4 วิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ปัจจุบัน เทคโนโลยีและสังคมแบบดิจิทัลกำลังเข้ามามีอิทธิพลต่อโลกมากขึ้น ดังนั้นพ่อแม่ควรเตรียมพร้อมให้ลูก ๆ ให้เข้าใจ และมีภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเท่าทันโลก ซึ่งนอกจากการเตรียมพร้อมด้านการเรียนแล้วสิ่งที่พ่อแม่ควรปลูกฝังลูก คือ การให้เด็กรู้จักคำว่า “ความเปลี่ยนแปลง” แม้ตอนนี้ลูกน้อยอาจจะเข้าใจได้ยากสักหน่อยเพราะเป็นคำที่ค่อนข้างนามธรรม แต่เชื่อเถอะว่าโตไปแล้วเขาจะเข้าใจได้โดยอัตโนมัติ วันนี้เราเลยหยิบยกวิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความเปลี่ยนแปลงมาฝากคุณพ่อ คุณแม่ทุกท่านกัน
ขอบคุณภาพจาก bro.vector
1.เล่าเรื่อง ‘ความความเปลี่ยนแปลง’ ให้ลูกฟัง
เมื่อพ่อแม่จะพูดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงให้ลูกฟัง ควรเริ่มจากความเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ ที่เห็นได้ชัดในชีวิตประจำวันก่อน เช่น สอนว่าถ้าลูกอายุเกิน 3 ขวบ ต้องเข้าโรงเรียนนะ จะเป็นวันที่ต้องห่างจากที่บ้าน โตไปแล้วจะได้เจอกับเพื่อน ๆ ที่นิสัยหลากหลายไม่เหมือนเรา หรือเมื่ออายุมากขึ้นส่วนสูง น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น อวัยวะต่างๆ จะพัฒนาขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ถ้าบอกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เด็กจะค่อยๆ ซึมซับและเริ่มรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงหน้าตาเป็นอย่างไร จะต้องเผชิญกับอะไร เขาจะได้เตรียมใจได้ถูก หรือถ้าเป็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงที่ต้องย้ายโรงเรียน ย้ายที่อยู่ เช่น โรงเรียนใหม่ ครูใหม่ หรือเพื่อนใหม่ พ่อแม่อาจจะพาลูกเข้าไปดูโรงเรียนก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับลูก
นอกจากเรื่องในชีวิตประจำวันแล้ว อาจจะพูดถึงเรื่องข่าวสารบ้านเมืองให้ลูกฟังระหว่างดูโทรทัศน์ว่าโลกของเราตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว มีอะไรที่กำลังพัฒนาไปบ้าง สถานการณ์เป็นอย่างไร ต่างไปจากเมื่อก่อนแค่ไหน
แค่การพูดคุยหรือเล่าสิ่งที่เด็กจะเจอในอนาคตแทรกไปในแต่ละวันเรื่อย ๆ ลูกก็จะค่อย ๆ เข้าใจคำว่า “ความเปลี่ยนแปลง” ได้เอง
2.ทำให้ลูกเข้าใจว่า ‘ความเปลี่ยนแปลง’ เป็นเรื่องปกติ
เมื่อลูกเข้าใจแล้วว่าความเปลี่ยนแปลงคืออะไร ลำดับต่อมา คือพยายามให้เขาเข้าใจว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติของชีวิตที่ทุกคนจะต้องเผชิญในอนาคต เช่นบอกว่า ถ้าลูกเคยสอบได้ที่ 1 แต่ถ้าเจอคนเก่งกว่า วันหนึ่ง ลูกอาจจะสอบได้ที่ 2 ก็ได้ สิ่งนี้จะเป็นการบอกว่าในอนาคตเราจะต้องเจอคนอีกเยอะแยะมากมาย และเราไม่ได้เก่งที่สุดในโลก ซึ่งจะช่วยให้ลูกทำใจยอมรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพจาก pch.vector
3.สอนลูกให้รู้จัก ‘การปรับตัว’
