ชวนลูกทำงาน DIY เป็นเจ้าของแบรนด์ง่ายๆในวัยเรียน

เด็กยุคใหม่เรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะประสบการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ยิ่งหากใครสามารถต่อยอดงานอดิเรกให้เกิดเป็นรายได้ สร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมา ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตล้ำค่าที่นำหน้าคนอื่นๆ ไปหลายก้าว ลองมาดูกันค่ะว่า มีงาน DIY อะไรบ้างที่พอจะชวนเด็กๆ มาลงมือทำได้บ้าง

DIY อะไรดี?

ชวนคุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตลูกๆ ว่ามีความสามารถหรือชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ หากลูกมีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพ อาจนำภาพที่ลูกวาดมาสกรีนลงเสื้อยืด หรือกระเป๋าผ้า หรือเด็กๆ คนไหนมีความคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ของเล่นของใช้จากวัสดุรีไซเคิล ก็นำมาต่อยอดเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนใครได้

การที่เด็กๆ จะค้นพบความสามารถของตัวเองได้ ส่วนหนึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองทำสิ่งที่หลากหลาย เช่น อาจเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ลงเรียนศิลปะ งานประดิษฐ์คอร์สสั้นๆ เพื่อให้ลูกได้ค้นพบว่าสิ่งไหนที่ใช่สำหรับพวกเขา เมื่อเจอสิ่งที่ชอบแล้ว ขั้นต่อมาก็ไม่ยากอีกต่อไป หากยังนึกไม่ออกว่าจะ DIY อะไรดี ลองนำข้อมูลต่อไปนี้เป็นไอเดียก็ได้ค่ะ

• ทำสบู่แฮนด์เมด ลายสวยก้อนเดียวในโลก
• กระเป๋าผ้าดีไซน์เก๋
• หน้ากากผ้า ลายไม่ซ้ำใคร
• โปสการ์ดจากภาพถ่ายอินสตราแกรม
• ขนมเค้กลายน่ารัก
• สมุดบันทึกทำมือ
• เครื่องประดับจากวัสดุรีไซเคิล
• เสื้อสกรีนลายภาพที่วาดเอง
• ตกแต่งเคสโทรศัพท์ Made to order
• เพ้นท์รองเท้าผ้าใบ
• ตุ๊กตาโครเชต์สุดน่ารัก
• ฯลฯ

สร้างแบรนด์อย่างไรในวัยเรียน

เมื่อค้นพบความชอบแล้ว ขั้นต่อมาก็คือ พัฒนาฝีมือ และหาจุดเด่นที่แตกต่างในผลงานของเรา จนมั่นใจว่านี่แหละ! คือสินค้าที่เราจะนำมาสร้างแบรนด์ หลังจากนั้น จึงค่อยๆ เริ่มกระบวนการทางการตลาด เช่น เริ่มโพสต์ขายออนไลน์ หรือเริ่มจากนำไปวางขายในตลาดนัดแถวบ้าน สินค้าบางอย่างอาจได้รับการตอบรับอย่างดีตั้งแต่แรก ขณะที่สินค้าบางอย่างต้องใช้เวลากว่าคนจะสนใจ ทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรอยู่เคียงข้างและให้คำแนะนำเชิงบวกแก่เด็กๆ ให้กำลังใจแทนการวิพากษ์วิจารณ์ตัดสิน อย่างลืมว่า ทุกประสบการณ์คือบทเรียน ควรชื่นชมความมุ่งมั่นพยายามของลูก มากกว่ารอชื่นชมแต่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียว

เคล็ดลับการสร้างแบรนด์ให้สำเร็จ สำหรับวัยเรียนประการหนึ่งคือ ให้ลูกเลือกทำในสิ่งที่ชื่นชอบจริงๆ เพราะจะทำได้ดีและทำได้นาน อาจแนะนำให้ลูกกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยเดียวกัน เพราะลูกจะรู้ inside ดีที่สุด วัยรุ่นที่ชื่นชอบไอดอล อาจทำผลงาน DIY โดยมีแรงบันดาลใจมาจากศิลปินไอดอลของตัวเอง ก็อาจจะได้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้การเลือกใช้ social media เพื่อทำการตลาดก็จะช่วยให้แบรนด์ได้รับความนิยมมากขึ้น

ข้อดีที่ลูกได้ เมื่อเป็นเจ้าของแบรนด์

พ่อแม่ผู้ปกครองอาจมองว่าลูกยังเป็นเด็กอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเติบโตขึ้นทุกวันและอาจมีความสามารถมากกว่าที่พวกเรามองเห็น การเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ทดลองทำธุรกิจเล็กๆ ในวัยเรียน คือก้าวสำคัญของการเรียนรู้เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ประสบการณ์เหล่านี้มีประโยชน์ต่อเด็กๆ หลายประการค่ะ

• บทเรียนเรื่องความผิดพลาด ธรรมชาติของการทำธุรกิจคือความไม่แน่นอน บางการตัดสินใจอาจนำไปสู่ความผิดพลาด เมื่อเด็กๆ ได้ทดลองเป็นเจ้าของแบรนด์ด้วยตัวเอง พวกเขาจะได้เรียนรู้จากความล้มเหลวเหล่านั้น และทำความเข้าใจว่า ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาและสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ
• มีแรงกดดันน้อย การมีแบรนด์ของตัวเองในวัยเรียน อาจมีแรงกดดันบ้างหรือแทบจะไม่มีเลย เพราะคนส่วนใหญ่มักรู้สึกว่าสิ่งที่เด็กๆ กำลังทำคือการหาประสบการณ์ มากกว่าการทำเพื่อเลี้ยงชีพ แต่หากประสบความสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นผลพลอยได้ที่น่ายินดี การเริ่มธุรกิจในวัยนี้ จึงถือเป็นแบบฝึกหัดที่ดีสำหรับการต่อยอดทักษะทางธุรกิจในอนาคต
• สร้างความมั่นใจ ไม่มีความรู้สึกไหนจะดีไปกว่าความรู้สึกว่า “ฉันทำได้” เมื่อสิ่งที่ลูกทุ่มเท กลายเป็นรายได้แม้อาจจะไม่มากมายนัก แต่ก็ช่วยสร้างความมั่นใจและการเห็นคุณค่าในตัวเองให้กับพวกเขาได้เป็นอย่างดี
• เรียนรู้เรื่องค่าของเงิน เพราะเงินแต่ละบาทหามาไม่ได้ง่ายๆ เด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งนี้เมื่อพวกเขาบริหารจัดการแบรนด์ของตัวเอง การคำนวณต้นทุน กำไร รายรับรายจ่ายต่างๆ เป็นทักษะสำคัญในชีวิตที่ลูกจะได้เรียนรู้
• เทคโนโลยีช่วยให้ทุกอย่างง่าย เด็กยุคใหม่เกิดมาพร้อมทักษะการใช้เทคโนโลยี และเมื่อมีเทคโนโลยีอยู่ในมือทุกอย่างจึงเป็นเรื่องง่าย พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ได้เต็มที่โดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงมีอินเทอร์เน็ต และบัญชี social media ก็โปรโมทแบรนด์ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว

สุดท้ายแล้ว การเริ่มทำธุรกิจ สร้างแบรนด์ด้วยงานฝีมือ DIY น่าจะเป็นวิธีง่ายที่สุด เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้พื้นฐานการทำธุรกิจเบื้องต้น เป็นบทเรียนที่หาไม่ได้ในห้องเรียน และเป็นประสบการณ์ที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดของเด็กๆ เป็นแรงผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จได้ในอนาคต