่าการท่องจำ ทำให้เด็กๆ อยากเรียนรู้บทเรียนต่อๆ ไปแทบแย่เหมือนที่เราติดซีรี่ย์งอมแงมให้ได้ จนต้องบอกว่าวันนี้ให้พอแค่นี้ก่อน
5. สร้างจุดบรรจบกับโลกนอกห้องเรียน
เพิ่มการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนกับโรงเรียน ต่างฝ่ายต่างให้ฟีดแบ็กกันได้ นักเรียนและผู้ปกครองสามารถประเมินการสอนของครู และนโยบายของโรงเรียนได้ ครูคอยติดตามและรายงานผลพัฒนาการของเด็กๆ ในชั้นเรียนให้ผู้ปกครองเห็นความพร้อมในห้องเรียนของลูกได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ไม่ต้องรอเกรดออกก็เปลี่ยนกลยุทธ์การเรียนรู้ของลูกใหม่ได้ระหว่างปีการศึกษา
ผู้ปกครองและครูจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองให้ทำความเข้าใจในตัวเด็กคนหนึ่งมากขึ้น และมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลให้ลูกหลานได้รับความรู้ครบถ้วน เสริมส่วนที่ยังขาดต่อได้เองที่บ้าน ลูกมีกำลังใจดี มีทางออกที่จะแแก้ปัญหาการเรียนรู้ถดถอยไม่ทันเพื่อนได้ทันท่วงที
สามารถเตรียมความพร้อมทางร่างกายและจิตใจของลูกได้ดีขึ้นในวันถัดไป หากคุณครูท่านใดอยากมาก่อนกาล ก็สามารถติดตั้งผลิตภัณฑ์ Starfish Class ของเรา เพื่อเริ่มติดตามและประเมินสมรรถนะผู้เรียนได้ตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ต้องรออนาคต ใช้งานได้ฟรีทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
(หากคุณสนใจ Starfish Class คลิกอ่านและรับชมวิธีการใช้งานเพิ่มเติมต่อได้ที่ bit.ly/3v7LIDf)
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ทุกคนพอจะนึกภาพตาม และเห็นความเป็นไปได้แค่ไหนกับห้องเรียนในฝันที่ล้ำอนาคตแบบที่ Starfish Labz ค้นคว้ามาเล่า ว่าไหมว่ายิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้า ก็ยิ่งช่วยให้คุณครูและคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆ ออกตามหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ และค้นพบความชอบของตนเองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่เด็กๆ จะมีหมุดหมายในใจ เห็นความสำคัญว่าทำไมเขาต้องตั้งใจเรียน และพัฒนาตนเองให้มีทักษะมากพอจะไปต่อในเส้นทางที่พวกเขาอยากเฉิดฉายในอนาคตนั่นเอง
แหล่งอ้างอิง:
- 5 EdTech Predictions https://halltechav.com/edtech-predictions
- 6 Sub-Domains Of Education Technology https://www.teachthought.com/the-future-of-learning/future-classroom-tech/
- How Learning Might Change: Envisioning The Future Of Technology In Education https://www.teachthought.com/the-future-of-learning/future-classroom-tech/
ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด
โรงเรียนปลาดาวได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายรางวัลโรงเรียนยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมระดับโลก World’s Best School Prizes for Innovation โดยเป็นผู้นำในการบุกเบิกการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมสำหรับทุกคน
28.10.24
จัดอย่างยิ่งใหญ่! FutureEd Fest 2024 งานเทศกาลการศึกษา มุ่งสร้างอนาคตการเรียนรู้
07.10.24
Starfish Education ร่วมงาน didacta asia 2024 และ didacta asia congress เสนอนวัตกรรมการศึกษาสำหรับอนาคต
21.10.24
CEO Starfish Education ร่วมเวทีการประชุมนานาชาติ didacta asia 2024: Ministerial Panel on "Southeast Asia Education Policies"
17.10.24
Starfish Education เสนอแนวคิดนวัตกรรมการศึกษาต่อกระทรวงศึกษาธิการ
16.10.24
คุรุสภา ไฟเขียว ร่างประกาศยกเว้นใบอนุญาตครูชั่วคราว ขับเคลื่อนมาตรฐานการผลิตครู
02.11.24