การเรียนรู้แบบ STEM คืออะไร? รูปแบบการสอนใหม่ที่คุณครูทุกคนต้องรู้!
ในบทความนี้ เพื่อเป็นคู่มือฉบับกะทัดรัดแต่ครบให้กับคุณครู Starfish Labz เลยขอทำหน้าที่พาคุณครู รวมถึงผู้ปกครองทุกคนมาเรียนรู้เกี่ยวกับ STEM Education หรือการเรียนรู้แบบ STEM กันค่ะ
STEM คืออะไร? สำคัญหรือมีประโยชน์อย่างไรต่อเด็กๆ และคุณครู และต่อทิศทางการศึกษาไทยในอนาคต มาเริ่มต้นทำความเข้าใจและเรียนรู้กันเลย
การเรียนรู้แบบ STEM คืออะไร?
STEM Education คือการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) ของ 4 ศาสตร์สาขาได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S), เทคโนโลยี (Technology: T), วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และคณิตศาสตร์ (Mathematics: M) ผ่านการนำจุดเด่น หรือแกนกลาง ตลอดจนเทคนิควิธีการสอนของแต่ละสาขาวิชาผสมผสานกันให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เกื้อหนุนและช่วยเหลือกัน ช่วยให้เกิดการตกผลึกหรือการรับรู้เชิงลึกหรืออย่างผสมผสานกันที่มักช่วยให้เกิดการคิดอย่างสร้างสรรค์ คิดแล้วได้แนวทางหรือวิธีการใหม่ ๆ ตลอดจนเป็นการคิดอย่างรอบด้าน ช่วยให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นการเชื่อมโยงหรือแนวทางใหม่ ๆ ต่างที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาหรือสิ่งต่างๆ ได้อย่างดีขึ้น ภายใต้ 3 ลักษณะที่เป็นจุดเด่นนั่นคือ
- เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ (S), เทคโนโลยี (T), วิศวกรรมศาสตร์ (E) และคณิตศาสตร์ (M) หรือ STEM
- เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่สามารถจัดสอนได้ในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ผ่านการออกแบบให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัยและจุดประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้น จากง่ายจนถึงค่อยๆ เริ่มยาก
- เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความร่วมสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการในด้านต่างๆ ที่มีความซับซ้อนของศตวรรษที่ 21
โดยต้นกำเนิดของรูปแบบการเรียนรู้ STEM นี้ก็คือหลักสูตร STEM ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (U.S. National Science Foundation หรือ NSF) ในปี
ค.ศ. 2001 ที่มาการรวมเอา 4 สาขาวิชาเข้าด้วยกัน และได้รับความสนใจอย่างมากภายในประเทศก่อนขยายต่อออกไปยังต่างประเทศอย่างออสเตรีเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร รวมถึงในประเทศไทยของเรา
ประโยชน์ของ STEM Education สำหรับเด็กๆ
การเรียนรู้ในแบบ STEM แน่นอนว่าช่วยในเรื่องการเรียนรู้แบบผสมผสาน เด็กๆ มีโอกาสในการเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างรอบด้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านหรือในมุมที่อาจต้องอาศัยศาสตร์ทั้ง 4 เหล่านี้เข้าด้วยกัน เช่น การผลิตแอปฯ หากเป็นในระดับที่โตขึ้นมา หรือการสร้างทางออกหรือโซลูชันต่างๆ ในแบบที่อาจไม่เคยมีมาก่อน การเรียนรู้ในเชิง STEM ก็สามารถช่วยค่อยๆ ขยายกรอบความเป็นไปได้เหล่านี้ได้
นอกเหนือจากประโยชน์เชิงผสมผสาน ตัวรูปแบบการเรียนการสอนเองยังสามารถช่วยให้เด็กๆ เกิดการพัฒนาทักษะต่างๆ ที่ดีแบบในแบบแยกย่อย เช่น ทักษะการแก้ปัญหา, ทักษะการคิดวิเคราะห์, ทักษะการคิดอย่างอิสระ รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การเรียนรู้การทำงานของ AI ตลอดจนการเรียนรู้ที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการเรียนรู้แบบ STEM แม้อาจจะดูเหมือนเป็นการเรียนรู้เฉพาะทาง แต่ก็ให้ความสำคัญการสามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างยิ่งเช่นกัน และยังนับเอาเป้าหมายในด้านความสามารถในการใช้งานจริงนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการเรียนรู้อีกด้วย
ประโยชน์ของ STEM Education ต่อคุณครูและทิศทางของ STEM Education ในประเทศไทย
