ขับเคลื่อนอย่างไรในวันที่อะไรๆ ก็เปลี่ยน คุยกับ 5 ผู้นำการศึกษาในช่วงเวลาแห่งความผกผัน

ในยุคที่การศึกษาไม่เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ยังต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด ผู้นำการศึกษาจึงต้องมีวิสัยทัศน์ที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ยังต้องสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาในระยะยาวได้อย่างมั่นคง ในช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือผกผัน พวกเขามีวิธีการจัดการหรือเดินหน้าอย่างไรกันนะ ในบทความนี้ Starfish Labz ชวนผู้บริหารคนเก่ง 5 ท่านมาร่วมพูดคุยกัน 

แต่ละท่านจะมีแนวคิด วิถีปฏิบัติ หรือเคล็ดลับอะไรกันบ้างในการบริหารการศึกษาในช่วงเวลาแห่งความผกผันนี้ ตาม Starfish Labz มาร่วมคุยกันในบทความนี้กันเลยค่ะ

ขับเคลื่อนอย่างไรในวันที่อะไรๆ ก็เปลี่ยน คุยกับ 5 ผู้นำการศึกษาในช่วงเวลาแห่งความผกผัน

นางสาวจิตสุภาพ โตตาบ รองผู้อำนวยการ โรงเรียนประสาทวิทยานนทบุรี

การเป็นผู้นำในการศึกษา มักหมายถึงการอยู่ในภาวะที่ต้องจัดการกับความท้าทายอยู่เสมอ แต่สำหรับนางสาวจิตสุภาพ เธอมองว่า การทำงานของผู้บริหารและครูในยุคนี้ต้องเริ่มจากการ "กลับไปเป็นเด็ก" อีกครั้ง การเข้าใจเส้นทางการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการขับเคลื่อนการศึกษาในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก

"ผู้บริหารและครูอย่างเราต้องกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง คือ ดูเส้นทางการเรียนรู้ของพวกเขาว่าเขาเรียนรู้ได้ดีอย่างไร ถึงจุดนั้นแล้วต้องไม่ปล่อยเลยไป แต่ผลักดันทำต่อที่จะจัดการเรียนรู้ที่ควรจะเป็นให้พวกเขา" นางสาวจิตสุภาพกล่าว

เธอเน้นย้ำว่า การเรียนรู้ของนักเรียนในปัจจุบันไม่เหมือนกับในอดีต การใช้เทคโนโลยีและการเรียนรู้ที่หลากหลายช่วยให้การศึกษาในยุคนี้มีความยืดหยุ่นและสามารถตอบโจทย์ได้มากขึ้น การที่ครูและผู้บริหารต้องปรับตัวและมองเห็นการเรียนรู้จากมุมมองของผู้เรียนเอง จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง การสอนในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การถ่ายทอดความรู้ แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ นางสาวจิตสุภาพยังกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนในฐานะ "เพื่อนร่วมทาง" เพื่อให้พวกเขารู้สึกถึงความสำคัญในการเรียนและรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียน

นางสาวสิราลักษณ์ ธนะเกียรติกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่คะ สพป.เชียงใหม่ เขต 3

ในมุมมองของนางสาวสิราลักษณ์ การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคที่การศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่โรงเรียนต่างๆ สามารถเชื่อมโยงกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะช่วยพัฒนาแนวทางการสอนและกระบวนการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเราจะได้วิธีการและแนวทางที่หลากหลาย เพื่อนำมาสร้างสรรค์และพัฒนางานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ" เธอกล่าว

เธอเชื่อว่า ในโลกที่การศึกษากำลังถูกท้าทายจากปัจจัยภายนอกทั้งในเรื่องของสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยี ความสามารถในการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้จากกันและกันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการศึกษาให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกันในเครือข่ายต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ของครู นักเรียน และผู้ปกครองไปพร้อมๆ กัน

"การเรียนรู้ในโลกที่การศึกษาก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลจำเป็นต้องมีการพัฒนาและการเชื่อมโยงจากโรงเรียนสู่โรงเรียน" นางสาวสิราลักษณ์กล่าว

