ประเมินพัฒนาการของเด็กอย่างต่อเนื่องด้วย Starfish Class สุดยอดเทคโนโลยีการศึกษาสำหรับคุณครู

หากพูดถึงสุดยอดเครื่องมือช่วยประเมินสำหรับคุณครูในปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศไทยหรือระบบการศึกษาไทยของเราหนึ่งในเครื่องมือที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Starfish Class หรือสุดยอดเครื่องมือตัวช่วยสำคัญสำหรับคุณครูในการค่อยบันทึกและประเมินพัฒนาการทักษะหรือสมรรถนะต่างๆ ของเด็กๆนั่นเองค่ะ
Starfish Class ถือเป็นเทคโนโลยีการศึกษาที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการประเมินทักษะโดยเฉพาะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาใช้เพื่อบันทึกดูพัฒนาการในเรื่องหนึ่งๆ ของเด็กอย่างต่อเนื่องแต่ที่ว่าเหมาะอย่างยิ่งนี้เหมาะอย่างไรกันแน่นะวันนี้ Starfish Labz พามาดูกันแบบชัดๆ กับ 5 จุดสำคัญใน Starfish Class เครื่องมือตัวช่วยสำคัญที่สามารถช่วยพัฒนาทุกทักษะให้กับเด็กๆ กันค่ะ
5 จุดสำคัญใน Starfish Class ช่วยคุณครูบันทึกพัฒนาการทางทักษะต่างๆ ของเด็กได้อย่างยอดเยี่ยม
1.ผู้ประเมินที่หลากหลาย
การประเมินทักษะของเด็กๆ ใน Starfish Class นอกเหนือจากคุณครูที่เป็นผู้ประเมินหลักแล้วสุดยอดฟีเจอร์ที่เทคโนโลยีการศึกษาอย่าง Starfish Class มีก็คือการเปิดให้คุณครูสามารถชวนบุคคลอื่นๆ ได้แก่ คุณครูคนอื่นๆ, ผู้ปกครองและนักเรียนด้วยกันเองมาร่วมประเมินได้ด้วยนั่นเองค่ะจุดเด่นและคุณประโยชน์ของความสามารถนี้แน่นอนว่าคือความหลากหลายในการดูผลลัพธ์พัฒนาการความสามารถในการสร้างผลการประเมินจากหลากหลายมุมมองแต่ที่มากไปกว่าความหลากหลายก็คือความสามารถในเรื่องของการใช้งานที่เพิ่มเข้ามา ในกิจกรรมการทำงานคู่หรือกลุ่ม คุณครูสามารถใช้ Starfish Class เพื่อให้เด็กประเมินคู่หรือสมาชิกในกลุ่มของพวกเขากันเองได้ แถมการเปิดให้ผู้ปกครองร่วมประเมินได้อย่างถือเป็นการต่อยอดการฝึกพัฒนาการของเด็กๆ ที่มากไปกว่าแค่ในห้องเรียน เป็นการเปิดประสบการณ์การเรียนรู้การเรียนการสอนใหม่ที่เน้นให้เด็กๆ เกิดการพัฒนาจริงๆ มีทักษะนี้ในตัวทั้งในชั่วโมงเรียนและนอกห้องเรียนซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการเรียนรู้เชิงสมรรถนะหรือทักษะนั่นเอง
2.ชุดการประเมินที่ครอบคลุม พร้อม Rubric ชัดเจน
Starfish Class มาพร้อมกับ 3 ชุดการประเมินใหญ่ๆที่ได้รับการสำรวจและศึกษามาแล้วว่าเป็นชุดการประเมินที่มีความสำคัญเป็นที่ต้องการและเหมาะอย่างยิ่งต่อการเรียนการสอนสมัยใหม่ ได้แก่ ชุดการประเมินหลังจากทำกิจกรรม, ชุดการประเมินสมรรถนะหรือทักษะ และชุดการประเมิน STEAM Design Process แต่ละชุดการประเมินมีเทมเพลต Rubric เริ่มต้นภายในให้อย่างชัดเจนแต่ถ้าคุณครูอยากเปลี่ยนปรับแปลงก็สามารถทำได้อย่างอิสระจะสร้างรายการทักษะใหม่ๆ กี่ทักษะก็สามารถทำได้สามารถใช้แต่ละชุดเพื่อแต่ละวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย อาทิ ใช้ชุดประเมินหลังการทำกิจกรรมเพื่อดูพัฒนาการของเด็กต่อกิจกรรมนั้นๆ ดูว่ากิจกรรมดังกล่าวที่เราลองใช้ได้ผลดีหรือไม่เป็นการประเมินเพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนารูปแบบการสอนหรือกิจกรรมหรือจะใช้ชุดนี้เพื่อสำรวจดูความชื่นชอบโดยส่วนตัวของเด็กๆ ต่อรูปแบบการสอนหนึ่งๆ สร้าง Personalized Learning ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันส่วนชุดสมรรถนะอาจใช้เพื่อบันทึกพัฒนาการของเด็กๆ ในระยะยาวสำหรับการเรียนรู้ตลอดภาคการศึกษาบันทึกทุกๆ 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ หรือทุกๆ เดือนเป็นต้น
