5 แหล่งเรียนรู้น่าชวนลูกเที่ยว พร้อมหอบความรู้กลับบ้าน
เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ที่เด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติอย่างที่ควรเป็น จนทุกวันนี้โควิด-19 ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเราไม่ไปไหน และไม่รู้ว่าวันใดที่เด็กๆ จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติเสียที วันเวลาล่วงเลยผ่านไป แต่การเรียนรู้นั้นหยุดไม่ได้ โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่เติบโตขึ้นทุกวัน แม้จะไม่ได้ไปโรงเรียน แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง
สามารถชวนเด็กๆ ให้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ ลองมาดูกันว่า 5 สถานที่ ที่คุ้นเคยนั้น เราจะสอดแทรกสาระการเรียนรู้อะไรให้กับเด็กๆ ได้บ้าง
1. พิพิธภัณฑ์
จริงๆ แล้วประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งรวมความรู้ที่น่าสนใจหลายแห่ง เป็นสถานที่ที่เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนาน ถือเป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ช่วงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนได้เป็นอย่างดี มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกัน
- มิวเซียมสยาม ถือเป็นที่สุดของพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย เพราะที่นี่เด็กๆ จะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานผ่านกิจกรรม Interactive โดยมีธีมการนำเสนอหลักคือ ถอดรหัสไทย ให้เด็กๆ ได้ลองหาคำตอบว่า ความเป็นไทยคืออะไร เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่เราไม่เคยคิดมาก่อน และยังมีอีกหลายประเด็นให้พ่อแม่ชวนลูกค้นคว้าต่อยอดการเรียนรู้ได้อีกมากมาย
- นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอประวัติความเป็นมาและเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ด้วยการใช้สื่อผสมเสมือนจริง และมุมมอง 360 องศาให้รู้สึกราวกับว่าย้อนยุคไปเมื่อ 200 ปีก่อน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นี่เด็กๆ จะได้เรียนรู้ในรูปแบบ Interactive self learning รับรองว่าไม่น่าเบื่ออย่างแน่นอน
- พิพิธภัณฑ์พระราม 9 (แต่อยู่รังสิตคลอง 5 นะ) ที่นี่เด็กๆ จะได้เรียนรู้เรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ กำเนิดกำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ฟังดูอาจไม่น่าตื่นเต้น แต่รูปแบบการจัดแสดงของที่นี่ รับรองว่าเรียกความสนใจเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งแสง สี เสียง สมจริง ไฮไลท์อยู่ที่ไดโนเสาร์ตัวใหญ่เคลื่อนไหวและส่งเสียงได้ เพื่อต้อนรับการเข้าสู่ยุคไดโนเสาร์ และน้ำตกจำลองขนาดยักษ์ในโซนวนนิเวศของไทย ที่ทุกคนต้องประทับใจจนร้อง ว้าว!
นี่เป็นเพียงบางส่วนของพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย นอกจากนี้ตามจังหวัดต่างๆ ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ และยังมีพิพิธภัณฑ์ของเอกชนอีกมากมาย ลองหาข้อมูลพิพิธภัณฑ์น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย www.museumthailand.com/
2. สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ
ไม่ว่าจะภูเขา ทะเล เดินป่า น้ำตก หรือล่องแพ ทั้งหมดนี้ไม่เพียงเปิดประสบการณ์ให้เด็กๆ แต่การออกไปเรียนรู้โลกกว้าง ยังเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกทักษะชีวิตที่จำเป็น ลองมาดูกันว่า สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ แต่ละแห่ง เด็กๆ เรียนรู้อะไรได้บ้าง
- เดินป่า เที่ยวภูเขา กางเต็นท์
- ฝึกดูแผนที่ เริ่มจากแผนที่ในแอปพลิเคชันบอกทางในโทรศัพท์ ไปจนถึงแผนที่เดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติอย่างง่ายๆ สอนให้เด็กๆ รู้จักสัญลักษณ์ต่างๆ และจุดสังเกตในแผนที่กับสถานที่จริง เป็นทักษะที่ช่วยให้เอาตัวรอดในสถานการณ์ไม่คาดคิดได้
- เรียนรู้พืชพรรณตามธรรมชาติต่างๆ ประเภทของป่าและไม้ยืนต้นที่พบในพื้นที่
- วัฎจักรชีวิตของสัตว์ต่างๆ
- การเอาตัวรอดในป่า การกางเต็นท์ ก่อไฟ การหาแหล่งน้ำสะอาด ฯ
- ศึกษากลุ่มดาวยามค่ำคืน
- ทะเล
- เรียนรู้เรื่องน้ำขึ้น-น้ำลง กับการโคจรของดวงจันทร์
- รูปแบบและประเภทของเกาะต่างๆ
- ผลกระทบของขยะพลาสติกในทะเล
- กระแสลม การเกิดคลื่นในทะเล
- ทราย มาจากไหน
- ดูก้อนเมฆ ศึกษารูปทรงและชื่อเรียกของเมฆแต่ละประเภท
นี่เป็นเพียงไอเดียบางส่วน สำหรับการเรียนรู้เมื่อเด็กๆ ได้ออกไปเที่ยวยังสถานที่ตามธรรมชาติ คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตความชอบของลูก และเลือกหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับการเรียนรู้ไว้ก่อนการเดินทางก็ได้ อาจทำในรูปแบบของเกม เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและอยากมีส่วนร่วม เพียงเท่านี้การเรียนรู้ก็เกิดขึ้นได้ทุกทีแล้วค่ะ
3. ท่องโลกออนไลน์