การเรียนรู้ร่วมกันทำให้ทั้งครูและนักเรียนได้รับประโยชน์จากวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น การสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งจะช่วยให้ครูและผู้บริหารสามารถแลกเปลี่ยนวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำมาปรับใช้ในโรงเรียนของตนเองได้

นายอนุชา นพรัมภา ผู้อำนวยการโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 9 สพป.เชียงใหม่ เขต 3

การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างครู ผู้บริหาร และผู้ปกครองถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาในยุคนี้ นายอนุชา เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

"การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างครู ผู้บริหาร และผู้ปกครอง สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้บริหารคือ เข้าถึงและพัฒนา เมื่อเจอปัญหาต้องแก้ไขในทันที" นายอนุชากล่าว

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานร่วมกันระหว่างครู ผู้บริหาร และผู้ปกครองไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียน แต่ยังสามารถช่วยพัฒนาแนวทางการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้มากขึ้น ความเข้าใจระหว่างครู ผู้ปกครอง และนักเรียนเองเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดี และทำให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีและช่องทางการสื่อสารในปัจจุบัน สามารถช่วยเพิ่มความร่วมมือในระดับนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายธนิต มินวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปลาดาว

ในการขับเคลื่อนการศึกษาในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นายธนิตมองว่าการศึกษาหาความรู้ หรือศึกษาจากกรณีตัวอย่าง พร้อมกับความพยายามวิเคราะห์เพื่อนำมาปรับใช้เป็นกุญแจสำคัญของการเรียนรู้ และหาวิธีใหม่ๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ท้าทายที่รอคอยอยู่ และสิ่งที่สำคัญมากคือการมีเพื่อนร่วมทางที่ดีในการพัฒนาและเรียนรู้ไปด้วยกัน เพื่อนร่วมทางนี้อาจเป็นทีมที่มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเพราะมีแรงบันดาลใจเดียวกัน หรือเป็นเครือข่ายทำงานร่วมที่สามารถแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ ความสำเร็จและสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน

นายศิวรัตน์ พายุหะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษโรงเรียนพระแท่นดงรังวิทยาคาร

นายศิวรัตน์ให้ความสำคัญกับการ "ประเมินผลการปฏิบัติงาน" ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเป็นหลัก เขาเชื่อว่า การประเมินผลที่เหมาะสมจะช่วยให้การศึกษาเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นจริงมากขึ้น

"การประเมินผลการปฏิบัติงาน ควรประเมินจากผลที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สร้างห้องเรียนคุณภาพ และมุ่งสู่พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลง เน้นการสอน สังเกต สะท้อนคิด และสภาพจริง" นายศิวรัตน์กล่าว

เขาเน้นย้ำว่าการสร้างห้องเรียนที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่การสอนตามหลักสูตร แต่ต้องมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนจริงๆ การประเมินผลควรมุ่งไปที่การพัฒนาทักษะและความคิดที่สร้างสรรค์ของนักเรียน ซึ่งจะช่วยให้การศึกษาเกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

สรุป (Key Takeaway)

กล่าวได้ว่านี่คือบทการพูดคุยที่ทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยประสบการณ์จริงอย่างแท้จริง ผู้อำนวยการหรือผู้บริหารแต่ละท่านต่างมีวิธีการที่ไม่เพียงน่าสนใจแต่ยังน่าชื่นชมและยกย่อง แม้ว่าแต่ละคนจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือการมุ่งมั่นที่จะสร้างการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่เหมาะสมแม้จะอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง และยังเป็นเสียงสะท้อนที่ช่วยให้เห็นว่าในช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะเป็นวิกฤต แท้จริงแล้วสามารถเป็นโอกาส และยังเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถเริ่มทบทวนถึงการทำงานที่ผ่านมาและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดผลอย่างยั่งยืนไปอีกยาวนานเลยทีเดียว

ผู้อ่านแต่ละท่านฟังแล้ว หากเริ่มมีแรงบันดาลใจแล้วละก็ อย่าลืมนำหนึ่งในเทคนิคหรือเคล็ดลับจากผู้บริหารแต่ละท่านไปลองปรับใช้หรือปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับตัวเองกันดูนะคะ