5 สมมติฐานของการนำ AI มาใช้พัฒนาการศึกษา

ตั้งแต่มีการเปิดตัว ChatGPT โดย OpenAI เมื่อปีที่แล้วทำให้หลายๆ วงการเกิดสั่นสะเทือนเพราะความสามารถของ ChatGPT ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความต่างๆ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการแต่งเพลง เป็นต้น

หนึ่งในวงการที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษจากการมี ChatGPT นั่นก็คือ วงการการศึกษาเพราะเมื่อนักเรียนสามารถใช้ ChatGPT ในการเขียนรายงานเขียนเรียงความต่างๆ ได้อย่างง่ายดายในขณะที่ครูก็สามารถจ้าง AI ให้มาช่วยออกแบบหลักสูตรได้อีกด้วยดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คนในวงการศึกษาต้องให้ความสนใจเกี่ยวกับ AI เป็นพิเศษถึงผลกระทบต่อหน้าที่การงานและการออกแบบการเรียนรู้ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ตาม 5 สมมติฐานต่อไปนี้

1)การเรียนแบบตัวต่อตนจะเพิ่มมากขึ้น

เมื่อก่อนการเรียนรู้แบบตัวต่อตัว (นักเรียน 1 คน ต่อครูอีก 1 คน) มักจะมีแต่คนมีฐานะเท่านั้นที่เข้าถึงการเรียนรู้แบบนี้แต่เมื่อมี AI เข้ามาที่สามารถทำหน้าเป็นครูให้แต่ละคนได้ เช่น การสร้างแผนการเรียนรู้รายบุคคลและสามารถคัดสรรเนื้อหาให้แก่ผู้เรียนโดยที่ไม่ต้องเสียทรัพยากรมากอย่างที่เคยทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัดมากขึ้น

2)การเรียนรู้รายบุคคล จากฝันกลายเป็นความจริง

ด้วย AI จะสามารถปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็น “ส่วนบุคคล” ได้ ตั้งแต่รูปแบบการเรียนรู้และความต้องการ (เช่น ภาพกับข้อความและเสียง) ไปจนถึงประเภทเนื้อหา (เช่น นำตัวละครโปรดของเด็กหรือผู้ใหญ่หรืองานอดิเรก/ประเภทที่ชื่นชอบ) ไปจนถึงหลักสูตรได้อย่างง่ายดายนอกจากนี้ยังสามารถสอนระดับทักษะและวัดช่องว่างของผู้เรียนได้แม่นยำยิ่งขึ้นนอกจากนี้ AI ยังจะจัดประเภทของผู้เรียนประเภทได้ดียิ่งขึ้นตั้งแต่ผู้เรียนที่มีความก้าวหน้าสูง ไปจนถึงผู้ที่มีความต้องการการเรียนรู้พิเศษเพื่อเสนอรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสม

3)เครื่องมือ AI ใหม่ๆ สำหรับครูและนักเรียนจะเพิ่มสูงขึ้น

อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Canva ที่กลายเป็นที่โด่งดังและมีผู้ใช้งานมากมายทั่วโลกเพราะเป็น template สำเร็จรูปที่สามารถออกแบบภาพและจัดวางต่างๆ ได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการทั้งนักเรียนและคุณครูใช้ Canva เพื่อประโยชน์ต่างๆ ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ AI มาช่วยคุณครูให้มีเวลาในการออกแบบการสอนมากขึ้นเพราะ AI เพิ่มเวลาว่างทำให้ครูสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรม "พิเศษ" เช่น การให้ความสนใจนักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นต้น

4)การประเมินต่างๆ ต้องเปลี่ยนรูปแบบและได้รับการพัฒนาใหม่

ChatGPT เป็นเทคโนโลยีที่ควรบูรณาการเข้ากับการเรียนรู้และการสอนและการใช้ประโยชน์จาก AI จะช่วยเพิ่มทักษะให้กับเราได้ในอนาคต ดังนั้น เราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีประเมินความสำเร็จในชั้นเรียนเช่นเดียวกับที่เราทำเมื่อมีวิกิพีเดีย เครื่องคิดเลข อินเทอร์เน็ต แล็ปท็อปส่วนตัวและอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยโรงเรียนประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนและใบรับรองต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและดียิ่งขึ้นแต่สิ่งที่ต้องพิจารณาและจะต้องคำนึงถึงก่อนที่คุณครูจะใช้วิธีการประเมินโดย AI คือ ช่องว่างในการเข้าถึง AI ระหว่างนักเรียนที่ฐานะยากจนและนักเรียนที่มีฐานะรวย เพื่อจะได้ออกแบบวิธีการประเมินได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

5)การตรวจสอบข้อเท็จจริงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ

อีกเรื่องที่น่ากังวลคือ “ความจริง” ในยุคของ AI เพราะอัลกอริทึมได้รับการฝึกฝนโดยการใส่ข้อมูลที่มีอยู่แต่ในปัจจุบันข้อมูลทั้งหมดนี้ยังคงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของมนุษย์และพฤติกรรมของมนุษย์ซึ่งหมายความว่าอคติทางสังคมทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ เพศ และอื่นๆ จะถูกรวมเข้ากับอัลกอริทึมและอคติเหล่านี้จะยังคงขยายออกไปต่อไปเพราะฉะนั้นการใช้ AI จะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญเราจะต้องมีการตรวจสอบความจริงเสมอเมื่อใช้ AI เป็นเครื่องมือ

ทั้ง 5 สมมติฐานนี้เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าหลังจากที่มีการเปิดตัวการใช้ AI หรือ ChatGPT ทั้งนี้ หน้าที่ของ “ผู้ใช้” ต้องมองว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่มนุษย์เราเท่านั้น ดังนั้น มนุษย์อย่างพวกเราควรใช้ AI อย่างมีเป้าหมายและใช้อย่างรู้เท่าทันจะดีที่สุด

แปลและอ้างอิง

Five Predictions for the Future of Learning in the Age of AI https://shorturl.at/jvFQX