ชี้ช่องทาง…แหล่งขายของออนไลน์ที่ใครๆก็อยากขาย
การค้าขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ปัจจุบันนี้ก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก หลายคนมองว่าเป็นช่องทางที่สร้างรายได้ง่ายที่สุด เริ่มต้นจากทุนน้อยๆ แต่ได้กำไรดี และอาจต่อยอดสร้างธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งในตอนนี้มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ทำให้การค้นหาสินค้าออนไลน์ได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา
สำหรับการขายของออนไลน์เป็นอาชีพที่เริ่มไม่ยาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ เพราะข้อดีของการขายที่แทบไม่ต้องเสียเงินลงทุน ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ซื้อง่ายขายคล่องสามารถยึดอาชีพขายของออนไลน์เป็นหลักได้เลย แหล่งช่องทางขายของออนไลน์ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบ ทั้งใน Website ,Marketplace และแพลตฟอร์มต่างๆ
ผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ หรือแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่กำลังมองหาช่องทางในการขายของออนไลน์ ตอนนี้เรามีแหล่งช่องทางในการขายของออนไลน์มาแนะนำให้ได้รู้จักกันที่สามารถเข้าไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก แถมรูปแบบร้านค้าเหล่านี้ยังฟรีอีกด้วยมาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1. Facebook
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องมีบัญชีแอดเคาท์ Facebook ไว้ใช้งานในการติดตามข่าวสารกันเป็นปกติ และยังเป็นฟีเจอร์สำหรับซื้อ–ขายสินค้าออนไลน์ หรือเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้สมาชิกโพสต์ขายสินค้าบน Facebook ของตนเองได้อีกด้วยหากน้องๆ อยากมีหน้าร้านขายของออนไลน์ ใน Facebook Fanpage ก็ไม่ต้องไปสมัครสมาชิกกับแพลตฟอร์มอื่นให้ยุ่งยากเลยค่ะ เพียงกดเปิดการใช้งานฟีเจอร์สร้าง Fanpage เพื่อสร้างร้านค้าได้ง่ายๆ ซึ่งมีรูปแบบการขายได้หลากหลาย ทั้งการลงรูปภาพ และFacebook Live รวมถึงสามารถใช้งานฟีเจอร์สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านค้าได้อีกด้วย
แต่การขายของออนไลน์ใน Facebook นอกจากจะมีข้อดีแล้ว ยังมีข้อควรระวังที่น้องๆ ต้องคำนึงคือ มีรูปแบบที่ตายตัว ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ การแสดงข้อมูลแบบ Timeline ทำให้โพสต์บางอัน ที่โพสต์นานแล้วไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหว และยอดฐานลูกค้าเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องมีคนดูแลสม่ำเสมอ นอกจากนี้คอนเทนต์ที่มากขึ้นใน Facebook ทำให้ยากในการดึงความสนใจจากผู้คน และคอนเทนต์ไม่ได้มีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ จึงเหมาะที่จะสื่อสารเป็นหลัก และไม่เหมาะที่จะไว้แสดงข้อมูล เป็นต้น
2. Instagram
Instagram หรือ IG แพลตฟอร์มที่วัยรุ่นนิยมใช้กัน ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเล่าเรื่องผ่านการโพสต์รูปภาพ และคลิป VDO สั้นๆ เป็นแอปพลิเคชันที่เป็นแหล่งรวมตัวของร้านค้าออนไลน์ต่างๆ อย่างเช่น แฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา และอื่นๆ อีกมากมาย นับว่าเป็นช่องทางที่เหมาะกับการขายออนไลน์มากที่สุด
การเปิดร้านขายสินค้าใน IG ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่มีบัญชีส่วนตัว เท่านี้เราก็สร้างหน้าร้านได้ทันที รวมไปถึงเครื่องมือใน IG นั้นเราก็สามารถใช้งานสำหรับการโปรโมทรูปภาพสินค้าได้อย่างง่ายดาย
ข้อจำกัดหรือข้อควรคำนึงในการขายของใน IG คือ กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร ของที่จะขายต้องดูช่วงอายุ และใน IG นั้นส่วนมากเป็นกลุ่มวัยรุ่น ดังนั้นต้องขายให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และผู้ติดตามก็ต้องมีเยอะเช่นกันถึงจะขายได้ เพราะถ้าหากไม่มีผู้ติดตามก็ไร้ประโยชน์เช่นกันค่ะ
3. Line
แอปพลิเคชันแชทยอดนิยมในไทย ที่ไม่แพ้ Facebook ซึ่งเป็นแหล่งรวมทุกเพศ ทุกวัย ทำให้ Line เป็นแพลตฟอร์มที่น่าลงทุนทำการขายของออนไลน์ เป็นการเริ่มต้นฟรี แบบไม่เสียเงิน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Line@ มาเอาใจแม่ค้าสายออนไลน์ โดยผู้ที่มีบัญชีอยู่เดิมแล้ว สามารถเปิดสร้างบัญชีร้านค้าได้ทันที ซึ่ง Line@ ก็คล้ายๆ กับ Facebook Fanpage ที่ลูกค้าสามารถติดตาม และอัปเดตสินค้าของร้านเราได้ตลอดเวลา โดยสามารถส่งภาพสินค้ามาทางช่องแชทไลน์ แถมยังประหยัดเวลาในการส่งข้อความ เพราะสามารถส่งข้อความไปหาผู้ที่ติดตาม Line@ ได้ทั้งหมด เรียกได้ว่าส่งครั้งเดียวไปหาผู้ติดตามได้ครบทุกคนเลย และเราสามารถสร้างโปรโมชั่น หรือส่วนลดให้กับลูกค้าได้อย่างอิสระ มีสถิติผู้ติดตามที่ชัดเจน