ในอนาคตไม่ว่าโลกจะเป็นอย่างไร มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น คนที่จะรับกับความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุดคือคนที่มีความสามารถในการปรับตัว ซึ่งการปรับตัวนั้นเป็นมากกว่าการยอมรับเพียงอย่างเดียว เพราะการสอนให้ลูกรู้จักปรับตัว คือการสอนให้เขารู้จักหาหนทางและแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อเอาตัวรอดด้วย โดยอาจจะเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ เช่น ชวนลูกคิดว่า เมื่อย้ายโรงเรียนแล้วเจอเพื่อนใหม่ จะทักทายเพื่อนใหม่ว่าอย่างไร ถ้าเจอคนที่แตกต่างจากเขามาก ๆ ควรจะปฏิบัติตัวแบบไหน หรือถ้าเป็นเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยอาจจะชวนคิดว่า ในอนาคตถ้ามี AI เข้ามาแทนที่ จะมีงานอะไรที่ AI จะไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยไกด์ลูกเบื้องต้นว่าเขาต้องปรับตัวอย่างไร และเป็นการฝึกให้ลูกคิดถึงวิธีการรับมือล่วงหน้าเมื่อพบกับสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากปัจจุบัน
4.ปรับความเข้าใจกับความหมายของ “ความมั่นคง” ใหม่
เมื่อพ่อแม่สอนลูกถึงความเปลี่ยนแปลงแล้ว เราก็อยากแนะนำให้พูดถึง “ความมั่นคง” ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากทุกวันนี้ความมั่นคงไม่ได้หมายถึงความหนักแน่น ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่หมายถึงการรู้จักปรับเปลี่ยน ปรับตัว และยืนหยัดรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ไม่ไหลไปตามกระแสหรือสถานการณ์ โดยอาจจะยกตัวอย่างให้ลูกฟังง่าย ๆ เช่น ปัจจุบันที่เกิดสถานการณ์ COVID - 19 ขึ้น จะเห็นว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งการปิดตัวของโรงแรมและธุรกิจต่าง ๆ หรือการปิดสถานศึกษา เปลี่ยนเป็นรูปแบบการเรียนออนไลน์ ซึ่งถ้าเด็ก ๆ ไม่มีความมั่นคง ไม่รู้จักรับมือกับสถานการณ์ อาจทำให้พวกเขาไม่สามารถเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเดิม อาจจะไม่มีสมาธิ หรือทำการบ้านไม่เสร็จ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการรับมือ เช่น การจัดเวลาเรียน เวลาทำการบ้าน ไม่นำไอแพด โทรศัพท์มือถือ หรือสิ่งล่อตาล่อใจมาวางไว้ในห้องขณะเรียนหนังสือ เพื่อให้ตามบทเรียนได้ทันและคงประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้เหมือนเดิม
ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตลูกจะต้องเติบโตไปเจอกับอะไรบ้าง แต่คุณพ่อ คุณแม่สามารถเตรียมพร้อมให้ลูกน้อยได้ด้วยการเริ่มต้นฝึกเขาทีละนิด เพื่อให้ลูกเข้าใจความหมายของความเปลี่ยนแปลง หรือพูดถึงความเปลี่ยนแปลงจากสิ่งรอบตัว และการปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ แล้วลูกจะรู้เองเมื่อโตไปว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสามัญธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน และเขาไม่จำเป็นที่ต้องกังวลเลย เพราะแค่ยอมรับและแก้ปัญหา ก็จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก
Related Courses
Social and cultural awareness classroom
ห้องเรียนความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม เป็นการออกแบบการเรียนรู้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม ให้ผู้เ ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
วันนี้ Starfish Labz มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ครูผู้สอนได้เทคนิคการออกแบบกิจกรรมใน Booklet ให้มีความน่าสนใจ สร้างสรร ...
นวัตกรรม Booklet ทำอย่างไรให้ ว้าว!
ต้องใช้ 100 เหรียญ
การสร้างรายได้จากสติกเกอร์ Line
เมื่อยุคเปลี่ยนไปการสื่อสารกันในชีวิตประจำวันเปลี่ยนตาม จากการพูดคุยกลายเป็นการพิมพ์คุยกัน การสร้างสติกเกอร์ไลน์จึงเป็นอาชีพ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