เด็กยุคดิจิทัลถือว่าได้เปรียบกว่ายุคสมัยอื่นๆ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปไหน ก็ยังสามารถหาความรู้มากมายได้จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกวันนี้มีคลาสเรียนออนไลน์มากมายให้เลือกตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี เสริมทักษะ ไปจนถึง คอร์สสอนด้านวิชาชีพต่างๆ
Starfish Labz (www.starfishlabz.com/คอร์ส) ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนออนไลน์ ที่มีหลักสูตรหลากหลายให้เลือก ทั้งสำหรับพ่อแม่ คุณครู และเด็กๆ ทุกวัย ตัวอย่างคอร์สที่น่าสนใจ ได้แก่ การเขียนโค้ดดิ้ง การทำ Portfolio ให้น่าสนใจ การสอนภาษาจีนง่ายๆ และการเขียนโปรแกรม python สำหรับผู้เริ่มต้น ฯลฯ
ดังนั้นหากจัดสรรเวลาดีๆ เด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้สิ่งที่ตนสนใจได้มากมาย แม้จะไม่ได้ไปโรงเรียน
4. ชุมชนของตนเอง
การเรียนรู้มีอยู่รอบตัวเรา แม้แต่ในสถานที่ที่เรานึกไม่ถึงอย่างชุมชนของเรา ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ได้ เพราะแต่ละสถานที่ย่อมมีเรื่องราวและที่มาที่ไป ลองชวนลูกมาศึกษาประวัติศาสตร์ของชุมชนกันค่ะ
หากไม่รู้จะเริ่มยังไง อาจเริ่มจากการตั้งคำถามว่า ชื่อถนนแถวบ้านเรามีที่มาอย่างไรนะ เช่น ถนนสุขุมวิท มาจากชื่อของพระพิศาลสุขุมวิท อธิบดีกรมทางหลวงในขณะนั้น ซึ่งหากค้นคว้าต่อไป เด็กๆ จะได้เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้น หรือแต่ละชุมชนย่อมมีวัด หรือสถานที่สำคัญในชุมชนนั้นๆ พ่อแม่อาจชวนลูก ไปศึกษาประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญในชุมชนผ่านการบอกเล่าของผู้อาวุโส หรือค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
ใครที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคต่างๆ การศึกษาเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ของภาคอีสานที่เหมือนแอ่งกระทะ อาจชวนลูกศึกษาว่าตำแหน่งที่เราอยู่มีสภาพภูมิศาสตร์อย่างไร เหมาะกับอาชีพอะไร และสภาพภูมิศาสตร์ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนอย่างไรบ้าง เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจชี้ชวนให้ลูกสังเกตสถาปัตยกรรม การปลูกสร้างบ้านของคนในชุมชน เช่น ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านปูนสองชั้น เพราะอะไร คิดว่าบ้านแบบไหนที่ป้องกันอากาศร้อนได้ บ้านไม้ที่ยกพื้นสูง มีประโยชน์อย่างไร การตั้งคำถามกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และสร้างมุมมองใหม่ๆ ให้กับสิ่งที่คุ้นเคยได้เป็นอย่างดี
5. ห้างสรรพสินค้า
หากไม่ได้ไปเรียนพิเศษในห้างสรรพสินค้า ก็อาจนึกไม่ถึงว่าเด็กๆ จะเรียนรู้อะไรได้จากการไปเดินห้าง จริงๆ แล้วการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที เพียงแต่พ่อแม่หาโอกาส เปิดบทสนทนา และชี้ชวนให้ลูกคิด ก็จะทำให้การไปเดินเที่ยวเล่นมีประโยชน์ขึ้นมาได้
ครั้งต่อไปที่ชวนลูกไปเดินห้าง ลองให้ลูกฝึกจดรายการของจำเป็นที่ต้องซื้อเข้าบ้าน สอนให้ลูกเปรียบเทียบราคา ขนาดและปริมาณ ว่าอะไรคุ้มค่ากว่ากัน หากเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต การฝึกให้เด็กๆ อ่านฉลากโภชนาการ ก็จะช่วยให้ลูกเลือกอาหารที่มีประโยชน์ และสามารถคำนวนแคลอรีที่จำเป็นในแต่ละวันได้ นอกจากนี้ การอ่านชื่อร้านต่างๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ สังเกตรากศัพท์หรือการเล่นคำ ก็สามารถช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ใหม่ๆ ได้อีกวิธีหนึ่ง
โลกยุคดิจิทัลการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น หากคุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้ลูกเป็นคนที่รักการเรียนรู้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เด็กๆ ก็จะสามารถเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวได้อย่างไม่รู้จบ สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำหน้าที่เป็นโค้ช ชี้ชวนให้ลูกฝึกคิดบ่อยๆ ชวนเล่นเกมที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ เพื่อให้เด็กๆ เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ เพียงเท่านี้ ไม่ว่าสถานที่ไหน ก็กลายเป็นห้องเรียนให้ลูกได้ตลอดเวลา
Related Courses
การพัฒนาทักษะการเขียน
ในคอร์สนี้จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนเขียนสำหรับผู้เรียนประถมศึกษา ระดับชั้น ป.1- ป.6 โดยได้ยกตัวอย่างปัญหาการเขียนข ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Micro Learning การดูแลสุขภาพใจ ป.1-3
การที่เด็กอารมณ์ดี มีความร่าเริงแจ่มใสจะมีผลต่อพัฒนาการในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น สมอง จิตใจ และร่างกาย แต่หากอารมณ์ไม่ ...
พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร
เรียนรู้ความสำคัญ ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย แนวทางการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการด้านร่า ...