เจาะลึกการศึกษาไทยในอนาคต ทำความรู้จัก Nano Learning เทรนด์การศึกษายุคใหม่ของศตวรรษ
เมื่อพูดถึงการพัฒนาการศึกษาของประเทศหนึ่งๆ นอกเหนือจากการพิจารณาปัจจัยหรือปัญหาต่างๆ ภายในประเทศแล้ว แน่นอนว่าอีกหนึ่งจุดที่สำคัญและมีประโยชน์ไม่แพ้กันก็คือศึกษาพิจารณาเทรนด์การศึกษาจากที่ต่างๆ โดยเฉพาะในระดับโลกหรือในระดับนานาชาติที่เราสามารถนำมาปรับใช้และพัฒนาให้กับเด็กๆ ในประเทศของเราได้คอลัมน์การศึกษาไทยในอนาคตของ Starfish Labz ในวันนี้ เลยขอชวนคุณครู นักการศึกษา สถาบันการศึกษา รวมถึงผู้ปกครองมาทำความรู้จักหนึ่งในเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่าง Nano Learning นั่นเองค่ะอะไรคือการเรียนรู้แบบ Nano Learning? สำคัญอย่างไร? และคุณครูอย่างเราๆ จะสามารถลองนำมาปรับใช้ สอนเด็กๆ อย่างไรได้บ้าง ตาม Starfish Labz มาเรียนรู้กันในบทความนี้กันเลยค่ะ
Nano Learning คืออะไร
คำว่า ‘Nano’ ในภาษาอังกฤษหมายถึง ‘เล็กมากหรือเพียงแค่ราวๆ นาที’ และเมื่ออยู่ในชื่อของรูปแบบการเรียนรู้ แน่นอนว่าเจ้าโมเดล Nano Learning ที่ว่านี้ก็คือ ‘การเรียนรู้ในขนาดสั้นๆ’ ราวนาที Nano Learning คือโมเดลที่แบ่งบทเรียนหลักหนึ่งๆ ออกเป็นบทเรียนย่อยๆ สั้นๆ ขนาดพอดีคำ (bite-sized learning) มีระยะเวลาโดยทั่วไปต่อบทเรียนเพียงแค่ราวๆ 2-5 นาที ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ให้นึกถึงเวลาเราเล่น TikTok แล้วพบวิดีโอดีๆ เทคนิคคูลต่างๆ ในราวๆ แค่ไม่กี่นาทีนั่นเองค่ะ
Nano Learning หลายครั้งมักถูกเรียกว่า Micro Learning เพราะมีลักษณะคล้ายกันคือการแบ่งซอยบทเรียนออกเป็นย่อยๆ แต่ในความจริงแล้วทั้งสองต่างกัน Nano Learning ใช้เวลาน้อยกว่า เน้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ (Micro Learning สามารถใช้เวลาอย่างน้อย 15 – 30 นาทีต่อ 1 บทเรียนย่อย) และนอกเหนือจากเป็นหนึ่งบทเรียนย่อยในบทเรียนหลักแล้ว ยังสามารถถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปของบทเรียนหลักเดี่ยวๆ (stand-alone lesson) ที่กระชับ ได้ใจความ เข้าถึงประเด็นทันที ในขณะที่บทเรียนย่อยของ Micro Learning ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นส่วนหนึ่งหรืออยู่ในโมดูลการเรียนบทเรียนใหญ่เท่านั้น
เมื่อพูดถึง Nano Learning เหล่าคอนเทนต์ เช่น คลิปในลักษณะ Reels ต่างๆ ทั้งที่เดี่ยวๆ และเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์ใหญ่อื่นๆ จึงล้วนถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของ Nano Learning นั่นเองค่ะ การผลิต Nano Learning ยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี หรือสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่คุณครูคิดว่าเหมาะสมและใช้ได้ดั่งใจ ขอแค่ต้องสั้น กระชับ ตรงประเด็น และน่าสนใจ น่าเรียนรู้
3 หัวใจสำคัญของ Nano Learning
1. สามารถเป็นได้ทั้งบทเรียนเดี่ยว (stand-alone lesson) และบทเรียนย่อย (chapters) ในหนึ่งบทเรียนหลักใหญ่ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของคุณครู
2. สามารถใช้เวลาตั้งแต่ราววินาทีหรือให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่นำเสนอต้องครบ ตรงประเด็น
3. มีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอ ประยุกต์ ปรับใช้ สามารถใช้สื่อ, ช่องทาง, หรือรูปแบบของบทเรียนที่หลากหลาย ตั้งแต่ในรูปของภาพหรือวิดีโอ เช่น คลิปสั้นๆ ในลักษณะ Reels ไปจนถึงสื่อการเรียนรู้และกิจกรรม เช่น การใช้การ์ดคำศัพท์ (flashcards)
คุณประโยชน์ของ Nano Learning
1. การมอบบทเรียนแบบ Nano Learning บังคับให้คุณครูใส่ใจในประเด็นที่จะนำเสนอ มอบการสอนที่กระชับ ตรงประเด็น และเข้าใจง่าย
2. ในรูปของบทเรียนย่อย มีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้เรียนสามารถค่อยๆ ซึมซับ ค่อยๆ ไต่ระดับความยาก เรียนรู้ทีละน้อยๆ แต่ว่าต่อเนื่อง