สำหรับน้องๆ ที่สนใจทำการขายของออนไลน์ใน Line@ นี้ เรายังมีข้อจำกัดในการใช้ฟีเจอร์นี้อยู่บ้าง ฉะนั้นเรายังจำเป็นต้องซื้อแพ็กเกจ เพื่อที่สามารถส่งข้อความไปหาผู้ติดตามได้มากขึ้น เนื่องจากการส่งข้อความถูกจำกัดด้วยจำนวนผู้ติดตามใน Line@ นั่นหมายความว่า ยิ่งผู้ติดตามมาก การส่งข้อความแต่ละครั้งจะทำให้โค้วตาในการส่งยิ่งน้อยลง จำเป็นต้องเติมแพ็กเกจต่ออายุเพิ่ม และ Line@ ยังไม่มีระบบร้านค้า เวลาขายสินค้าจึงจำเป็นต้องคุยผ่านแชททุกครั้ง สุดท้ายนี้ไม่มีระบบหาคนติดตามได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องพึ่งพาช่องทางอื่นๆ เข้ามาช่วย ซึ่งเป็นการใช้งานที่ซับซ้อนอยู่บ้าง
4. Shopee
แหล่งซื้อ–ขายสินค้าออนไลน์ยอดนิยม และครองอันดับ 1 ของช่องทางที่มีผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุด สำหรับการเปิดร้านใน Shopee ก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่สมัครบัญชีแอดเคาท์ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือวางขายสินค้าได้ทันที
Shopee สามารถนำสินค้ามาวางขายได้หลากหลายหมวดหมู่ และยังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ด้วยการติดดาวและรีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อสินค้าจากร้านเราไป เป็นการเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่ง ทั้งยังมีระบบการชำระเงินที่ครอบคลุมทุกช่องทาง และเชื่อมต่อกับการบริการขนส่งที่หลากหลายอีกด้วย
ส่วนจุดด้อยของ Shopee ที่น้องๆ ทุกคนต้องระวัง คือ ตลาดขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดของ Lazada และไม่มีการสื่อสารโดยตรงกับผู้ซื้อเอง (นอกเหนือจากการความคิดเห็นหรือการรีวิวของผู้ซื้อ) พูดง่ายก็คือ Shopee เป็นแพลตฟอร์มที่ยังไม่ได้ใช้มาตรการคุ้มครองผู้ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีของการสื่อสารที่จำกัด ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หากไม่มีการติดต่อระหว่างตัวเรากับลูกค้า การให้บริการอาจเป็นเรื่องยุ่งยากก็ได้ค่ะ
5. Lazada
Lazada เป็นอีกช่องทางการซื้อ–ขายสินค้าออนไลน์ โดยมีจุดเด่นคือ การขายสินค้าใหม่ เป็นสินค้ามือหนึ่ง มีโปรโมชั่น และส่วนลดตลอด มีการสั่งซื้อสินค้า การขนส่ง และการชำระเงินที่ครบครัน สามารถสร้างร้านของตัวเองได้ฟรี ส่วนจุดด้อยของ Lazada คือ การแข่งขันที่สูงขึ้นกับสินค้าจีน และค่าธรรมเนียมการตลาดมีราคาสูงกว่า
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการขายของออนไลน์นั้นนอกจากจะมีแหล่งช่องทางขายให้ดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อกันแล้ว ควรมีเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารร้านค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการ สามารถขายของออนไลน์ได้อย่างยั่งยืนนะคะ น้องๆ สามารถเลือกช่องทางการขายของออนไลน์ ตามที่ตนเองสนใจและที่ถนัดได้เลยค่ะ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-www.takraonlinetraining.com/blog/ไขข้อสงสัยสำหรับมือใหม่__เฟสบุ๊คส่วนตัว_กับ_เพจ_ต่างกันหรือไม่
-www.mdsiglobal.com/instagram/
-blog.sellsuki.co.th/selling-with-lineat-likeapro/
-fillgoods.co/online-biz/no-shop-direct-to-online-channel-free-for-merchant/
Related Courses
Set สตูดิโอง่าย ๆ ด้วยงบ 1,000 บาท
การ Set Studio สามารถทำได้ในราคาที่ไม่แพง และนำไปใช้ได้จริง จำเป็นต้องศึกษารายละเอียด และปรับใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม เ ...
Applications เพื่อสร้างงานกราฟิกอย่างง่าย
ตัวช่วยดี ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังสนใจในการทำอาชีพบนโลกออนไลน์ และต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับผลงานของตัวเอง เพื่อเพิ่ม ...
เสกงานกราฟฟิกแบบมืออาชีพด้วย Canva
มาเรียนรู้วิธีการใช้ Canva ตัวช่วยดี ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่อยากสร้างผลงานกราฟฟิกให้มีความโดดเด่นน่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าสินค้าได้
รวมมิตร เทคนิค เด็ดๆ การทำ Visual Note
คอร์สเรียนนี้ จะเป็นการรวบรวมเทคนิค ในการออกแบบ Visual Note เพื่อการจัดรูปแบบเนื้อหา ให้ได้ประเด็น มีใจความที่อ่านง่ ...
รวมมิตร เทคนิค เด็ดๆ การทำ Visual Note
ต้องใช้ 100 เหรียญ