ตัวแทนองค์กรไม่ใช่เรื่องยาก
ในยุคปัจจุบันการเข้าไปทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ว่าจะในกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ ต่างก็ต้องนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรเพื่อเชื่อมสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน
ในความแตกต่างให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดี ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจจากผู้ร่วมทำงาน และเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรยิ่งขึ้น
บทความนี้ Starfish Labz มีข้อมูลเกี่ยวกับ ตัวแทนองค์กรไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์จากนักพัฒนาการศึกษามูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ เทคนิคของการออกไปเป็นตัวแทนองค์กรที่ต้องเข้าไปมีบทบาทหรือทำงานร่วมกับองค์กร อื่น ๆ มาฝากกันค่ะ
การเป็นตัวแทนองค์กร คำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง
การทำงานร่วมกับโรงเรียน โค้ชชลตระหนักถึงภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นอันดับแรก เนื่องจากมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮมของเราเป็นองค์กรในด้านการศึกษา ฉะนั้น โรงเรียนที่เข้ามาทำงานร่วมกับเรา ต่างก็มีความเชื่อมั่น เชื่อใจในองค์กรของเรา ดังนั้นโค้ชเป็นตัวแทนขององค์กรก็ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เหมาะสมกับความเชื่อมั่นที่โรงเรียนมีต่อเรา
ในฐานะที่เราเป็นตัวแทนขององค์กร ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมให้เหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และสิ่งที่เราไม่ควรลืม คือ อัตลักษณ์ของโค้ช ซึ่งประกอบไปด้วย
- Friendly มีความเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกัลยาณมิตรที่ดี
- Positive มองสถานการณ์ในแง่บวก เป็นที่ปรึกษาที่ดี
- Modern การนำสิ่งใหม่เข้าไปปรับใช้ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
อีกส่วนคือ ในเรื่องของความรู้ ความเข้าใจของเราต้องมีการเรียนรู้ และเตรียมพร้อม
อยู่เสมอในเนื้อหาเป้าหมายของโครงการ,การวางแผนการทำงานกับโรงเรียนที่มีความต่างในบริบท เป็นต้น และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่โรงเรียนจะได้รับเมื่อได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
และทำงานร่วมกับองค์กรของเรา สุดท้ายเราต้องมาถอดเป็นบทเรียนว่าสิ่งที่เราได้ทำงานร่วมกันกับโรงเรียนมาทั้งหมดนั้น โรงเรียนได้อะไร องค์กรได้อะไร ประเทศชาติได้อะไร
ความสำเร็จเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใดและประสบการณ์ที่ได้รับจะนำมาเรียนรู้ ต่อยอด พัฒนาในส่วนไหนได้บ้าง เพื่อพัฒนาการทำงานในอนาคตต่อไป
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เราสามารถทำงานร่วมกับโรงเรียนได้ดีนั้น
ปัจจัยแรกคือ บทบาทของโค้ชต้องชัดเจนในเรื่องของการทำงานว่า เราคือโค้ช เป็นเพื่อนช่วยคิดเป็นกัลยาณมิตร เป็นผู้อำนวยความสะดวก เพื่อให้โรงเรียนสามารถขับเคลื่อนงานไปได้
ปัจจัยต่อมาคือ วิธีการทำงาน ในเรื่องการสื่อสารเป้าหมายที่เข้าใจง่ายตามที่ต้องการในแต่ละครั้งให้ชัดเจน และมีการกำหนดกติการ่วมกันและมีความยืดหยุ่นในการติดตามงาน อีกทั้งภาวะการเป็นผู้นำและผู้ตามต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันตามสถานการณ์ตลอดเวลา เน้นการให้โรงเรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็น โค้ชต้องเป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายมากขึ้น
อีกเรื่องคือต้องมีการเห็นอกเห็นใจกัน มองในแง่บวกเสมอ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างความไว้วางใจในการทำงานได้ง่ายขึ้น สำหรับโค้ชชลงานทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจะมีอยู่ 3 คำติดตัวอยู่ตลอดเวลา คือ
ชื่นชมในสิ่งที่เขามี ชื่นชมในสิ่งที่เขาทำ และสุดท้าย คือ ชื่นชมในสิ่งที่เขาเป็น ซึ่งเราจะไม่เปลี่ยนแปลงเขา แต่เราจะเข้าไปหนุนเสริมในสิ่งที่โรงเรียนมีอยู่แล้วให้มีการพัฒนาและยั่งยืน
มากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของบริบทโรงเรียนที่มีความแตกต่างกัน เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญและเป็นตัวขับเคลื่อนในการทำงานร่วมกับโรงเรียนให้สำเร็จได้
จากบทสัมภาษณ์: นางสาวชลสาย กาศรีวิชัย (โค้ชชล) นักพัฒนาการศึกษา
มูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม
บทความใกล้เคียง
วิธีพัฒนาตนให้ Modern อยู่เสมอ
ยกระดับการเรียนรู้โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ด้วย 3 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการศึกษา จาก Starfish Education
Starfish Education กับภารกิจที่ไม่ใช่แค่ให้เด็กเข้าถึงการศึกษา แต่ต้องเป็น Meaningful Education
Related Courses
Micro Learning การดูแลสุขภาพใจ ป.1-3
การที่เด็กอารมณ์ดี มีความร่าเริงแจ่มใสจะมีผลต่อพัฒนาการในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น สมอง จิตใจ และร่างกาย แต่หากอารมณ์ไม่ ...
Micro Learning เรียนคณิตศาสตร์ ม.1-3
คอร์สนี้เป็นการเรียนรู้การเกี่ยวกับการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-3 โดยแบ่งเป็นบทเรียนที่เหมาะสมกับต่ละรดับชั้น ...
STAMPER Learning การเรียนรู้แบบบูรณาการ
STAMPER Learning เป็นการบูรณาการแบบใหม่ ครบจบทั้งขั้นตอนการเรียนรู้ และการประเมินผลสำหรับครู ซึ่งทำได้ง่ายๆ ในกิจกร ...
Micro Learning การดูแลสุขภาพใจ ป.4-6
เด็กระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 จะอยู่ในช่วงวัยที่เริ่มเรียนรู้จักพัฒนาตนเอง สนใจความรู้สึกตนเองและผู้อื่น เริ่มให้ความสนใจเพศตร ...