3.การรายงานผลที่ครอบคลุมและเข้าใจง่าย
Starfish Class แสดงผลการประเมินในรูปแบบกราฟแมงมุมหรือ Spider Graph ช่วยให้คุณครูสามารถมองเห็นทิศทางการพัฒนาทักษะต่างๆ ของเด็กๆ ในภาคการศึกษาหนึ่งๆ ได้อย่างชัดเจน ทักษะไหนที่กำลังไปได้ดีทักษะไหนที่อาจต้องมีการเสริมการแสดงผลแบบ Spider Graph คือคำตอบเลยทีเดียวค่ะ เมื่อมองเห็นภาพรวมพัฒนาการแบบนี้คุณครูก็สามารถช่วยเด็กๆ พัฒนาตนเองได้อย่างมีความเป็นส่วนตัว (Personalized) และเด็กๆ รวมถึงผู้ปกครองยังสามารถเข้ามาดูผลการประเมินนี้ได้ด้วยนอกจากนี้นอกเหนือจากการดูผลการประเมินรายบุคคลยังสามารถดูในรูปแบบห้องเรียนมองเห็นภาพรวมทิศทางการเรียนรู้ของแต่ละห้องเรียนและภาพรวมความก้าวหน้าของเด็กๆ ทุกคนในห้องดังกล่าว
4.ประเมินอย่างถูกต้องและโปร่งใสภายใต้กรอบ Evidence
การประเมินใน Starfish Class ตั้งอยู่ในกรอบของหลักฐานแม้จุดนี้อาจจะไม่ได้เป็นจุดที่บังคับหรือเป็นฟีเจอร์ในลักษณะ Optional (ทางเลือก) แต่ก็ถือว่าเป็น Reminder เป็นตัวช่วยเตือนให้กับคุณครูได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะว่าผลที่เรากำลังประเมินนี้ตั้งอยู่บนหลักฐานจริงๆ หรือไม่เราได้มีการสังเกตผลนี้จริงๆ ไหมเราบันทึกผลนี้จากสิ่งใดซึ่งในหน้าการประเมินคุณครูสามารถใส่หลักฐานในรูปของข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอและไฟล์การเขียนหลักฐานลงเสมอยังช่วยให้คุณครูสามารถกลับมาดูได้อีกว่ากิจกรรมนี้มีผลอย่างไรอย่างละเอียดต่อเด็กๆ เด็กๆ คนนี้เรียนรู้อย่างไรมีอะไรที่เขาแตกต่างไปมีอะไรที่เป็นจุดเด่นในพัฒนาการของเขาดูรายละเอียดของเด็กๆ แล้วยังสามารถใช้เป็น Reflection สำหรับการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไปของคุณครูอีกด้วยจบเทอมสามารถกลับมาดูได้ว่ากิจกรรมนี้หรือวิธีการสอนนี้ที่เราใช้ดีอย่างไรเด็กๆ ประเภทไหนที่ชอบกิจกรรมแบบนี้ เป็นต้น
5.การเป็นเครื่องมือ Digital และ Online ใช้งานที่ไหนก็ได้ ต่อเนื่อง ปลอดภัย ไม่เสี่ยงสูญหายง่ายต่อคุณครู
พัฒนาการของเด็กๆ อาศัยระยะเวลาและการประเมินที่ดีที่สุดจึงคือการประเมินที่คุณครูสามารถเข้ามาดู เข้ามาเช็กและบันทึกผลได้อย่างต่อเนื่องเป็นระเบียบไม่เสี่ยงสูญหายไม่ต้องมากังวลว่าเอกสารหรือแฟ้มผลการเรียนนี้อยู่ที่ไหนจะเสี่ยงเสียหายไหมกว่าจะจบเทอม
การเลือกใช้สื่อดิจิทัล หรือเทคโนโลยีการศึกษาสำหรับการประเมินในแง่นี้ จึงสามารถช่วยลดความกังวลเรื่องเอกสาร ช่วย Streamline หรือให้ทำกระบวนการการสอนของคุณครูเป็นไปอย่างลื่นไหล เรียบง่าย เกิดความคล่องตัว ว่องไวได้อย่างดีที่สุดส่วนประเมินในแพลตฟอร์มแล้วคุณครูยังสามารถกดบันทึกผลออกมาในรูป PDF และ Excel ได้ สามารถใช้เป็นเอกสารเพื่อการดำเนินการพัฒนาการเรียนการสอนหรือส่งต่อให้เด็กๆ เป็นรายบุคคลในรูปของสมุดหรือใบรายงานพัฒนาการของพวกเขาต่อไป
และนี่ก็คือ 5 จุดสำคัญใน Starfish Class ที่เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อเป็นเทคโนโลยีการศึกษาสำหรับการฝึกพัฒนาการของเด็กๆ เลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะใช้ในการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ วัยไหนเป็นเทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับเด็กปฐมวัย วัยประถมหรือมัธยม Starfish Class ก็สามารถเป็นสุดยอดตัวช่วยคุณครูได้อย่างดีเลยทีเดียว
อ้างอิง:
บทความใกล้เคียง
จะคอร์สออนไลน์หรือสื่อการสอนก็มีให้หมดรวมสุดยอด 5 แหล่งเครื่องมือครู ในทุกสถานการณ์

