5 สิ่งพ่อแม่ต้องดูแล ถ้าลูกเล่น Tik Tok

นาทีนี้พูดเลยว่าแอพมาแรงแซงทางโค้งของวัยรุ่นในตอนนี้หนีไม่พ้น TikTok (ติ๊กต๊อก) ค่ะ โดยแอปนี้จะเป็นคลิปวิดิโอสั้นๆ ที่มีเรื่องราวหลากหลายมากๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป บางครั้งก็ทำมาเพื่อเรียกยอดคนดูเท่านั้น วันนี้เราจึงมี “5 ภัยร้ายที่แฝงมาใน TikTok” มาบอกเล่าเพื่อเตือนภัยให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้รับทราบกันค่ะ

1. ภัยต่อความเข้าใจ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ใน TikTok ไม่ได้มีแต่เรื่องจริง บางเรื่องใช้เทคนิคการตัดต่อคลิปวิดีโอ ทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องจริง ไม่ต่างจากการแสดงมายากล อันนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะดูออก แต่เด็กๆ ในวัยที่เขาไม่สามารถแยกได้ระหว่างเรื่องจริงกับการตัดต่อ ก็เสี่ยงต่อความเข้าใจผิด ๆ ของเด็กๆได้ ซึ่งความเข้าใจผิดนี้ก็อาจจะทำให้เด็กๆ อยากทำตาม บางครั้งอาจจะส่งผลเสียแค่บ้านเลอะเทอะหรือ ทำออกมาไม่ตรงปก แต่บางครั้งก็อาจจะทำเกิดให้อันตรายทั้งต่อร่างกายและจิตใจขึ้นได้ 

2. ภัยต่อการคุกคาม

ใน TikTok ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ แต่สามารถส่งข้อความหากันได้ เสี่ยงต่อการที่เด็กๆจะถูกหลอก ถูกล่อลวงจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาใน TikTok ไม่ว่าจะเป็นข้อความไม่เหมาะสมเรื่องทางเพศ คำหยาบคาย หรือหลอกลวงเรื่องเงินทอง รวมถึงการทำ Challenge ต่างๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของ TikTok เลยก็ว่าได้ บางอันนั้นก็สุ่มเสี่ยงต่อเรื่องทางเพศ เพราะต้องโพสต์ภาพ Sexy ในท่วงท่าต่างๆ เป็นต้น

ซึ่งจุดนี้เราขอให้คุณพ่อคุณแม่เปิดฟีเจอร์ Family Pairing จะช่วยผู้ปกครองในการจำกัดการใช้งาน (screen time limits) ของเด็กๆ ไม่ให้ใช้งาน TikTok นานเกินไป นอกจากนี้ ยังรวมถึงการปิดกั้นการส่งข้อความส่วนตัว (direct messages) เพื่อป้องกันการล่อลวง หรือการส่งข้อความที่ไม่เหมาะสมมาหาเด็กๆ ได้อีกด้วย

3. ภัยต่อสุขภาพจิต

บางครั้งเราจะเห็นคลิปที่ไวรัลมากๆ ขึ้นมาที่หน้าแรก ซึ่งบางครั้งก็เป็นการกระทำที่รุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรือบางทีก็เป็นคลิปสั้นๆ ที่ระบายความอัดอั้นตันใจ ถ้อยคำหยาบคาย การทำร้ายตัวเอง การทำร้ายผู้อื่น การทำทารุณสัตว์ หรือแม้แต่การพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งหลุดรอดการตรวจสอบของทาง TikTok มาได้ ซึ่งคลิปเหล่านี้จะกระทบต่อสภาพจิตใจเด็กๆ แน่นอน แม้ว่าจะเป็นคลิปที่ลูกได้เห็นเพียงช่วงสั้นๆ ก็ตาม

นอกจากนี้คลิปที่มีความรุนแรง หรือความเศร้าอย่างรุนแรง ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กๆ กระทำรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจทั้งกับตัวเองและผู้อื่นได้อีก เช่น เห็นคลิปทารุณสัตว์ ก็อาจจะคิดว่าสิ่งนี้ทำได้โดยไม่ผิดก็ได้

4. เป็นภัยต่อการบาดเจ็บ

อย่างที่บอกไปแล้วว่าทำอย่างใน TikTok ไม่ใช่เรื่องจริงหรือบางอย่างอาจจะเป็นเรื่องจริงแต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความชำนาญมากๆเพื่อให้ได้ท่วงท่า และลีลาที่สวยงามและผาดโผนแบบนั้น แม้ใน TikTok จะมีคำเตือนว่าการกระทำในคลิปอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่ถ้าเด็กๆ ทำตามโดยไม่ได้ฝึกฝนอย่างถูกต้องก็เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้

ไม่ใช่แค่กีฬาผาดโผน X- Tream เท่านั้นที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ แม้แต่การเต้นท่าทางต่างๆ ที่ต้องตีลังกา กระโดด หมุนตัว ฯลฯ รวมถึงสถานที่เต้นที่วัยรุ่นพยายามหาที่ให้แปลกแหวกแนวก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน

5. เป็นภัยต่อสุขภาพ

 TikTok ก็เหมือนอีกหลาย app ที่เล่นแล้วก็สนุก และติดตามไปเรื่อยๆ ปัญหาก็คือลูกจะเล่นเพลินจนลืมเวลาเป็นปัญหากับสายตาเป็นอย่างแรกเลยค่ะ เพราะการจ้องหน้าจอมือถือนั้นจะมีการปล่อย “แสงสีฟ้า” ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงกับดวงตา เพราะเป็นแสงที่สามารถทะลุผ่านเลนส์ตาและกระจกตาเข้าไปถึงจอประสาทตาได้ หากได้รับเป็นเวลานาน 

“แสงสีฟ้า” นั้นก่อให้เกิดอาการตาล้า เพราะแสงสีฟ้าที่เราจ้องมองอยู่มีความสว่างมากทำให้ดวงตาต้องทำงานอย่างหนัก และอาการตาแห้ง เพราะอุปกรณ์ที่เราจ้องมองส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กทำให้เราต้องจ้องมองมากกว่าปกติ

5 วิธีตั้งค่าง่ายๆ ให้ลูกใช้ TikTok ได้ปลอดภัยขึ้น

TikTok  มาแรงเบอร์นี้จะห้ามไม่ให้ลูกใช้คงบ้านแตกแน่ๆ เราจึงมีวิธีตั้งค่า TikTok ให้ปลอดภัยมาฝากกันค่ะ

1. “การตั้งค่าค้นหา” ทั้งเนื้อหา ผู้ใช้งาน แฮชแท็ก และเสียง ให้อยู่ในโหมด  Family Pairing
2. “Screen Time Management” จำกัดการใช้งานสูงสุด 120 นาทีต่อวัน
3. “Restricted Mode” จำกัดการแสดงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
4. “Direct Message” ปิดการรับส่งข้อความเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากคนแปลกหน้า
5.  “ความคิดเห็น” ตั้งค่าเลือกบุคคลที่ผู้ใช้งานต้องการให้แสดงความคิดเห็น หรือปิดการแสดงความคิดเห็น

เท่านี้ก็สนุกกับ app ยอดฮิตอย่างTiktok ได้โดยไม่ต้องทะเลาะกันให้เหนื่อยใจแล้วค่ะ