อยากเป็น Digital Normad ต้องทำยังไง
ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ที่การเชื่อมโยงถึงกันเป็นไปได้โดยแทบไม่มีขีดจำกัด ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการทำงานของคนยุคใหม่เปลี่ยนไปไม่น้อยจากที่เคยต้องทำงานในออฟฟิศ ปัจจุบันนี้สถานที่ทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนโต๊ะที่มีพาร์ทิชันกั้น หรือในห้องทำงานสี่เหลี่ยมอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ซึ่งเราเรียกคนกลุ่มนั้นว่า Digital Nomad
Digital Nomad วิถีชีวิตแบบใหม่ที่ใครๆ ใฝ่หา เมื่อ 20 กว่าปีก่อน หลายคนคงจินตนาการไม่ออกว่าการเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่เกิดจริงได้อย่างไร ไหนจะติดขัดเรื่องการติดต่อสื่อสาร ไหนจะอุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย แต่หลังจากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน ที่พาเราเข้าสู่ยุค Digital Disruption อะไรที่เคยเป็นเรื่องยาก ก็กลับกลายเป็นง่าย อะไรที่เคยดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ก็กลายเป็นจริงเสียอย่างนั้น รวมถึงรูปแบบการทำงาน ที่เปลี่ยนให้โลกใบใหญ่กลายเป็นห้องทำงานที่ไร้ขีดจำกัด คำว่า Nomad แปลตรงตัวหมายความว่า เร่ร่อน พเนจร Digital Nomad จึงหมายความว่าการทำงานผ่านระบบดิจิทัลโดยเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปเรื่อยๆ ซึ่งการเปลี่ยนสถานที่ทำงานนี้ไม่ได้หมายถึงเปลี่ยนบริษัท แต่หมายถึงเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงานต่างหากวันหนึ่ง Digital Nomad อาจนั่งทำงานริมทะเล อีกวันเข้าไปอยู่ในป่า ก่อนจะกลับมาทำงานในคาเฟ่กลางกรุง ซึ่งปัจจุบันการทำงานรูปแบบนี้ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ และจากสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมา ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศเสมอไป เพราะเทคโนโลยีทำให้เราอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานให้สำเร็จได้
ข้อดีของ Digital Nomad คือ มีความอิสระในระดับหนึ่ง ขณะที่ยังคงมีรายได้ประจำ ไม่ต้องผูกติดกับสถานที่ เวลาเข้างาน ขอเพียงรับผิดชอบงานให้เสร็จก็สามารถอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้
สายอาชีพไหนเป็น Digital Nomad ได้บ้าง มีหลากหลายสาขาอาชีพที่สามารถทำงานแบบ Digital Nomad ได้ส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กรด้วยว่าเปิดรับวิธีการทำงานสไตล์นี้มากน้อยเพียงใด ต่อไปนี้ เป็นสายงานที่เหมาะกับการเป็น Digital Nomad
- งานสายเทคโนโลยี: งานเขียนโปรแกรม พัฒนาโปรแกรม ขอเพียงมีอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้ทุกที่ หนำซ้ำบริษัทที่เป็นสายงาน Tech ส่วนใหญ่ก็มักมีวัฒนธรรมการทำงานที่ให้อิสระจึงมีโอกาสว่าหากอยู่ในสายงานนี้ก็อาจมีห้องทำงานเป็นโลกใบใหญ่ก็เป็นได้
- สายงานการตลาดดิจิทัล: ไม่ว่าจะเป็นงาน Ads Optimizer หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อาชีพในสายงานนี้มีโอกาสเป็น Digital Nomad ได้ เพราะเพียงมีคอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ต ก็ทำงานได้ทุกที่ เพราะเป็นงานที่อยู่กับระบบออนไลน์ หรือหากต้องพูดคุยกับลูกค้าก็สามารถสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มประชุมออนไลน์ที่มีให้เลือกหลากหลายแพลตฟอร์ม