3. ช่วยลดภาวะความเหนื่อยจากการเรียนรู้ จากการจดจำและใช้เวลาที่มักนานเกินไปกับบทเรียนในรูปแบบเดิมๆ
4. ช่วยเสริมสร้างความสนุกสนาน ความน่าสนใจ เพราะสั้น ฉับไว ใช้เวลาไม่นาน กระตุ้นความสนใจและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของผู้เรียน
5. นอกเหนือจากการใช้ในห้องเรียน ยังเหมาะกับการนำมาพัฒนาในรูปแบบการเรียนออนไลน์ เรียนเสริมเพิ่มเติม เวลาไหนก็ได้ เป็นประจำทุกวัน ในช่วงที่ว่าง แบ่งเวลาได้เพียงแค่ 5-10 นาทีต่อวัน
การนำมาสอนและปรับใช้ในห้องเรียนไทย Nano Learning สามารถเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการศึกษาไทยในอนาคต
แม้เราจะเริ่มมีพัฒนาการเรียนรู้เชิงสมรรถนะที่หันมาให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความสนใจของเด็กๆ เป็นหลัก เริ่มค่อยๆ มองเห็นถึงจุดอ่อนของการเรียนรู้ในรูปแบบเดิมกันแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการศึกษาของประเทศไทย เรื่องของระยะเวลาของเนื้อหาจนถึงชั่วโมงการเรียน การสอนยังคงนับว่ายาวนานและใช้เวลาอยู่มาก แต่เดิมเราคิดว่าการอัดเนื้อหาให้เด็กคือกลยุทธ์ที่สำคัญ ยิ่งอัดให้ได้เยอะ ยาว และต่อเนื่องต่อวันเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ในปัจจุบัน เราเห็นกันแล้วว่าหัวใจสำคัญที่แท้จริงของการสอนคือการย่อยสิ่งที่สำคัญที่สุดมาให้เด็กๆ คือการเลือกวิธีการนำเสนอที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้จริงๆ อย่างต่อเนื่องจนเป็นทักษะสำหรับการศึกษาไทยในอนาคต รวมถึงปัจจุบัน แนวคิดและโมเดล Nano Learning จึงถือว่ามีความสำคัญและสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้อย่างมาก คุณครูสามารถเปลี่ยนมุมมองการใช้เวลาในห้องเรียนของตนเองต่อเด็กๆ ใน 1 ชั่วโมงที่แสนยาวนาน เป็นไปได้ไหมที่บทเรียนที่เรานำเสนอจะสั้นลงมาอีก ลดระยะเวลาอีกนิด เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และน่าสนใจ สื่อการสอนที่เราใช้ เปลี่ยนใหม่เป็นอย่างอื่นที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย และน่าสนใจมากกว่านี้ได้หรือเปล่านั่นเองค่ะ
สรุปสาระสำคัญ (Key Takeaway)
โดยสรุป Nano Learning คือแนวคิดและรูปแบบการเรียนรู้แบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการลดระยะเวลาการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านการย่อยมาแล้วของคุณครูและการเสริมสร้างความน่าสนใจของตัวบทเรียนผ่านการมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอต่างๆ
จุดหมายสำคัญของ Nano Learning คือการช่วยลดภาวะความเหนื่อยล้าในการเรียนรู้ของเด็กๆ การนำเสนอการเรียนรู้ที่ตรงประเด็น และการช่วยสร้างทักษะการเรียนรู้ที่ดี คือในลักษณะอย่างน้อยๆ แต่ต่อเนื่อง ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ปรับใช้ได้ทั้งในห้องเรียนจริงๆ ทางกายภาพและห้องเรียน คอร์สออนไลน์
อ้างอิง:
Related Courses
การพัฒนาทักษะในอนาคตด้วย Makerspace
ในคอร์สนี้ จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมผู้เรียน เพื่อพัฒนาให้เกิดทักษะที่จำเป็นในอนาคต ผ่านการจัดการเรียนรู้แบบ Ma ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
หากคุณเป็นคนชอบวาดรูป ชอบการขีดเขียน หรือการจดบันทึก อยากลองทำ Visual Note แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาอย่างไรดี คอร์สเ ...
เริ่มต้นทำ Visual Note อย่างง่ายใครๆ ก็ทำได้
ต้องใช้ 100 เหรียญ
เรียนรู้ศิลปะดิจิทัล Google Art & Culture Metaverse
Google Arts & Culture แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลงานศิลปะและวัฒนธรรมจากพิพิธภัณฑ์และสถา ...
เรียนรู้ศิลปะดิจิทัล Google Art & Culture Metaverse
ต้องใช้ 100 เหรียญ
Micro Learning เทคนิคการจัดการเรียนการสอน 1
คุณภาพของผู้เรียนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบในตัวผู้เรียนเอง แล้วกระบวนการเรียนการสอนที่ครู จัดให้เป็นสิ่งสำคัญต่อผลสัม ...