5 แอปพลิเคชันช่วยคุณครูประเมินสมรรถนะของผู้เรียนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ครูคลับ (Kru Club) สร้างเกมง่าย ๆ ด้วย Wordwall

Related Courses
เทคนิคการสร้าง AR Content อย่างง่ายด้วย MywebAR
ผู้ที่สนใจในการสร้างเนื้อหาดิจิทัล และต้องการใช้ AR เพื่อเพิ่มมิติใหม่กับผลงานของตัวเอง โดยเฉพาะคุณครูอาจารย์ที่ต้องการสร้าง ...



เทคนิคการสร้าง AR Content อย่างง่ายด้วย MywebAR
ต้องใช้ 100 เหรียญ
การใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Immersive Technology ในห้องเรียน
AR เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้นและยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้มาก ...



การใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง Immersive Technology ในห้องเรียน
ต้องใช้ 100 เหรียญ
สร้าง Mindset พื้นฐานเรื่องความปลอดภัยทางดิจิทัลในรูปแบบเกม Google Awesome
ปัจจุบันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์นับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมกว่าแต่ก่อนดังนั้นการสร้าง Mindset พื้นฐาน ...



สร้าง Mindset พื้นฐานเรื่องความปลอดภัยทางดิจิทัลในรูปแบบเกม Google Awesome
ต้องใช้ 100 เหรียญ
การสร้างสื่อการเรียนรู้
การสร้างสื่อการเรียนการสอนแบบดิจิทัล เพื่อการสอนเสริมและลดปัญหาการถดถอยในการเรียนรู้ของผู้เรียน



Related Videos


พื้นที่แห่งการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21


การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning Management)


เทคนิคการสอน สอนอย่างไรให้ได้ “สมรรถนะ”