- สายงาน Creative: ที่เน้นใช้ความคิด ผลิตผลงานจากไอเดีย ไม่ว่าจะเป็น Content Creater ไปจนถึง Video Editor สามารถทำงาน Digital Nomad ได้ เพราะเป็นงานที่ส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง ไม่ต้องประสานงานเท่าใดนัก อีกทั้งการเป็น Digital Nomad ยังมีข้อดีสำหรับงาน creative เพราะช่วยเปิดโลกกว้าง สร้างแรงบันดาลใจผลิตผลงานใหม่ๆ ได้ไม่ซ้ำซากจำเจ
ทักษะจำเป็นของ Digital Nomad การทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ อาจเป็นความฝันของใครหลายๆ คน แต่ใช่ว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้ เพราะจะว่าไปแล้วอิสระเสรีที่ได้มา ย่อมต้องแลกมาด้วยการพิสูจน์ตนเองจนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากองค์กรหรือหัวหน้างาน ลองมาดูกันว่าหากต้องการเลือกเส้นทางการทำงานแบบ Digital Nomad แล้ว ควรมีทักษะได้บ้าง
- ความรับผิดชอบ: เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีไม่ว่าจะทำงานรูปแบบใด แต่สำหรับ Digital Nomand ความรับผิดชอบอาจต้องมากเป็นสองเท่า เพราะการทำงานในบรรยากาศที่มีสิ่งล่อตาล่อใจ เช่น หาดทรายขาวๆ น้ำทะเลสีคราม หรือเตียงนอนนุ่มฟู ก็อาจทำให้ไขว้เขวจนทำงานไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้น ความรับผิดชอบที่จะทำงานให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด จึงเป็นทักษะที่สำคัญมาก
- Management Skill: ทักษะการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการตัวเอง เพราะ Digital Nomad บ่อยครั้งต้องเดินทาง เปลี่ยนสถานที่ต่างๆ จึงต้องสามารถวางแผนจัดการเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานให้สมดุลกัน เช่น จัดการได้ว่าสถานที่จะไปนอกจากเป็นที่ที่อยากไปแล้ว ก็ควรเป็นสถานที่ที่เอื้อต่อการทำงาน มีบริเวณให้นั่งทำงานได้อย่างสงบ มีอินเทอร์เน็ต การเดินทาง ติดต่อสื่อสารสะดวก
- การบริหารเวลา: เนื่องจาก Digital Nomad ไม่มีเวลาเข้างานที่แน่นอน แต่อย่างน้อยๆ ก็จำเป็นต้องบริหารเวลาเพื่อทำงานให้เสร็จทันกำหนด ขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน
- นักเดินทางที่รับผิดชอบ: นอกจากรับผิดชอบงานแล้ว นักเดินทางอย่าง Digital Nomad ควรเป็นนักเดินทางที่รับผิดชอบต่อโลกและสังคมด้วย หาวิธีลด Carbon Footprint, เที่ยวอย่างใส่ใจและให้ความเคารพวัฒนธรรมของชุมชนที่ไปเยือน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และร่วมกิจกรรมอาสาเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมเมื่อมีโอกาส เพื่อไม่ให้การทำงานของเราเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม
สุดท้ายแล้วชีวิตของ Digital Nomad อาจเป็นรูปแบบการทำงานในฝันของเด็กยุคใหม่ แต่ก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เช่นกัน ที่จะทำให้ลูกๆ เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์การทำงานนี้อย่างถูกต้องเพราะ Digital Nomad ไม่ใช่แค่การทำงานที่ไหนก็ได้ หรือ ทำงานไปเที่ยวไปเพราะชีวิตการทำงานจริงๆ ยังมีเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อนมากมายซ่อนอยู่ซึ่งหากเด็กๆ เติบโตมาโดยขาดความเข้าใจและไม่ได้รับการปลูกฝังทักษะที่จำเป็น การเป็น Digital Nomad ก็อาจกลายเป็นฝันร้าย มากกว่าฝันที่เป็นจริงสำหรับเด็กยุคใหม่ได้
แหล่งอ้างอิง (Sources) :
Related Courses
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
ไม่ได้จบครูแต่อยากเป็นครูต้องทำอย่างไร
อาชีพครูถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ผู้มีใจรักการสอนหรือต้องการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญให้กับผู้เรียนแต่คุณครูบางท่านอาจเข้าไปทำงานใน ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