อาจฟังดูเหมือนเป็นนโยบายการเรียนรู้ที่เกิดประโยชน์ต่อเพียงแค่เด็กๆ แต่จริงๆ แล้ว นอกเหนือจากคุณค่าที่มีต่อผู้เรียน STEM Education ยังมีคุณประโยชน์ต่อผู้สอนในแง่ความน่าสนใจ ความหลากหลายในการต่อยอด ในการออกแบบเนื้อหาหรือคอร์ส คุณครูมีพื้นที่หรือความเป็นอิสระมากขึ้นในการหยิบจับสิ่งต่างๆ มาสอน หรือในการสอนให้เด็กคิดสิ่งต่างๆ อย่างเป็นอิสระและน่าสนใจกว่าเดิม การเรียนรู้เชิงผสมผสารยังช่วยเพิ่มความสนุกสนานเพราะสิ่งต่างๆ ล้วนน่าสนใจ
โดยสำหรับในประเทศไทยของเรารวมถึงแผนการพัฒนาการศึกษาไทยในอนาคต มีการพูดถึงการเรียนรู้แบบ STEM อยู่เสมอและยังมีแผนการพัฒนาต่างๆ มากมายที่ออกมาแล้ว อาทิ โครงการยกระดับคุณภาพโรงเรียนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี (โรงเรียนคุณภาพ SMT ตามมาตรฐาน สสวท.), โครงการการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนของครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสะเต็มศึกษา ตามแนวทาง สสวท. ตลอดจนการสอดแทรกรูปแบบการเรียนรู้เชิง STEM ในเนื้อหาและกิจกรรมตามการศึกษาขั้นพื้นฐานวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
ในปี 2562 มีการพัฒนาบทเรียนร่วมกันผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ชวนคุณครูออกแบบการเรียนรู้เชิงรุก มีการจัดการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้นตามแนวทาง STEM ศึกษา และในปี 2563 ที่ผ่านมายังมีการส่งคุณครูเข้าร่วมหลักสูตรการพัฒนาการเรียนการสอนแบบ STEM ศึกษาอย่าง STEAM4INNOVATOR ของสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าหากพูดถึงในบริบทของประเทศไทยเราเองนี้ การพัฒนาการเรียนรู้ด้าน STEM Education ก็ถือว่ามีความก้าวหน้าและมีการพัฒนาเรียนรู้กันอย่างต่อเนื่อง และมีทิศทางที่จะเป็นหนึ่งในรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความสำคัญต่อการศึกษาไทยในอนาคตเลยก็ว่าได้ ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวรูปแบบสามารถตอบโจทย์ไม่เพียงความต้องการในการเรียนรู้ของเด็กๆ แต่ยังรวมถึงความต้องการเรื่องบุคลากรด้าน STEM ในอุตสาหกรรมหรือการทำงานด้านต่างๆ
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนโยบายการศึกษาใหม่ที่น่าจับตาเลยทีเดียวค่ะทั้งสำหรับทิศทางการพัฒนาการศึกษาไทยในอนาคตและการหยิบจับมาใช้ในปัจจุบัน คุณครูคนไหนที่กำลังลังเล ไม่รู้ว่าอยากจะลองศึกษาตรงนี้ดีไหม Starfish Labz ขอเชียร์ให้ลองเริ่มต้น ทำความเข้าใจและเรียนรู้กันเลย
อ้างอิง:
บทความใกล้เคียง
10 นวัตกรรม Highlight จากครูมีไฟ หัวใจฮีโร่ Season 3
ยกระดับการเรียนรู้โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ด้วย 3 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการศึกษา จาก Starfish Education
แชร์ไอเดียการสอนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ง่ายๆ สไตล์โรงเรียนบ้านปลาดาว
Related Courses
การสอนคณิตศาสตร์ (3R)
คณิตศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่เรามีเทคนิคดีๆ มาเป็นตัวช่วยในการสอน คณิตศาสตร์ของเราก็จะเป็นเรื่องง่าย ไม่น่าเบื่ ...
การพัฒนาทักษะในอนาคตด้วย Makerspace
ในคอร์สนี้ จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมผู้เรียน เพื่อพัฒนาให้เกิดทักษะที่จำเป็นในอนาคต ผ่านการจัดการเรียนรู้แบบ Ma ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
หากคุณเป็นคนชอบวาดรูป ชอบการขีดเขียน หรือการจดบันทึก อยากลองทำ Visual Note แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาอย่างไรดี คอร์สเ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
ต้องใช้ 50 เหรียญ
เปิดโลกการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วย Google Lens
Google Lens เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเรียนรู้กลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนาน ผ่านการใช้กล้องสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว ผู้ ...
เปิดโลกการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วย Google Lens
ต้องใช้ 100 เหรียญ