จับตา "ปานปรีย์" รับ "ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ" ได้ข้อสรุป ชงครม. 28 พ.ย.นี้
คณะกรรมการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการจะหารือกันวันนี้ (23 พ.ย.) พิจารณาหลักเกณฑ์เเละผลกระทบหลังรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มรายได้ให้กลุ่มข้าราชการ
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2566 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการว่าใกล้จะได้ข้อสรุปแล้วและภายใน 1-2 วันนี้จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปข้อมูล คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ทั้งนี้ภายใน 1-2 วันนี้ตนเองจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังเพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดให้พร้อมที่จะเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นไปตามนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่มีการหาเสียงว่าจะปรับขึ้นเงินเดือนของเด็กจบใหม่ปริญญาตรีเริ่มต้น 25,000 บาทต่อเดือนภายใน 4 ปีของรัฐบาล หรือว่าให้สามารถทำได้จริงตามเป้าหมายภายในปี 2570 อย่างไรก็ตามในการหารือกันของรัฐบาลยอมรับว่าหากมีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ทั้งข้าราชการประจำ ลูกจ้างของรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการเกษียณที่รับเงินบำเหน็จบำนาญจะต้องใช้เงินงบประมาณมากขึ้นถึงกว่า 1 แสนล้านบาท
ดังนั้นในระยะแรกแนวทางที่มีการเสนอคือใช้การปรับขึ้นเงินเดือนแบบทยอยปรับขึ้น โดยจะมุ่งไปที่เงินเดือนของข้าราชการที่มีรายได้น้อยก่อนซึ่งหากเริ่มในส่วนนี้จะใช้เงินงบประมาณไม่มากส่วนข้าราชการระดับสูงที่เงินเดือนมากแล้วก็จะได้รับการปรับขึ้นน้อยกว่า ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายตามหลักการเงินเดือนน้อยควรได้รับการปรับขึ้นมากกว่าแล้วค่อยขยับเงินเดือนของข้าราชการที่มีเงินเดือนสูงอย่างไรก็ตามแนวนโยบายนี้จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อ ก.พ.ต้องมีการลดขนาดข้าราชการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานด้วยเพราะปัจจุบันบางหน่วยงานมีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์เข้ามาช่วยการทำงานจำนวนมากแต่ก็ยังมีจำนวนข้าราชการมากและมีความซ้ำซ้อนกันในการทำงาน ซึ่ง ก.พ.เองก็ต้องไปดูความเหมาะสมในการลดจำนวนข้าราชการลงด้วย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลจำนวนข้าราชการไทยล่าสุดหลังจากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐได้เสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ปี 2566 – 2570 พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีการจ้างงานในส่วนของกำลังคนภาครัฐ รวมกว่า 3 ล้านคน แบ่งเป็นข้าราชการ จำนวน 1.75 ล้านคน ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการ (พนักงานจ้าง พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานกระทรวงสาธารณสุข พนักงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานองค์การมหาชน) จำนวน 1.24 ล้านคน สำหรับโครงสร้างวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 กำหนดกรอบวงเงินเอาไว้รวม 3.48 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายจ่ายประจำซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการและเงินเดือนลูกจ้างเอาไว้ภายใต้กรอบวงเงินรวม 2.61 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75.28% ของวงเงินงบประมาณซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 2.17 แสนล้านบาทขณะที่นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ย.จะมีการหารือเรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางต่างๆ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีรวมถึงเรื่องผลกระทบต่างๆ ด้วย
สำหรับการประชุมการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการครั้งที่ 2/2566 จะประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศในเวลาประมาณ 13.00 น. โดยมีนายปานปรีย์ เป็นประธานการประชุม
ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด
สพฐ. ร่วมกับ Starfish Education เปิดตัว การเรียนรู้แห่งอนาคต สร้างทักษะอนาคตเยาวชน Future Youth Thailand Building future skills Anywhere, Anytime
12.12.24
โรงเรียนปลาดาวต้อนรับคณะสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาการศึกษา
20.12.24
มูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น เข้าพบท่านองคมนตรี รายงานผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ และรางวัล World best school ของโรงเรียนปลาดาว
07.12.24
Starfish Education เข้าร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมเพื่อเก็บข้อมูลตามมิติพลังอำนาจของชาติ ด้านสังคมจิตวิทยา การขับเคลื่อนนโยบายด้านการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
16.12.24
“วัยรุ่นเจนใหม่ คิดเจ๋ง ไอเดียเปลี่ยนโลก!” ส่งนวัตกรรมสู้วิกฤต (SDG) เปลี่ยนอนาคต!
21.01.25